กรรมบถ ๑๐

 
tanrat
วันที่  3 พ.ย. 2557
หมายเลข  25719
อ่าน  8,380

กราบท่านอาจารย์ กรุณาให้ความกระจ่างของกรรมบถ ๑๐ ว่ามีอะไรบ้าง โดยเฉพาะมโนกรรม ๓ มีรายละเอียดอะไรบ้าง

กราบขอบพระคุณป็นอย่างสูงค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ต้องเข้าใจก่อนว่า กรรมมีจริงๆ เป็นธรรม ว่าโดยสภาพธรรมแล้วคือเจตนาเจตสิก เกิดกับจิตทุกขณะ ไม่มีเว้นเลย แต่กรรมที่จะเป็นเหตุในภายหน้าต้องสำเร็จเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมบถ เช่น ถ้าเป็นกุศลกรรม ก็อย่างเช่น ให้ทาน รักษาศีล การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เป็นต้น แต่ถ้าเป็นทางฝ่ายอกุศลกรรม เช่น ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ผู้อื่นเป็นต้น เมื่อเหตุมีแล้ว ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้าได้

แต่ถ้าเป็นเพียงอกุศลจิตที่เกิดขึ้น เช่น ขุ่นเคืองใจ หรือ ติดข้องยินดีพอใจโดยไม่ได้ล่วงออกมาเป็นอกุศลกรรมบถประการต่างๆ เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น ก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดผลคือวิบากในภายหน้า แต่ก็เป็นการสะสมสิ่งที่ไม่ดี เพราะถ้าสะสมมากขึ้น ก็อาจจะล่วงเป็นอกุศลกรรมบถได้ เพราะฉะนั้นจะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลย ที่ชื่อว่า กรรมบถ เพราะความเป็นทางของทุคติและสุคติทั้งหลาย ได้แก่ เจตนาที่เป็นไปทางกาย ๓ ทางวาจา ๔ และทางใจ ๓ รวมเป็น ๑๐

อกุศลกรรมบถ ๑๐ แสดงถึง ความเป็นไปของการกระทำอกุศลกรรม ได้แก่

ทางกาย ๓ ได้แก่

ปาณาติบาต การฆ่าสัตว์มีชีวิต ๑

อทินนาทาน การถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ๑

กาเมสุมิจฉาจาร การประพฤติผิดในกาม ๑

ทางวาจาก็มี ๔ คือ

มุสาวาท พูดสิ่งที่ไม่จริง ๑

ผรุสวาจา พูดคำหยาบ ๑

ปิสุณาวาจา พูดคำส่อเสียด ๑

สัมผัปปลาปวาจา คือพูดคำเพ้อเจ้อ คำที่ไม่มีประโยชน์ ๑

นี่เป็นวจีกรรม ๔ ซึ่งหักราน ตัดประโยชน์ของผู้อื่น

มโนกรรม ๓ คือ

อภิชฌา การเพ่งเล็งอยากได้ของของคนอื่นมาเป็นของของตน ๑

พยาปาท การเบียดเบียนประทุษร้ายผู้อื่น ๑

มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดจากความเป็นจริงของธรรม ๑

ส่วน กุศลกรรมบถ ก็โดยนัยตรงกันข้าม ครับ

ส่วนเรื่องมโนกรรมเชิญคลิกอ่านที่นี่ได้ดังนี้ ครับ

กรรมบถ มโนกรรม ข้อพยาบาท มีขอบเขตแค่ไหน อย่างไรครับ

พยาบาท ในอกุศลมโนกรรมต่างจากวิหิงสาวิตกไหมคะ

มโนกรรมที่ล่วงอกุศลกรรมบท

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 3 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มโนกรรม หมายถึง เจตนาเจตสิกที่ทำให้เกิดการกระทำทางใจเป็นส่วนมาก

อกุศลมโนกรรม ๓ ได้แก่ ...

๑. อภิชฌา ความเพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่นด้วยทุจริต (โลภเจตสิก)

๒. พยาบาท ความอาฆาตมุ่งร้ายปรารถนาให้ผู้อื่นพินาศ (โทสเจตสิก)

๓. มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดจากสภาพธรรมตามความเป็นจริง เช่น มีความเห็นว่า บาปบุญไม่มีนรกสวรรค์ไม่มี สัตว์ที่จะมาเกิดในโลกนี้หรือโลกหน้าไม่มี

(ทิฏฐิเจตสิก คือ ความเห็นผิด)

กุศลมโนกรรม ๓ ได้แก่ ...

๑. อนภิชฌา ความไม่เพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น (อโลภเจตสิก)

๒. อพยาบาท ความไม่อาฆาตมุ่งร้ายต่อผู้อื่น (อโทสเจตสิก)

๓. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง เช่น มีความเห็นว่าบาปบุญมีจริง มารดาบิดามีคุณจริง สัตว์บุคคลตัวตนเป็นเพียงสมมติ ไม่มีอยู่จริงโดยปรมัตถ์ สิ่งที่มีจริงคือนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น (ปัญญาเจตสิก)

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 3 พ.ย. 2557

ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ เช่น ท่านโสไรย เห็นท่านมหากัจจายนะ มีรูปสวย ก็คิดในใจ ขอให้พระเถระรูปนี้ควรเป็นภรรยาของเรา หรือ ภรรยาของเรามีรูปสวยอย่างท่าน ขณะที่คิดเพศชายหายไป เพศหญิงก็ปรากฏ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tanrat
วันที่ 4 พ.ย. 2557

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง

ขออนุโมทนาค่ะท่านทั้งสอง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 4 พ.ย. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
napachant
วันที่ 6 พ.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 28 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 28 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Kalaya
วันที่ 14 เม.ย. 2564

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ก.ไก่
วันที่ 7 ก.ค. 2564

อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Jans
วันที่ 12 ก.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ