ไปแสวงหา มงคล ก็ผิด
ค่อยๆ เป็น มงคล ขึ้นในชีวิตประจำวัน ด้วยความไม่เป็นเรา ทรงแสดง มงคล เพื่อการเจริญขึ้นของปัญญา ไม่มีเราที่จะไปแสวงหา มงคล ใครที่ฟังธรรมด้วยความเป็นเรา เมื่อไหร่เราจะเข้าใจ ก็จะไม่มีโอกาสเข้าใจธรรมเลย มีความเป็นเราที่ไปแสวงหาธรรม ธรรมกำลังเกิดดับอยู่ตรงหน้า ก็ไม่รู้ เห็นเกิดแล้ว มีจริงๆ ให้รู้ได้ แล้วเห็นก็ดับไป เพราะเหตุว่าความไม่รู้มีมาก ทรงแสดงมงคลอื่นๆ ทั้งหลาย ให้เกิดขึ้น จึงต้องอาศัยการฟังเพื่อขัดเกลากิเลสที่เพิ่มขึ้นทุกวัน อกุศลที่เกิดขึ้นทุกวัน เพิ่มขึ้น แล้วจะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงไม่ได้เลย
จุดประสงค์ของการฟังพระธรรมก็เพื่อให้เข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงๆ นี้เป็นมงคล การฟังธรรมของแต่ละคนขณะนี้ก็ต่างกัน ฟังเพราะไม่รู้จึงฟัง ยิ่งฟังยิ่งรู้ เพราะฉะนั้นฟังธรรมเพื่อเข้าใจ เพื่อเข้าใจอะไร? ไม่รู้อะไร? เพราะไม่รู้ธรรมตามความเป็นจริงไม่รู้สิ่งที่มีจริงขณะนี้ ในเมื่อขณะนี้มีเห็น แต่ไม่เคยรู้ แล้วใครรู้? พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏขณะนี้ ชีวิตประจำวันเป็นธรรมก็ไม่รู้ แล้วเมื่อไหร่จะรู้? ฟังจนกว่ารู้ว่าทุกคำที่ทรงแสดงเป็นวาจาสัจจะ ซึ่งจะนำไปสู่ญาณสัจจะ....นี่เป็นมงคล ไม่ต้องไปแสวงหามงคล หรือจะไปทำอย่างไรให้เป็นมงคล โดยไม่เข้าใจเลยว่า มงคลก็เป็นธรรม เป็นอนัตตา จึงต้องฟังด้วยความเคารพอย่างยิ่งไม่ใช่ ต่อ เติม แต่ง ธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นจะคิดเองไม่ได้ ถ้าคิดเอง ไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เหตุที่ทรงแสดง มงคล เพราะรู้ว่า ชีวิตประจำวัน อกุศลเกิดมาก ใครจะประพฤติตามมงคล ก็ยังเป็นเราทั้งหมด มงคลเป็นธรรม ที่จะเป็นความดีทุกอย่าง เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ประโยชน์ของการฟังมงคล ก็เพื่อรู้ว่า ไม่ใช่เรา
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...
ขออนุญาตพี่เมตตาเสริมจากที่ได้ฟังจากผู้ร่วมสนทนาและท่านอาจารย์เรื่องมงคลเพื่อความเข้าใจมั่นคงยิ่งขึ้นในเรื่องมงคลและการฟังธรรมค่ะ ผู้ร่วมสนทนา: เพราะฉะนั้น ก็คือ ศึกษามงคล ก็ยิ่งต้องเข้าใจความเป็นธรรมะ ที่ไม่ใช่เรา
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่เข้าใจ ไม่มีประโยชน์เลย เป็นตัวตน เป็นเราตลอด โดยไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเนี่ยนะคะ เป็นธรรมะ ซึ่งเป็นอนัตตา
ผู้ร่วมสนทนา: ทีนี้ ท่านอาจารย์คะ ถ้าอย่างศึกษามงคล เพื่อให้รู้ว่าเรามีมงคลอะไรบ้าง ก็ไม่ใช่แล้ว แต่ให้รู้ว่า การศึกษามงคลเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา
ท่านอาจารย์: แน่นอนค่ะ มิฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์เลยถ้ายังคงเป็นเรา เพราะฉะนั้น แต่ละท่านที่มาฟังธรรมะด้วยความเป็นเรานะคะ เมื่อไหร่เราจะเข้าใจ เมื่อไหร่เราจะเพียรให้มากๆ เพื่อที่จะรู้แจ้งสภาพธรรมะนะคะ ก็คือว่า ด้วยความเป็นตัวตน ไม่มีทางที่จะเข้าใจธรรมะได้เลย แต่ถ้ามาฟังเพราะไม่รู้นะคะ จึงฟัง แต่ก่อนนี้ไม่รู้จึงเป็นเรา แต่พอรู้แล้วก็ไม่ใช่เราเลยค่ะ ค่อยๆ ฟังให้เข้าใจขึ้น ในที่สุดก็สามารถที่จะประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมะตรงตามที่ได้ทรงแสดงทุกคำ ...
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ พี่เมตตา และทุกท่านที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะรู้จักบ้านธัมมะ ก็ไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ การศึกษาพระธรรม ต้องเป็นผู้ละเอียดจริงๆ และไม่สามารถได้ยินได้ฟัง แล้วคิดเองได้เลยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา น้องthilda อย่างมาก ค่ะ ที่ช่วยกันเสริมความละเอียดของพระธรรม พระธรรมละเอียด ลึกซึ้งมาก คิดเองไม่ได้
ขออนุโมทนาในกุศลจิตอีกครั้งค่ะ
ผู้คนส่วนใหญ่ แสวงหามงคลอย่างผิดหลักศาสนาพุทธ แม้แต่พระภิกษุสงฆ์บางรูป (ขออนุญาตกล่าวถึงนะครับเพราะเป็นเรื่องจริง) ก็ยังกล่าวถึงเรื่อง มงคล ผิดแผกไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ที่มีอยู่แทบทุกวัด นั่นเพราะไม่ได้ศึกษาพระธรรม ให้รู้และเข้าใจ จึงเดินทางผิด และเกิดปัญหาสังคมอยู่ทุกวันนี้ ถ้าหากพระสงฆ์ หรือครูบาอาจารย์ที่มีหน้าที่ ได้ศึกษาเกี่ยวกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องแท้จริงแล้ว รวมทั้งพุทธศาสนานิกชนทั้งหลาย เชื่อให้ถูก ปฏิบัติให้ตรง ปัญหาก็จะแก้ได้ทั้งหมด ความเป็นมงคลก็จะเกิดแก่ทุกคนที่ปฏิบัติอย่างถูกต้อง
ขออนุโมทนาครับ
