สนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน 3 สนทนาธรรมวันแรก

 
kanchana.c
วันที่  30 ธ.ค. 2557
หมายเลข  25985
อ่าน  2,404

สนทนาธรรมวันแรก

30 ธ.ค. 2557

ตื่นมาแต่เช้าเพื่อพิมพ์รายงานข่าวการเดินทางมาสนทนาธรรมที่ไซ่ง่อน เวียดนาม วันนี้ เป็นการสนทนาวันแรก จึงยังไม่รู้จักสถานที่ แต่ก็อาสาพาท่านอาจารย์ไปห้องประชุมที่ชั้น 2 คิดว่าจะหาง่ายๆ ออกจากลิฟท์ เพราะไม่รู้จึงเลี้ยวผิด ควรจะเลี้ยวซ้าย แต่เลี้ยวขวา เพราะ เห็นคุณนีน่า วัน กอร์คอม ยืนเขียนอะไรอยู่ที่เคาน์เตอร์ เดินตามไปกรอกรายชื่อต่อทันที ท่าน อาจารย์หาแว่นตา จึงอาสาด้วยความหวังดีว่า จะกรอกให้เอง เมื่อเขียนชื่อท่านอาจารย์เสร็จ ยังเขียนนามสกุลไม่ครบ เจ้าหน้าที่เห็นหน้าตาพวกเราไม่น่าจะเข้าห้องนี้ จึงถามว่า จะมาคาสิ โนใช่ไหม รีบบอกว่า ไม่ใช่ จะไปสนทนาธรรมที่ห้องประชุม เจ้าหน้าที่บอกว่า เลี้ยวผิดด้าน ด้านนี้เป็นบ่อนคาสิโน ห้องประชุมอยู่ทางขวามือ ต้องรีบขีดชื่อท่านอาจารย์ออก มีแต่ชื่อคุณนี น่าอยู่ในสมุดของผู้มีใช้บริการบ่อนคาสิโน เพราะไม่รู้จริงๆ จึงทำตามกันไป เพราะเชื่อใจคุณ นีน่าว่า ต้องรู้ดีกว่าเรา เพราะเป็นฝรั่ง เห็นไหม ความไม่รู้สามารถทำได้ทุกอย่าง เช่นเดียวกับ เมื่อรู้ เมื่อเข้าใจ ก็สามารถเห็นถูก ทำถูกได้ตามกิจหน้าที่ของความเข้าใจหรือปัญญา

เวลาสนทนาธรรมช่วงเช้า คือ 09.00 – 11.00 น. และช่วงบ่าย 16.00 – 18.00 น. เข้าห้อง ประชุมใกล้เวลาสนทนาธรรม มีผู้มาร่วมฟังนับร้อย ทั้งภิกษุ และผู้แต่งกายคล้ายภิกษุณี แม่ชี และฆราวาส มีหลายท่านคุ้นหน้ากันดี ห้องประชุมที่สนทนาธรรมก็ดีขึ้นและใหญ่ขึ้นทุกครั้ง คนฟังก็มากขึ้นทุกครั้งด้วย น่าอนุโมทนาผู้จัด ท่านอาจารย์และคณะวิทยากรที่มีถึง 5 เชื้อชาติ คือ ไทย (ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์) เนเธอร์แลนด์ (คุณนีน่า วัน กอร์คอม) คณ โจนาธาน แอบบ๊อท (ออสเตรเลีย) คุณซาร่าห์ พรอคเตอร์ (อังกฤษ) และคุณเติ่ม บัค (เวียดนาม)

พบแม่ชีสาลี่ (ชื่อไทย) เป็นชาวเวียดนาม เคยมาปฏิบัติธรรมที่วัดร่ำเปิง สะเมิง เชียงใหม่ถึง 2 ปี จนพูดภาษาไทยได้ เป็นเพื่อนกับคุณเติ่ม บัค จึงได้ร่วมฟังการสนทนาธรรมตั้งแต่ครั้งแรกที่ ฮานอย 2555 ครั้งนี้ก็เดินทางจากฮานอยมาฟังถึงไซ่ง่อน พบกันอีกครั้ง จำได้คลับคล้ายคลับ คลา จึงไปเปิดดูภาพประกอบในเรื่อง “สวัสดีฮานอย” ใช่จริงๆ ด้วย แสดงว่าฟังเข้าใจจึงได้ ติดตามมาฟังไกลขนาดนี้

ท่านอาจารย์พูดเป็นภาษาอังกฤษ คุณเติ่มแปลเป็นภาษาเวียดนาม คนถามเป็นภาษา เวียดนามบ้าง อังกฤษบ้าง แล้วคุณเติ่มก็แปลเป็นภาษาอังกฤษให้ท่านอาจารย์และคณะ วิทยากรฟัง แล้วตอบเป็นภาษาอังกฤษ คุณเติ่มแปลเป็นภาษาเวียดนามให้ผู้ฟังอีกที น่าสนุกดี แต่คุณเติ่มงานหนักมาก เพราะต้องพูดเกือบตลอดเวลา เธอเก่งและเสียงไพเราะ มีบุคลิกนิ่ง เย็น เหมาะกับสมญานามว่า อาจารย์สุจินต์เวียดนาม

ท่านอาจารย์เริ่มต้นการสนทนาว่า ความจริงเดี๋ยวนี้คืออะไร ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้า ใครก็ไม่สามารถรู้ความจริงได้ เดี๋ยวนี้ อะไรจริง เห็นจริงไหม เห็นคืออะไร ทำไมถึงรู้ว่าเห็น เพราะเห็นแล้ว ... โลกปรากฏ เพราะเห็นทางตา ได้ยินเสียงทางหู ได้กลิ่นทางจมูก ลิ้มรสทางลิ้น รู้สิ่งที่กระทบ สัมผัสทางกาย คิดนึกทางใจ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะฟังหลายภาษา กลับไปกลับมา รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็ เข้าใจขึ้นบ้าง ความจริงท่านอาจารย์พูดเสียเป็นส่วนใหญ่ ผู้ฟังเกือบทุกคนผ่านการปฏิบัติ ตามสำนักต่างๆ มาแล้วทั้งในประเทศของตนเอง ในประเทศไทยและพม่า แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่า ต้องเข้าใจธรรมะก่อน ความเข้าใจนั้นเองจึงทำกิจปฏิบัติ คือ ถึงเฉพาะลักษณะที่กำลังปรากฏ ขณะนี้ ไม่มีเราทำ มีแต่ธรรมะทำกิจของธรรมะ

หยุดรับประทานอาหารกลางวันเวลา 11.00 น. เพราะมีผู้ถือศีลที่ต้องรับประทานก่อนเที่ยง หลายท่าน คุณท้ายพาพวกเราไปทานอาหารที่ภัตตาคาร Song Ngu Seafood ที่ประกอบ ด้วยผักปนกับกุ้ง ปลา มากมายอีกตามเคย

สนทนาธรรมอีกครั้งตอน 16.00 น.

มีผู้ถามเรื่องไปสำนักวิปัสสนา ท่านอาจารย์ถามกลับว่า เห็นที่นี่กับเห็นที่สำนักต่างกันไหม เขาตอบว่า ไม่ต่างกัน ท่านอาจารย์พูดว่า ถ้าไม่ต่าง ทำไมต้องไป ไม่ศึกษาเห็นเดี๋ยวนี้ ที่นี่ มีผู้ถามเรื่องวิปัสสนา ท่านอาจารย์ตอบว่า เร็วไปที่จะพูดถึงวิปัสสนา เพราะวิปัสสนาอยู่ห่าง ไกลจากอวิชชามาก เดี๋ยวนี้ใกล้กว่าวิปัสสนา อวิชชาใกล้ที่สุด เพราะแม้แต่เห็นเดี๋ยวนี้ก็ยัง ไม่รู้ เมื่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ ไม่น้อมพระทัยจะทรงแสดงธรรม เพราะ ธรรมะลึกซึ้ง แต่ทรงแสดงสิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ เช่นเห็นเดี๋ยวนี้ ได้ยินเดี๋ยวนี้ เป็นต้น ว่าเป็น ธรรมะที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

ผู้ฟังปรารภว่า ไม่เคยได้ยินคำสอนอย่างที่ท่านอาจารย์สอนมาก่อนเลย ความจริงที่อาจารย์ นำมาสอนนั้นยากเกินไปสำหรับคนทั่วไปจะเข้าใจได้ ท่านอาจารย์ตอบว่า คำสอนของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าใหม่สำหรับทุกคนที่ไม่เคยฟัง มาก่อน และยากจะเข้าใจเพราะเป็นพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า พุทธศาสนิกชนคือผู้ฟัง ธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถามว่า ศาสนาพุทธต่างนิกายก็สอนการปฏิบัติต่างๆ กัน และพระธรรมคำสอนมีถึง 84,000 พระธรมขันธ์ ทำไมอาจารย์บอกว่ามีวิธีเดียว คือ ฟังให้เข้าใจ ท่านอาจารย์ตอบว่า สภาพธรรมใดมีประโยชน์ที่สุด สภาพธรรมนั้นคือปัญญา ทางให้เกิด ปัญญาก็คือฟังธรรม พิจารณาธรรม ไตร่ตรองธรรมที่ได้ยินได้ฟัง จนเข้าใจเป็นปัญญาที่จะ ปฏิบัติกิจของปัญญา

จบการสนทนาธรรม 18.00 น. มืดพอดี วันนี้ไปรับประทานเย็นกันเอง แต่ก็มีลูกหลาน เวียดนามพาไปทานก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ ที่ไม่ใช่เฝอ ก็อร่อยดี แล้วยังกายสามัคคีกับสหายธรรมที่ ร่วมเดินทางด้วย กลับมารีบรายงานข่าว แต่ก็มีอุปสรรค เพราะไฟในโรงแรมดับหลายครั้ง เดิน ออกไปสำรวจนอกห้อง มีคนบอกว่า ไฟไหม้ มีเรื่องทำให้ตกใจอีกแล้ว มองจากบันไดหนีไฟจะ เห็นควันสีดำกลุ่มใหญ่ มีไฟไหม้ตึกสูงที่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร มีเสียงรถดับเพลิง กำลังปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เพราะควบคุมเพลิงไว้ได้ โล่งใจไปที เพราะไม่รู้จึงต้อง กลัวภัยต่างๆ อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวกลัว เดี๋ยวโกรธ แล้วต่างก็ดับหมดไป ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ ของเราจริงๆ

... อ่านตอนต่อไป ...

สนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน 4

... อ่านย้อนหลัง ...

สนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน 2

สนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน 1


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ladawal
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pulit
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Boonyavee
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

"เพราะความไม่รู้ ไม่สามารถทำให้พ้นสังสารวัฎนี้ไปได้ ความเมตตาจากท่านอาจารย์สุจินต์ ที่คอยพร่ำสอนให้ค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ ให้ค่อยๆ มีความเห็นถูกขึ้น จนกว่าจะมีความเข้าใจในสภาพธรรมนั้นจนมั่นคง เป็นผู้ตรงต่อสภาพธรรมได้จริงๆ เท่านั้น หนทางละความไม่รู้จึงจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นก็ด้วยปัญญาที่ไม่ใช่เรา จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ภพกี่ชาตินั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับขณะนี้ที่ได้มีโอกาสได้ฟังพระธรรมและได้พบกัลยาณมิตรอย่างท่านอาจารย์สุจินต์ ที่ชี้ทางสว่างให้ ชีวิตนี้ก็ไม่เสียชาติเกิดแล้วคะ"

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่ และทุกๆ ท่านด้วยคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Jans
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
namarupa
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาพี่แดงค่ะ

ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งล่าม

และช่างภาพในเวลาเดียวกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
nopwong
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chamaikorn
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
tanrat
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ch.
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
khampan.a
วันที่ 1 ม.ค. 2558

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
siraya
วันที่ 1 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 1 ม.ค. 2558

สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
orawan.c
วันที่ 1 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
panasda
วันที่ 2 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
napachant
วันที่ 3 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
wirat.k
วันที่ 3 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
พรรณี
วันที่ 5 ม.ค. 2558

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
pamali
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ