บันเทิงในธรรมที่ญี่ปุ่น 6 ฟ้าปิด
ฟ้าปิด
อาจเพราะกรดกำมะถันออกจากปากปล่องภูเขาไฟอะโสะมากจนอาจเกิดอันตรายได้ เราจึงไม่ได้ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปดูปากปล่องภูเขาไฟ คุณวุฒิและวีคุงจึงพาพวกเราขึ้นกระเช้า ไฟฟ้าไปดูวิวทิวทัศน์แบบพาโนราม่า ที่หอคอยเมืองนางาซากิ
วันนั้นฝนตกค่อนข้างหนัก ต้องกางร่มไปที่อาคาร แล้วขึ้นรถกระเช้าไปที่หอคอยบน ยอดเขาเพื่อชมวิวที่มีทั้งทะเล ภูเขาและอาคารบ้านเรือน แต่ละด้านมีภาพถ่ายสิ่งที่จะเห็น ด้านล่าง พร้อมกับอธิบายว่ามีอะไรบ้าง แต่มองไม่เห็นอะไรเลยเพราะฟ้าปิด มีแต่เมฆและ หมอกหนา จึงเห็นแต่ภาพจำลองแล้วมโนเอาเองว่า ข้างล่างนั้นเป็นอะไร
ไม่ต่างกับการเรียนธรรมะที่รู้ชื่อ เรื่องราว จำนวน จำได้ ท่องได้ แต่ไม่รู้ลักษณะของ สภาพธรรมะจริงๆ ว่า จิตเป็นสภาพรู้นั้นคืออย่างไร เจตสิกที่เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมจิต รู้อารมณ์เดียวกับจิตมี 52 ประเภทนั้นคืออย่างไร รูป สภาพที่ไม่รู้อะไรนั้นคืออย่างไร เพราะ เมฆหมอกของอวิชชาปิดไว้อย่างหนาแน่นจนมืดมิด หนายิ่งกว่าเมฆหมอกหนาทึบ บนยอด หอคอยของเมืองนางาซากิหลายร้อยเท่า
เหลือเพียงความทรงจำที่ค่อยๆ เลือนหายไป
วันเกือบสุดท้ายที่ญี่ปุ่นไปที่เมืองฟุกุโอกะ เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น คุณ เบญจวรรณเป็นเจ้าภาพ พาพวกเราชมหอคอยเมืองฟุกุโอกะ เพราะทางทัวร์ให้เดินดูแต่รอบๆ บริเวณด้านล่าง หอคอยนี้ตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เกิดจากการถมทะเล เป็นหอคอยริมทะเลที่สูง ที่สุดในญี่ปุ่น สูงถึง 234 เมตร สามารถชมวิวได้ 360 องศา แต่วิวของญี่ปุ่นก็คล้ายๆ กัน คือ เห็นเกาะหลายเกาะกลางทะเล ภูเขา เห็นรีสอร์ทสวยริมทะเล มีหาดทรายที่เกิดจากการถม ทะเล และที่แปลกกว่าที่อื่น คือ มีภาพ 3 มิติ ที่เมื่อยืนถ่ายภาพที่จุดหนึ่ง จะเหมือนเล่น กายกรรมที่กำลังไต่ไม้แผ่นเดียวอยู่เหนือหอคอยฟุกุโอกะ พวกเราเลยทำท่าทางจะตกจาก แผ่นไม้ถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน
จากหอคอยไปรับประทานบุฟเฟต์ขาปูยักษ์ เจ้าของร้านพูดภาษาไทยได้ เพราะเคย ไปเปิดกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นที่สุขุมวิทถึง 10 ปี แต่เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ขัดแย้งทางการเมือง มีการปิดสนามบิน กิจการคงไม่ดี จึงย้ายกลับมาเปิดร้านอาหารที่ฟุกุโอกะ เขาอยู่เมืองไทย นานจนอินกับหนังละครไทย เมื่อพบกับคุณเบญจวรรณ สาวสวยของเรา จึงเข้ามาทักทายว่า เป็นอังศุมาลินและเขาเป็นโกโบริ และวันนั้นคุณเบญจวรรณ คุณแก้วตา และพวกเราได้จัดงาน วันเกิดให้พี่จี๊ดโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ซึ่งสำเร็จลงด้วยดีด้วยความร่วมมือของไกด์ทั้ง 2 คน
และเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง คือ ได้ช้อปปิ้งที่ย่านเทนจินที่มีชื่อเสียงของฟุกุโอกะ ที่มีร้านค้าทั้งบนดินและใต้ดินมากมาย และคานาลซิตี้ที่ทันสมัยและสวยงาม
อาหารเย็นมื้อสุดท้ายที่ฟุกุโอกะ พวกเราที่ไม่ได้รับประทานอาหารเย็นได้รับประทาน ผลไม้และร่วมสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ที่ร้านอาหารเดียวกันกับกลุ่ม เพราะโรงแรมอยู่ไกล ออกไป ไม่สะดวกที่จะไปส่งเราก่อน ท่านอาจารย์เน้นให้ฟังธรรมะให้เข้าใจ และช่วยกันเผย แพร่ตามที่เข้าใจ ไม่ต้องกังวลว่า พระธรรมลึกซึ้งจนไม่สามารถถ่ายทอดได้ ทำเท่าที่เข้าใจได้ เพราะมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ส่วนใหญ่ที่ได้ฟังก็เป็นธรรมะที่ปฏิรูปแล้วทั้ง สิ้น (คือบิดเบือนจากพระพุทธพจน์)
และเวลาของการพักผ่อนที่ญี่ปุ่นก็จบสิ้นลง เหลือไว้แต่ความทรงจำ ซึ่งก็จะเลือนหาย ไปในไม่ช้า เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องดับไป ไม่กลับมาอีกเลย แม้จะมาสถานที่ เดิม ก็จะไม่เหมือนเดิมทั้งสิ่งที่จะได้เห็น ได้สัมผัสและความรู้สึกนึกคิด เพราะสภาพธรรมะใหม่ ทุกขณะ
ขอกราบขอบคุณและอนุโมทนาท่านอาจารย์และพี่จี๊ดที่กรุณาจัดวันว่างทำให้เราได้ มาพักผ่อน เที่ยวชมสิ่งสวยๆ งามๆ แม้จะเพียงชั่วขณะที่เห็น แต่เมื่อยังไม่รู้ความจริงก็ยังติด ข้อง เพลิดเพลินเบิกบาน และท่านอาจารย์ยังกรุณาสนทนาธรรมทำให้บันเทิงในธรรมด้วย ความเข้าใจธรรมะยิ่งขึ้น ขอบคุณและอนุโมทนาอย่างยิ่งกับน้องเบญจวรรณ รัศมีสุวรรณกุล ที่เป็นเจ้าภาพเรียนเชิญท่านอาจารย์และพี่จี๊ดไปพักผ่อน พร้อมทีมงาน (มีคุณม้อ ปราณี คุณบรรอร พี่เรวัติ พี่เดือนฉาย) ที่บริการพวกเราให้สนุกสนานเพลิดเพลินตลอดเวลาการท่อง เที่ยว และเมื่อกลับมาเขียน “บันเทิงในธรรมที่ญี่ปุ่น” ก็ได้คุณวันชัย ภู่งาม ที่มีความสามารถ สูง แม้ไม่ได้มาด้วย ก็ช่วยใส่ภาพประกอบเรื่องและรู้ด้วยว่า พี่แดงเขียนผิด ขอบคุณค่ะ ที่ ทักท้วงและทำให้เรื่องที่เขียนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เหมือนทุกครั้งที่ช่วยใส่ภาพประกอบค่ะ
...
ขอเชิญชม "บันเทิงในธรรมที่ญี่ปุ่น" ทั้ง ๕ ตอนที่ผ่านมาได้ที่นี่ค่ะ ...
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
" ... ท่านอาจารย์เน้นให้ฟังธรรมะให้เข้าใจ และช่วยกันเผยแพร่ตามที่เข้าใจ ไม่ต้องกังวลว่า พระธรรมลึกซึ้งจนไม่สามารถถ่ายทอดได้ ทำเท่าที่เข้าใจได้ เพราะมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ส่วนใหญ่ที่ได้ฟังก็เป็นธรรมะที่ปฏิรูปแล้วทั้งสิ้น (คือบิดเบือนจากพระพุทธพจน์)
...
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง) คำจริง วาจาสัจจะ แม้เพียงคำเดียว เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง ขออนุโมทนาทุกๆ ท่าน ที่ช่วยกันเผยแพร่พระธรรม ให้รุ่งเรืองขึ้น ตามกำลังของตนๆ ในสมัยที่ความเห็นผิด มีมากมายเหลือประมาณ ในขณะนี้
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดงที่นำเรื่องราวดีๆ มาให้ได้รับชมรับฟัง (ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัยด้วยนะครับ) ชอบคำบรรยายที่พี่แดงสอดแทรกธรรมะได้กลมกลืนมากๆ ครับ
"ไม่ต่างกับการเรียนธรรมะที่รู้ชื่อ เรื่องราว จำนวน จำได้ ท่องได้ แต่ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมะจริงๆ ว่า จิตเป็นสภาพรู้นั้นคืออย่างไร เจตสิกที่เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมจิตรู้อารมณ์เดียวกับจิตมี 52 ประเภทนั้น คืออย่างไร รูป สภาพที่ไม่รู้อะไรนั้นคืออย่างไร เพราะเมฆหมอกของอวิชชาปิดไว้อย่างหนาแน่นจนมืดมิด หนายิ่งกว่าเมฆหมอกหนาทึบ บนยอดหอคอยของเมืองนางาซากิหลายร้อยเท่า"