ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๔ ดาลัด]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
.........
สนทนาธรรมที่ K'Lan Eco Resort ดาลัด วันที่สาม
(๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘)
เช้าตรู่ของวันนี้ ก่อนการรับประทานอาหารเช้า คุณผเดิม ยี่สมบุญ และ คุณสุรภา ภวนานันท์ ซึ่งได้ร่วมเดินทางมากับคณะของท่านอาจารย์ในครั้งนี้ด้วย และทั้งสองท่านได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่คณะของท่านอาจารย์เป็นอย่างดี แต่ได้พักอยู่ที่ Binh An Village Resort Dalat ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ได้พาท่านอาจารย์ไปเที่ยวชมรีสอร์ทริมทะเลสาบที่พักอยู่ เป็นรีสอร์ทที่สวยงามมาก
ข้าพเจ้าไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย แต่ได้รับความกรุณาจากคุณแอ๊ว (นภา จันทรางศุ) ได้ส่งภาพที่ได้บันทึกไว้มาให้ เมื่อได้เห็นภาพและมุมมองที่สวยงามของผู้ถ่าย รู้สึกดีใจ ที่มูลนิธิฯ จะมีช่างภาพฝีมือเยี่ยม คอยบันทึกภาพกิจกรรมของมูลนิธิฯเพิ่มอีกคน นอกจากนั้นยังได้กระเซ้าคุณแอ๊วไปว่า ฝีมือดีเช่นนี้ ต่อไปข้าพเจ้าคงตกงานเป็นแน่
ได้เห็นภาพท่านอาจารย์ท่ามกลางสวนดอกไม้ และ ทิวทัศน์ที่สวยงามดังภาพวาดเช่นนี้ ทำให้รู้สึกมีความสุข แม้ว่าจะเป็นเพียงภาพ ก็ทำให้ใจของผู้ที่ได้เห็น มีความแช่มชื่น ยินดีได้ ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณแอ๊ว คุณผเดิม และ คุณสุรภา มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
อันดับต่อไป ขอเชิญพิจารณาความการสนทนาธรรมของวันนี้
ตามที่พี่แดง (พล.อ.ต.หญิงกาญจนา เชื้อทอง) ได้กรุณาถอดความมาให้ได้อ่าน ดังนี้ครับ
.........
ถาม ได้ร่วมสนทนาธรรมหลายครั้ง อาจารย์พูดเสมอๆ เรื่องเห็น ได้ยินว่า ไม่ใช่เรา เป็นธรรมะ ทำอย่างไรถึงจะรู้สภาพธรรมนั้นได้ ยังคงไปนั่งสมาธิ แม้รู้ว่าเป็นโลภะ แม้จะขัดแย้งกับการสอนของอาจารย์
ซาร่าห์ ดีใจ ที่จริงใจ ว่าไม่รู้ พระโปถิละมีมานะว่ามีความรู้มาก จึงไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม บางคนคิดว่าอ่านมาก จำมากเป็นปริยัติ แต่ไม่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ จึงมีมานะว่าตนเองเก่ง อย่างที่ถามว่า เพราะไม่รู้จึงยังติดข้อง โลภะประเภทแรก คือ ติดข้องโดยไม่มีความเห็นผิด เช่น เพียงเห็น ยังไม่รู้รูปร่างสัณฐาน ไม่รู้ว่า ทิฏฐุปาทาน ยึดมั่นในความเห็นผิด และยึดถือในข้อปฏิบัติที่ผิด เช่น เมื่อได้ยินเรื่องแข็งว่า ไม่ใช่โต๊ะ ก็พยายามรู้แข็ง นั่นผิด เพราะเป็นเราที่พยายามจะเห็นว่า มีความเห็นผิดตลอดเวลา แม้ยังไม่ไปสำนักปฏิบัติ การติดข้องในรูปทั้งหมด เป็นอุปาทาน ทางเดียวที่จะเข้าใจการติดข้อง ก็คือ รู้ขณะนี้ เห็น ได้ยิน ที่นี่ หรือที่สำนักปฏิบัติ ก็เหมือนกัน ถ้าไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะ ซึ่งต้องเข้าใจเดี๋ยวนี้
ถาม ฟังว่ามีสภาพธรรมะปรากฏตลอดเวลา คงต้องฟังต่อไป เพื่อระลึกรู้ แต่ในขีวิตประจำวัน ยากมากที่จะระลึกรู้ เมื่อไปสำนักปฏิบัติ เพื่อระลึกรู้สภาพธรรมะ ทำให้รู้สึกว่าเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ท่านอาจารย์ ที่อื่นๆ ล่ะ ติดข้องมากขึ้นหรือเปล่า?
ผู้ถาม ไม่ไปที่อื่น ไปแต่สำนัก
ท่านอาจารย์ ยังคงมี "เรา" ตลอดเวลา คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปัจจัยให้เกิดโลภะไหม? ถ้าเป็น ไม่ใช่คำสอนของพระองค์
ถาม เพราะยังเป็นปุถุชน จึงยังไม่รู้และติดข้อง แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นและดับไปทันที ไม่ใช่หรือ?
ท่านอาจารย์ แล้วที่ติดข้องว่าต้องไปสำนักปฏิบัติล่ะ?
ถาม ติดข้องที่นั่นเอง ก็เกิดดับและเป็นปัจจัยให้จิตอื่นเกิดต่อ
ท่านอาจารย์ ที่อื่นก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
ถาม เข้าใจว่า ยังติดข้องจึงยังไป
จอน ที่ไปสำนัก เพราะคิดว่า จะมีทางลัดทำให้เข้าใจธรรมได้ ที่บอกว่าเป็นธรรมชาติ เพราะยังไม่ต้องการเข้าใจ และคิดว่ายังพยายามไม่พอ ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า อาตาปี ความอดทนที่จะระลึกรู้ และมีศรัทธาว่า เหตุที่ถูก นำผลที่ถูก เท่านั้น
ซาร่าห์ เมื่อตื่นขึ้นก็โลภะแล้ว เมื่อพยายามระลึกรู้ ก็ติดข้องในตัวตที่จะให้ระลึกรู้แล้ว บางคนจึงไปปฏิบัติผิดๆ เพื่อให้ได้ผลเร็วๆ เพราะติดข้องและปฏิบัติผิด จึงทำไม่รู้ลักษณะสภาพธรรม ซึ่งจะสะสมความเห็นและปฏิบัติผิดเพิ่มขึ้น จึงต้องค่อยๆ ละคลายความติดข้อง ด้วยความเข้าใจเพิ่มขึ้น
ถาม คิดว่า วิทยากรไม่เคยไปสำนัก จึงไม่รู้เรื่องของสำนัก คิดว่า โยคีในสมัยก่อนก็ต้องไปสำนัก เพื่อละคลายความติดข้อง ปกติจิตวุ่นวาย เมื่อไปสำนัก ง่ายที่จะทำให้สมดุล แต่เมื่อฟังอาจารย์ก็เข้าใจมากขึ้น ที่สำนัก อาจารย์ก็สอนเรื่องสภาพธรรม แต่ไม่ละเอียดเท่านี้ อาจารย์ก็สอนเรื่องกิเลส ที่บอกว่าสติไม่เกิดตลอดเวลา
ซาร่าห์ อาจารย์บอกว่า เพราะมีเรา ก็ยากที่จะละคลาย
จอน ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ ก็มีความหวังตลอดเวลา
ถาม มีความหวังที่สำนัก แต่ก็ดีกว่าในชีวิตประจำวันที่วุ่นวาย
จอน อารมณ์ของสติระลึก คือ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ถ้าสติระลึกขณะนั้นสมดุล ไม่ใช่ทำให้สมดุลแล้วสติจึงเกิด มีเห็น ได้ยิน ตลอดเวลาให้ระลึกรู้
ท่านอาจารย์ สมดุล คือ อะไร? เข้าใจ คือ อะไร?
ผู้ถาม เมื่อเข้าใจก็สมดุล
ท่านอาจารย์ จึงไม่ต้องมีใครสอนให้ทำสมดุล เมื่อเข้าใจก็สมดุล พระพุทธเจ้าทรงสอน 45 พรรษาอย่างละเอียดทุกอย่าง เพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมว่าเป็นอนัตตา เป็นปัจจัยให้ระลึกรู้ ถ้าไม่ฟัง และพิจารณาให้เข้าใจอย่างมั่นคง ก็ไม่สามารถรู้ลักษณะของสภาพธรรมได้ ก่อนตรัสรู้ โลกอยู่ในความมืด อย่าลืมว่า พระธรรมลึกซึ้งมาก จนไม่น้อมพระทัยที่แสดงธรรม สภาพธรรมเดี๋ยวนี้คืออะไร? ใครจะรู้ในความมืด ใครสามารถทำให้ค่อยสว่างขึ้น? ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใคร นอกจากสภาพธรรมหนึ่ง คือความเข้าใจ จึงควรศึกษาธรรมแต่ละคำให้เข้าใจ ไม่มีใครในโลกหรือในจักรวาลที่จะสอนอย่างนี้ !!!
"แต่ละคำ" ทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้น อนัตตาคืออนัตตา ไม่มีใครสามารถพยายามทำอะไรได้ เช่น อุปาทาน ติดข้อง หมายความว่าอะไร? ลึกแค่ไหน? มากแค่ไหน? แม้ "เห็น" เดี๋ยวนี้ ก็ไม่รู้ !!! ใครสามารถห้ามไม่ให้ติดข้องได้? แม้เกิดแล้วดับแล้ว ใครรู้??? มีเพียงขณะเดียวที่เห็นหรือ? ไม่ !! นับไม่ถ้วน !!! เหมือนเห็นตลอดเวลา เดี๋ยวนี้ ไม่รู้มากแค่ไหน? สะสมมาเป็นกัปๆ ใครทำให้สมดุลได้?
ที่เกิดมาด้วยความติดข้องและความไม่รู้ อุปาทาน ติดข้อง รูปติดข้องได้ไหม? ไม่ได้ สภาพธรรมใดเป็นอุปาทาน?
ตอบ ทิฏฐิ
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่คำในหนังสือ !!! บางคนอาจคิดว่า ละคลายอุปาทานง่ายๆ แต่ต้องรู้ว่า สภาพธรรมใดเป็นอุปาทาน ไม่รู้ทุกอย่าง จนกว่าจะเห็นประโยชน์ของพระธรรม ก่อนปรินิพพาน ทรงตรัสว่าอะไร? อย่าประมาทพระธรรม บางคนคิดว่ารู้สภาพธรรมง่ายๆ นั่นประมาทพระธรรม ใครสามารถเป็นครูได้? พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่าลืม พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ต้องเห็นพระคุณของพระองค์ กราบไหว้ใคร? อาจารย์ที่สอน? หรือ พระสัมมาสัมพุทโธ !!!
ถ้าไม่เข้าใจ ไม่สามารถละคลายอุปาทานได้ กามุปาทาน ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ใครไม่ติดข้อง? พระอรหันต์ !!! แต่จะพูดถึงปุถุชน กาม คือติดข้อง แม้ไม่เรียก ก็ติดข้อง โลภะติดข้องทุกอย่าง ยกเว้นโลกุตตรธรรม แม้แต่ปัญญา โลภะก็ติดข้อง ปัญญา เป็นสภาพธรรมเดียวที่สามารถละคลายโลภะได้ ใครรู้ว่า โลภะไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใคร ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมใดได้ เมื่อโลภะเกิดแล้ว ใครห้ามได้? ใครเปลี่ยนได้? ปัญญารู้ว่า ไม่ใช่ใคร บังคับบัญชาไม่ได้ เห็นเกิดแล้ว ใครห้ามได้? เกิดแล้วดับทันที ไม่กลับมาอีก เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ต้องทำอะไร มีสภาพธรรมเกิดดับตลอดเวลา ถ้าไม่มีคำสอนก็ไม่รู้ !!! ติดข้องในสิ่งที่ดับหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือ !! แต่มีปัจจัยให้มีสิ่งอื่นเกิดต่อทันทีอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ สมดุลคืออะไร? ไม่เข้าใจสภาพธรรมตามปกติ ตามความเป็นจริง ถ้าไม่ปกติ เป็นเรา เพราะยังเข้าใจความเป็นอนัตตาไม่พอ ถ้าใครพยายามทำอย่างอื่น ที่ไม่ใช่ทางสายกลาง เป็นการทำลายคำสอน ฟังคำของคนอื่น !! เข้าใจคำสอนผิด เป็นการทำลายคำสอน จนอันตรธานในที่สุด คนที่ยังไม่รู้ก็ยังมีความเห็นผิดได้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ทำอะไร แต่ให้ "ฟัง" และ "พิจารณา" คำสอนของพระองค์จน "เข้าใจ" ไม่ใช่คำของคนอื่น !!
อัตวานุปาทาน หรือ อัตวานุทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตน ทิฏฐิ ความเห็น มีความเห็นถูก และเห็นผิด สัมมา และ มิจฉา เมื่อคิดว่า เราทำ เราจะทำ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ว่าเป็นคนไทย คนจีน เป็นมิจฉา สภาพธรรม ไม่ใช่ใคร ไม่มีตัวตน แต่มีปัจจัยให้ลืมตลอดเวลา ลืมว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ลืม ก็เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะไม่ลืม ต้องฟังแล้วฟังอีก บ่อยๆ เนืองๆ แม้แต่เดี๋ยวนี้ก็ลืม แม้กำลังฟังว่าเป็นธรรมะ แม้เห็น กามุปาทานก็เกิด
ปัญญา 3 ระดับ คือ สัจจญาณ กิจญาณ กตญาณ แสดงความลึกซึ้งของสภาพธรรม หลังจากฟังคำว่า อนัตตา เป็นสัจญาณหรือยัง? ยัง เพราะญาณ ไม่ใช่เพียงฟังเข้าใจ แต่ต้องมั่นคงว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ บางทีคิดว่ามิจฉาทิฏฐิเป็นปัญญา จึงต้องเข้าใจว่า ปัญญาเป็นธรรมะ บังคับไม่ได้ เกิดจากการฟังให้เข้าใจ ทุกคนยังมีกามุปาทาน ไม่ต้องกังวล เพราะเป็นธรรมะที่ปัญญาเท่านั้นสามารถละคลายได้ จากคำสอนไม่มีใครทำอะไรได้ นอกจากปัญญาทำกิจของปัญญาละคลายกิเลส เมื่อความเห็นผิดเกิดขึ้น แม้จะพยายามเท่าไรก็ห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้
ซาร่าห์ โปถิละ รู้แต่ปริยัติ เมื่อ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ใบลานเปล่า ก็ปฏิบัติจนบรรลุ จากมูลคันธสูตร แสดงถึงภิกษุที่รู้ปริยัติ แต่มีมานะ ไม่ปฏิบัติด้วยการระลึกรู้
ถาม อยากรู้เรื่องสมาธิ
ท่านอาจารย์ ตอนนี้มีสมาธิไหม? ไม่มี
ท่านอาจารย์ มีสภาพธรรมตอนนี้ไหม? มี
ท่านอาจารย์ อะไรบ้าง? ไม่รู้
ท่านอาจารย์ เห็นไหมว่า แม้ขณะนี้ก็ยังไม่รู้ แต่อยากจะรู้อย่างอื่นที่ไม่ปรากฏ ตอนนี้มีจิตไหม? มี รู้ลักษณะจิตของจิตเดี๋ยวนี้ไหม? ยังไม่รู้ จิตเป็นสภาพรู้สามารถรู้อารมณ์ได้ สมาธิ ก็เป็นนามเหมือนกัน ต่างกับรูป ที่ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่เกิดจะรู้ไหม? ไม่ ศึกษาได้ไหม? ไม่ได้ สิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้รู้ไหม? รู้เห็นไหม? ไม่รู้ สมาธิยังไม่เกิด จึงรู้ไม่ได้
ท่านอาจารย์ อะไรที่กามุปาทานยึดมั่นที่สุด?
ตอบ สิ่งที่ปรากฏให้เห็น เสียง ความรู้สึกเป็นสุข
ท่านอาจารย์ เช่นอะไร?
ท่านอาจารย์ ติดในความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนมากที่สุด (being) เพราะอะไร?
ตอบ เพราะสะสมมา
ท่านอาจารย์ เราต้องตระหนักถึงความลึก ความกว้างของความติดข้อง เมื่อสูญเสียของรัก เกิดความเศร้าโศก มากน้อยแค่ไหน ขี้นกับระดับของความติดข้อง แต่ใครห้ามไม่ได้ เมื่อโลภะเกิดก็ทำกิจติดข้อง อะไรที่ทำให้โลภะลดลง? ความเข้าใจ สิ่งที่ติดข้องมากที่สุดคือตัวตน จึงเป็นเหตุให้ทำทุกอย่างตามที่ติดข้อง
คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ละคลายโลภะ ทีละเล็ก ทีละน้อย แม้พระโสดาบันไม่เห็นผิดในความเป็นตัวตน แต่ยังคงมีโลภะ เข้าใจคำสอนในความเป็นอนัตตา และเดินทางด้วยอนัตตาตลอดทาง ธรรมะทั้งหมดเกิดเพราะเหตุปัจจัย สติ ปัญญา โลภะ ล้วนเกิดเพราะเหตุปัจจัย ล้วนเป็นเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ต้องเป็นปัญญา สิ่งที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แม้เริ่มต้นปัญญายังน้อย เมื่อฟังมากขึ้น ปัญญาก็เจริญขึ้น
นาม (เด็กชายวัย 11 ขวบที่ศึกษาพระอภิธรรม 3 เดือนก็เข้าใจ) ถามว่า เคยอ่านเรื่องนิพพานว่าไม่เกิด ไม่ดับ แล้วเป็นอะไร? พระพุทธเจ้านิพพานได้อย่างไร?
ท่านอาจารย์ เห็นเกิดดับไหม? เกิดดับ จึงไม่ใช่นิพพาน อวิชชาไม่สามารถเข้าใจนิพพาน ปัญญาค่อยๆ เข้าใจอนัตตา จนไม่มีตัวตน ถ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ปรากฏ ยังไม่ใช่การอบรมปัญญาเพื่อรู้นิพพาน อยากรู้สิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้หรือสิ่งที่ยังไม่ปรากฏ?
นาม สิ่งที่กำลังปรากฏ
ท่านอาจารย์ ไม่มีใครรู้ความจริงของเห็นเดี๋ยวนี้ มีแต่ปัญญาทำกิจของปัญญา ถ้าไม่มีปัจจัยให้ปัญญาเกิด ปัญญาก็เกิดไม่ได้ ปัญญาคืออะไร? ปัญญา เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ !!!
ถาม ได้รับประโยชน์จากการร่วมสนทนาธรรม อยากถามเรื่องสติปัฏฐาน
ซาร่าห์ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏทางกาย เย็นร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ด้วยความไม่ใช่ตัวตน ไม่จงใจจะรู้ที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ระลึกความรู้สึกที่กำลังปรากฏ ... สติปัฏฐาน คือ ปฏิปัตติ
ท่านอาจารย์ อยากรู้ สติปัฏฐาน หรืออยากรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ? ยังคงเป็นเราเห็น เราได้ยิน เราจำได้ ปัญญามี 3 ระดับ สัจญาณ กิจญาณ กตญาณ ต้องรู้ด้วยตนเอง ว่ามีปัญญาระดับไหน
ซาร่าห์ สัจญาณ เข้าใจความจริงอย่างมั่นคงในอริยสัจ 4 ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน กิจญาณ เป็นปฏิปัตติหรือสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ !!
ท่านอาจารย์ สัจญาณ เข้าใจอริยสัจ 4 อย่างมั่นคง ทุกขอริยสัจจะ คือ อะไร?
ตอบ แน่ใจว่าอวิชชาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
จอน ทุกข์เป็นสามัญลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยทั้งหมด "เห็น" ทุกข์ไหม ทำไม?
ตอบ เพราะเกิดขึ้นแล้วดับไป
จอน ใช่ เช่นเดียวกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ทุกสิ่งที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยเป็นทุกข์ เมื่อเกิด ต้องแก่ ต้องตาย ทุกขณะเกิดดับเป็นทุกข์ ขันธ์ 5 เป็นทุกข์
ถาม 1 ช่วยอธิบาย บารมี ที่ส่งเสริมให้เกิดปัญญา
ซาร่าห์ บารมีเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา รู้ว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เช่น ทาน ศีลส่งเสริมให้เกิดปัญญา
ถาม ความแตกต่างระหว่างบารมีและ สติปัฏฐาน
จอน ไม่ควรเปรียบเทียบคำสอนว่าแตกต่างกัน ความจริงแต่ละส่วนประกอบกันและสอดคล้องกันทั้งหมด
ต. บารมีต่างกันแสดงถึงสภาพธรรมที่ต่างกันใช่ไหม?
ซาร่าห์ แต่ทรงแสดงว่าเป็นกุศลธรรมที่เป็นอนัตตา ซึ่งต้องอบรมเจริญจนถึงที่สุด
ถาม ทำกุศลอย่างไรจึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่เราทำ
ซาร่าห์ ก่อนการตรัสรู้ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ ขณะให้ ไม่สามารถบังคับความคิดได้ อาจคิดล่วงหน้าว่าจะให้อะไร บังคับไม่ได้ มีประโยชน์กว่า ว่าควรคิดอย่างไร แต่รู้ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา
ท่านอาจารย์ ตอนนี้มีบารมีไหม? ไม่ใช่เพียงยกคำขึ้นมาโดยไม่เข้าใจ ไม่มีใครรู้ว่า เป็นบารมีอะไรหรือไม่ ขณะฟังธรรมเป็นบารมีไหม?
ตอบ เป็น สัจจบารมี
ท่านอาจารย์ สัจจบารมีต้องมั่นคงในอริยสัจ 4 ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นบารมีหรือยัง? รู้ด้วยตัวเอง เป็นปัญญาบารมีหรือยัง? ยัง มีขันติไหม? มี เป็นบารมีไหม? ถ้าคิดว่า วิธีนี้ช้าในการเจริญปัญญา ยังไม่ใช่บารมี ถ้าคิดว่ามีทางลัด ถูกหรือผิด? อกุศลทั้งหมดไม่ใช่บารมี สัจญาณ เป็นบารมี เพราะนำไปสู่กิจญาณ สติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง
ถาม กำลังฟังธรรมอยู่ จะเป็นบารมีได้อย่างไร เมื่อยังเป็นเราฟัง
ท่านอาจารย์ อกุศลทั้งหมดไม่ใช่บารมี
ถาม สับสนระหว่างกุศลและอกุศล เพราะเมื่อเช้าพูดถึงสำนักปฏิบัติว่า ไม่เข้าใจ ตามปกติเมื่อทุกข์ ไปหาอาจารย์ให้ช่วยบรรเทาทุกข์ เป็นกุศลหรือไม่?
ท่านอาจารย์ ทุกวันนี้เป็นกุศลตลอดหรือไม่? หรือเป็นโลภะ? ใครจะเป็นอย่างไรก็เป็นไป ตามการสะสม อยากเป็นสุขทั้งวัน โดยไม่รู้อะไร ใครจะนำไปสู่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้? ถ้าคิดว่า ไม่ควรฟังคำสอนว่า ไม่ใช่เรา แต่ทำสิ่งที่พอใจ ไม่เห็นคุณค่าของความเข้าใจว่า เป็นทาสของโลภะตลอดเวลา เมื่อไรจะหลุดพ้นจากความเป็นทาสของโลภะ? อย่างนี้เป็นสัจญาณหรือไม่? ยังไม่เป็นถ้ายังไม่เป็น ก็ยังไม่ถึงกิจญาณ ยังไม่ใช่ปฏิปัตติ สติปัฏฐาน ที่ถึงลักษณะของสภาพธรรมะตามความเป็นจริง
(ขอเชิญชมคลิปวีดีโอบันทึกการสนทนาธรรมบางตอนของวันนี้ รวม ๑๒ คลิป ได้ที่นี่)
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง)
สำหรับข้อความการสนทนาธรรม ที่ถอดความสดขณะฟัง มาให้ประกอบเรื่อง ครับ
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ท่านสามารถคลิกอ่านกระทู้ทั้งหมดในครั้งนี้ ตามลิงก์แต่ละหัวข้อด้านล่าง :
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๒]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๓]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๔]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๕ ดาลัด]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๖ ดาลัด]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๗ ดาลัด]
- ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
- อันเนื่องมาจากการเดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
- ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เดินทางไปร่วมในพิธีศพสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๘ ดาลัด-ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๙ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๐ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๑ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๒ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๓ ญาจาง พักผ่อนและสนทนาธรรมก่อนกลับ]
ขอบพระคุณพี่วันชัยค่ะ ในเรื่องราวที่นำมาให้เราได้อ่านได้ชม กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ที่ เอื้อเฟื้อพวกเราค่ะ และอนุโมทนาในกุศลของพี่ๆ สหายธรรมทุกท่านค่ะ
อนุโมทนาค่ะ (ถ้า แยก ธรรมะ กับ รูป ออก คนละส่วนกัน น่าจะ สะดวก ในการอ่านและพิจารณาธรรม ..ความเห็นส่วนตัวค่ะ)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง และ คุณวันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่งค่ะ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาขอบพระคุณท่านวิทยากร ผู้ดำเนินการจัดการสนทนาธรรมครั้งนี้และผู้สนทนาธรรมทุกท่านพร้อมทั้งผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
ขออนุโมทนาขอบพระคุณพลอ.ต.หญิงกาญจนา เชื้อทองและคุณวันชัย ภู่งามที่ร้อยเรียงถ้อยคำและภาพจากการสนทนามาถ่ายทอดให้รับฟังและรับชม ราวกับนั่งฟังสนทนาอยู่ด้วย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิต ของคุณวันชัย ภู่งามและคุณแม่แดง เป็นอย่างยิ่ง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ คุณพี่วันชัย ภู่งาม และทุกท่านครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง และ คุณวันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่งค่ะ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ