ปโตทสูตร ... วันเสาร์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๙
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๙
คือ
ปโตทสูตร
...จาก...
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๓๐๓
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๓๐๓
๓. ปโตทสูตร
(ว่าด้วยม้าอาชาไนยและบุรุษอาชาไนย ๔ จำพวก)
[๑๑๓] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน? คือ ม้าอาชาไนย ตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ พอเห็นเงาปฏักเข้าก็ย่อมสลด ถึงความสังเวชว่า วันนี้นายสารถีผู้ฝึกม้า จักให้เราทำเหตุอะไรหนอ เราจักทำต่ออาการนั้นอย่างไร ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ ก็มี นี้เป็นม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ ๑ มีปรากฏอยู่ในโลกนี้
อีกประการหนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ เห็นเงาปฏักแล้ว ย่อมไม่สลด ไม่ถึงความสังเวชเลยทีเดียว แต่เมื่อถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขน จึงสลด ถึงความสังเวชว่า วันนี้ นายสารถีผู้ฝึกม้า จักให้เราทำเหตุอะไรหนอ เราจักทำต่ออาการนั้นอย่างไร ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ ก็มี นี้เป็นม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ ๒ มีปรากฏอยู่ในโลก
อีกประการหนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ เห็นเงาปฏักแล้ว ย่อมไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช แม้ถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขนก็ไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช แต่เมื่อถูกแทงด้วยปฏักถึงผิวหนัง จึงสลด ถึงความสังเวชว่า วันนี้นายสารถีผู้ฝึกม้า จักให้เราทำเหตุอะไรหนอ เราจักทำต่ออาการนั้นอย่างไร ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ ๓ มีปรากฏอยู่ในโลก
อีกประการหนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ เห็นเงาปฏัก ก็ไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช แม้ถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขนก็ไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช แม้ถูกแทงด้วยปฏักถึงผิวหนังก็ไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช แต่เมื่อถูกแทงด้วยปฏักถึงกระดูก จึงสังเวช ถึงความสลดว่า วันนี้นายสารถีผู้ฝึกม้าจักให้เราเหตุอะไรหนอ เราจักทำต่ออาการนั้นอย่างไร ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ ก็มี นี้เป็นม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในโลก ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ ๔ จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก ฉันนั้นเหมือนกัน ๔ จำพวกเป็นไฉน? คือ บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ได้ฟังว่า ในบ้านหรือในนิคมโน้นมีหญิงหรือชายถึงความทุกข์หรือทำกาลกิริยา (ตาย) เขาย่อมสลด ถึงความสังเวชเพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้วเริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย มีใจเด็ดเดี่ยว ย่อมกระทำให้แจ้วซึ่ง ปรมสัจจะ ด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ม้าอาชาไนยตัวเจริญพอเห็นเงาปฏัก ย่อมสลดถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้น ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้เห็นปานั้นก็มี นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ ๑ มีปรากฏอยู่ในโลก
อีกประการหนึ่ง บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ฟังว่าในบ้านหรือในนิคมโน้น มีหญิงหรือชายถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา แต่เขาเห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยาเอง เขาจึงสลด ถึงความสังเวชเพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้ว เริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย มีใจเด็ดเดี่ยว ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ม้าอาชาไนยตัวเจริญถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขนย่อมสลด ถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบ ฉันนั้น ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มีนี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ ๒ มีปรากฏอยู่ในโลก
อีกประการหนึ่ง บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ฟังว่าในบ้านหรือในนิคมโน้น มีหญิงหรือชายถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา และไม่ได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยาเอง แต่ญาติหรือสาโลหิตของเขาถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา เขาจึงสลด ถึงความสังเวชเพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้ว เริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย มีใจเด็ดเดี่ยวย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญาม้าอาชาไนยตัวเจริญถกแทงผิวหนังจึงสลด ถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้น ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ ๓ มีปรากฏอยู่ในโลก
อีกประการหนึ่ง บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ฟังว่าในบ้านหรือในนิคมโน้น มีหญิงหรือชายถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา และไม่ได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยาเอง ทั้งญาติหรือลาโลหิตของเขาก็ไม่ถึงทุกข์ หรือทำกาลกิริยา แต่เขาเองทีเดียว อันทุกขเวทนาเป็นไปทางสรีระ กล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ แทบจะนำชีวิตไปเสีย ถูกต้องแล้ว เขาจึงสลด ถึงความสังเวชเพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้วเริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย มีใจเด็ดเดี่ยว ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ม้าอาชาไนยตัวเจริญถูกแทงด้วยปฏักถึงกระดูก จึงสลด ถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้น ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนย ผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในโลก
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
จบปโตทสูตรที่ ๓
อรรถกถาปโตทสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในปโตทสูตรที่ ๓ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปโตทจฺฉายํ ความว่า เงาแห่งปฏักที่ยกขึ้นเพื่อจะแทง. บทว่า สํวิชติ ความว่า สะดุ้งด้วยกำหนดว่าเราต้องเร่งฝีเท้า. บทว่า สํเวคํ อาปชฺชติ ความว่า แทงให้สะดุ้ง. บทว่า โลมเวธวิทฺโธ ความว่า พอถูกปฏักแทงจ่อที่ขุมขน. บทว่า จมฺมเวธวิทฺโธ ความว่า เอาปฏักแทงตัดผิวหนัง. บทว่า อฏฺฐิเวธวิทฺโธ ความว่า เอาปฏักแทงทะลุถึงกระดูก. บทว่า กาเยน คือด้วยนามกาย. บทว่า ปรมสจฺจํ คือนิพพาน. บทว่า สจฺฉิกโรติ คือถูกต้อง. บทว่า ปญฺญาย คือมรรคปัญญาพร้อมด้วยวิปัสสนา.
จบอรรถกถาปโตทสูตรที่ ๓
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
ปโตทสูตร
(ว่าด้วยม้าอาชาไนยและบุรุษอาชาไนย ๔ จำพวก)
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงลักษณะของม้าอาชาไนย เปรียบเทียบกับคุณลักษณะของบุรุษอาชาไนย ๔ ประการ ดังนี้ คือ
๑. ม้าอาชาไนย ที่พอได้เห็นเงาปฏัก ก็สลด สำนึกว่าเขาจะให้ทำงานอะไร เปรียบเหมือนบุรุษอาชาไนย ที่พอได้ยินข่าวว่ามีคนประสบทุกข์หรือตาย ก็สลดใจ มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวที่จะอบรมเจริญปัญญาจนถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
๒. ม้าอาชาไนยที่ไม่กลัวเงาปฏัก แต่พอถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขน จึงสลด สำนึกว่าเขาจะให้ทำงานอะไร เปรียบเหมือนบุรุษอาชาไนยที่ได้เห็นคนประสบทุกข์หรือตาย จึงสลดใจ มีความเพียรมีใจเด็ดเดี่ยวที่จะอบรมเจริญปัญญาจนถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
๓. ม้าอาชาไนย ที่ไม่กลัวเงาปฏัก ไม่กลัวการถูกแทงที่ขุมขน แต่พอถูกแทงด้วยปฏักถึงผิวหนัง จึงสลด สำนึกว่าเขาจะให้ทำงานอะไร เปรียบเหมือนกับบุรุษอาชาไนยที่มีญาติของตนประสบทุกข์หรือตาย จึงสลดใจ มีความเพียรมีใจเด็ดเดี่ยวที่จะอบรมเจริญปัญญาจนถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
๔. ม้าอาชาไนย ที่ไม่กลัวเงาปฏัก ไม่กลัวการถูกแทงที่ขุมขน ไม่กลัวการแทงที่ผิวหนัง แต่พอถูกแทงด้วยปฏักจนถึงกระดูก จึงสลด สำนึกว่าเขาจะให้ทำงานอะไร เปรียบเหมือนกับบุรุษอาชาไนย ที่ตนเองประสบทุกข์หนัก จึงสลดใจ มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวที่จะอบรมเจริญปัญญาจนถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
ขอเชิญคลิกศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
การบรรลุธรรม ถ้าไม่เอาชีวิตเข้าแลก จะไม่ถึงใช่ไหมครับ
การทำความเพียรในพระพุทธศาสนา เพื่อการบรรลุธรรม
ความตายนั้น เป็นปรมัตถธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง
ความเพียรที่ถูกต้องคือความเพียรที่เกิดพร้อมกับสติ
ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้
เริ่มรู้สึกว่าพระธรรมยาก
รูปกาย นามกายและธรรมกายคืออย่างไร
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...