ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๕๖

 
khampan.a
วันที่  17 ก.ค. 2559
หมายเลข  27983
อ่าน  2,465

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๕๖


~ การที่จะดับกิเลส ก็จะต้องอาศัยการขัดเกลา การเป็นผู้ที่มีปรกติเจริญกุศลทุกขั้น

~ ความเห็นถูก เป็นเรื่องยาก ถ้าไม่อาศัยการอบรมจริงๆ จะมีความเห็นผิด คลาดเคลื่อนไปได้ และมีหนทางที่จะคลาดเคลื่อนไปได้มากทีเดียว

~ ส่วนมากจะเข้าใจว่าศีลนั้นเป็นกุศลอย่างเดียว ที่ศีลเป็นกุศล หมายความถึงเฉพาะศีลที่จะขัดเกลากิเลส จึงเป็นกุศล แต่ว่าธรรมดาแล้ว ศีลก็หมายความถึงความประพฤติของกาย ของวาจา ซึ่งถ้าเป็นทุจริตก็เป็นอกุศล ถ้าเป็นสุจริตก็เป็นกุศล

~ ประโยชน์ที่จะมหาศาลจริงๆ ต้องเป็นการรู้ตรงของจริง เพราะฉะนั้น ถ้าการไปปฏิบัติ แต่ไม่ทำให้ปัญญารู้ตรงของจริงที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง จะยึดถือ จะเชื่อว่าเป็นประโยชน์มหาศาลไม่ได้

~ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของพุทธะ คือ ปัญญา เป็นเรื่องของปัญญา เป็นเรื่องของความรู้จริงๆ ตั้งแต่ต้นคือในขั้นของการฟัง ถ้าความรู้ในขั้นของการฟังไม่มี ความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟังยังไม่ชัดเจน ยังไม่ถูกต้อง ท่านจะประพฤติปฏิบัติเพื่อให้ปัญญาเกิดขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าปัญญานั้นจะต้องเริ่มเกิดตั้งแต่ขั้นของการฟังเสียก่อน เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้

~ ผู้ที่สะสมความโน้มเอียงที่จะเห็นผิด ท่านผู้ฟังจะสังเกตได้ว่า เรื่องใดที่เป็นเรื่องผิด ผู้นั้นพร้อมที่จะรับทันที ง่ายเหลือเกินที่จะคิดว่าถูก เชื่อว่าเป็นความจริง เพราะเหตุว่าสะสมความโน้มเอียงที่จะเห็นผิด เข้าใจผิด แต่ว่าเรื่องใดที่เป็นเรื่องถูก เรื่องใดที่เป็นเรื่องจริง เรื่องใดที่เป็นเรื่องละเอียด บุคคลที่มีความโน้มเอียงสะสมมาที่จะเห็นผิด ไม่ยอมรับเลย ปฏิเสธ เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่จริง หรือว่าไม่ถูก

~ ถ้าข้อปฏิบัตินั้นผิด คลาดเคลื่อน ไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้ อกุศลธรรมก็ย่อมเจริญ (คือ เกิดเพิ่มมากยิ่งขึ้น) สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ก็ย่อมเจริญ เพราะว่าชีวิตปกติประจำวันนั้น มาจากความเห็นผิด เพราะฉะนั้น ทุกอย่างก็ผิดตามไปด้วย เพราะเหตุว่า ไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้

~ เรื่องของสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นอนัตตานั้น ถ้ายังมีเหตุปัจจัยของอกุศลธรรมอยู่ อกุศลธรรมนั้นก็เกิด และก็เป็นปัจจัยให้กระทำอกุศลกรรมได้ ถึงแม้ว่าท่านเป็นผู้ที่ใคร่จะดับกิเลส แต่ถ้ายังมีปัจจัยที่จะให้ทำทุจริตกรรมอยู่ ทุจริตกรรมก็ย่อมเกิดได้

~ ถ้ากิเลสของตนเบาบางแล้ว จะชื่อว่า รักษาบุคคลอื่นได้ไหม? คนอื่นย่อมจะไม่ได้ถูกเบียดเบียนด้วยการกระทำของผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน (ระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) เพราะเหตุว่าเมื่อบุคคลเจริญสติปัฏฐาน มุ่งที่จะขัดเกลากิเลสเพื่อรักษาตน กิเลสของบุคคลนั้นเบาบางแล้ว ก็ย่อมชื่อว่า รักษาบุคคลอื่น ที่จะไม่เบียดเบียนบุคคลอื่นด้วย

~ ถ้าขณะนั้นจิตเป็นอกุศล กุศลกรรมทั้งหลายเกิดไม่ได้แน่นอน แม้แต่ในเรื่องของทาน ถ้าในขณะนั้นจิตเป็นอกุศล ยังมีความยึดมั่นในวัตถุที่ควรจะสละเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น แต่สละไม่ได้ เพราะเหตุว่า ในขณะนั้นจิตเป็นอกุศล หรือว่าควรจะสงเคราะห์ อนุเคราะห์เกื้อกูลบุคคลอื่น แต่ก็กลับเบียดเบียนบุคคลอื่น เพราะเหตุว่า ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล

~ ชีวิตของมนุษย์เป็นชีวิตที่เล็กน้อย และสั้นมาก เมื่อเป็นชีวิตที่สั้นและเล็กน้อยก็ควรจะหาประโยชน์จากชีวิตนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และที่จะเป็นชีวิตที่มีค่าได้ ก็ด้วยการเจริญกุศล ขัดเกลาเพื่อการดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) แต่ถ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยการประกอบอกุศลกรรม เป็นต้นว่า การฆ่า ก็ไม่ใช่ชีวิตที่มีค่าเลย

~ กุศลธรรม ซึ่งเป็นธรรมฝ่ายดี ไม่มีปัญหา อกุศลธรรม เท่านั้นที่เป็นปัญหา ความเข้าใจถูก (ปัญญา) จะทำให้ชีวิตดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง เพราะปัญญาสามารถเห็นว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว เมื่อไม่มีปัญญา ไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ก็เกิดปัญหา ทางแก้มีทางเดียว คือ เมื่อเกิดปัญญารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด จึงจะแก้ปัญหาได้

~ พระธรรมเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้จริงๆ ว่า เกิดมามีโอกาสได้ฟัง ได้เข้าใจธรรมนั้น เป็นขณะที่แสนยาก ขณะที่หายากในโลก คือ ขณะที่มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมที่ทรงแสดง ซึ่งเป็นขณะนี้ เพราะว่าทรัพย์สมบัติติดตัวไปไม่ได้ เงินซื้อความตาย ความสุข และปัญญา ไม่ได้ แม้เกียรติยศ ชื่อเสียง ก็ต้องมาจากคุณความดี ถึงมีใครแต่งตั้งให้ แต่ไม่มีคุณความดีก็ไม่มีใครนับถือ เพราะไม่ใช่เกียรติยศชื่อเสียงที่แท้จริง




~ ขณะใดที่ความดีเกิดขึ้น ไม่ทำร้ายตนเองและไม่ทำร้ายคนอื่น อกุศลเป็นศัตรู แต่คุณความดีเป็นมิตร

~ แสงสว่าง คือ ปัญญา อวิชชาคือความมืด ใครมีปัญญาก็เป็นประโยชน์กับคนนั้น ขอให้เราเป็นคนหนึ่งที่จะมีปัญญาเป็นแสงสว่าง หรือ เป็นคนที่ทำความดีในท่ามกลางความชั่วร้ายที่บังคับบัญชาไม่ได้ แต่แม้กระนั้นเราก็จะพยายามทำความดี และศึกษาพระธรรมให้เข้าใจธรรมได้ถูกต้องมากขึ้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะถึงอย่างไรก็ต้องจากโลกนี้ไปแน่

~ อดทนได้ไหมถ้าคนนั้นเขาว่าร้ายเรา ทำร้ายเราด้วยอะไรก็ตาม แต่ความเป็นมิตรของเราต่อเขานั้น เขาทำลายไม่ได้ เรายังคงมีความหวังดี ไม่ประทุษร้าย พร้อมที่จะช่วย ช่วยอย่างอื่นนั้นช่วยได้เพียงชั่วคราว แต่ช่วยให้เขาเป็นคนดีและเข้าใจพระธรรม นั่นคือประโยชน์จริงๆ ของการคบกัน

~ เวลาที่ท่านกำลังสนใจในธรรม ฟังธรรม เกิดศรัทธาที่จะขัดเกลากิเลส ก็กาละหนึ่ง สถานที่หนึ่ง ขณะหนึ่ง แต่พอพ้นจากสถานที่นี้ พ้นจากกาละนี้ จะมีความโน้มเอียงของกิเลสที่จะให้ท่านเป็นไปตามอำนาจของการสะสมของกิเลสไหม? จะดูหนัง จะดูละคร จะดูโทรทัศน์ จะทำอะไรๆ ตั้งหลายอย่าง ก็ไม่ใช่ว่าจะละเลยการที่จะขัดเกลากิเลส แต่ว่ากิเลสที่สะสมมาเป็นของจริง ย่อมจะปรากฏให้เห็นตามความเป็นจริง เพราะเหตุว่าบางครั้งถูกชักชวนไปดูหนัง ก็ไป ถูกชักชวนไปงานรื่นเริงใดๆ สนุกสนาน ก็ไป ยับยั้งไม่ได้ ก็ย่อมเป็นไปอย่างนั้นตามความเป็นจริง

~ ถ้าท่านมีเมตตา อยากให้คนอื่นมีความสุขทุกประการ นั่นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่เวลาเกิดโกรธ กลับปฏิบัติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ คือ กลายเป็นความมุ่งร้าย ผูกโกรธต่างๆ ที่จะให้คนอื่นเป็นทุกข์ต่างๆ

~ ธรรมใดที่เป็นกุศล ควรแก่การอนุโมทนาก็อนุโมทนา ธรรมใดที่เป็นอกุศล ไม่ควรแก่การอนุโมทนาก็ไม่อนุโมทนา ถ้าใครทำดี ก็อนุโมทนาในการทำดีของบุคคลนั้น

~ เมตตาคือความหวังดี ความเป็นมิตร ไม่เลือกด้วย ไม่ว่ากับใคร พร้อมที่จะเกื้อกูล ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยเหลือหรือทำอะไรได้ นี่คือความเป็นมิตร

~ เขาเลวเรื่องเขา แต่เราขณะนั้นเป็นอะไร ยังเป็นมิตรหรือเปล่า คือ ไม่เป็นศัตรู ต่อให้ใครเลวกับเราเท่าไร เราก็สามารถไม่เป็นศัตรู คือ ไม่คิดร้ายกับเขา นั่นคือความดีของเรา

~ บางท่านที่ไม่ได้ฟังพระธรรมเลย ไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่อยากจะปฏิบัติ ซึ่งการปฏิบัติโดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่ทำให้รู้จักสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ทำให้เข้าใจตัวเองตามความเป็นจริง ก็ย่อมไม่เป็นประโยชน์

~ ร้องไห้ถึงคนที่ตายไปแล้ว ก็เท่ากับร้องไห้กับสิ่งที่ไม่มี

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปัญญาทั้งหมด

~ ปัญญาทำให้ประพฤติปฏิบัติถูก ส่วน อวิชชาทำให้ไม่รู้และปฏิบัติผิด เป็นอกุศล

~ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว พุทธศาสนิกชนทั้งหมด ต้องเคารพ

~ ให้เงินภิกษุ เหมือนผลักภิกษุลงนรก

~ ชำระจิตให้บริสุทธิ์หมดจดจากความไม่รู้ ต้องอาศัยพระธรรม.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๕๕

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 17 ก.ค. 2559

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 17 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 17 ก.ค. 2559

"ชีวิตของมนุษย์เป็นชีวิตที่เล็กน้อย และสั้นมาก เมื่อเป็นชีวิตที่สั้นและเล็กน้อยก็ควรจะหาประโยชน์จากชีวิตนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และที่จะเป็นชีวิตที่มีค่าได้ ก็ด้วยการเจริญกุศล ขัดเกลาเพื่อการดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) "

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 18 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 18 ก.ค. 2559

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 18 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 18 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pulit
วันที่ 18 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Boonyavee
วันที่ 18 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
rrebs10576
วันที่ 19 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 19 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
kullawat
วันที่ 19 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
kukeart
วันที่ 19 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เมตตา
วันที่ 19 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wirat.k
วันที่ 20 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
เจียมจิต
วันที่ 25 มี.ค. 2561

กราบขอบคุณ อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Tuangporn
วันที่ 17 มี.ค. 2564

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 12 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ