ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๕๗
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๕๗
~ เมื่อใดก็ตามที่รู้ว่าตัวเองไม่ดี เมื่อนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ที่ว่าคนอื่นไม่สามารถที่จะละความไม่ดีนั้นได้ นอกจากปัญญาของตัวเองเพราะฉะนั้นยิ่งรู้จักตัวเองเท่าไร ก็จะเข้าใจตัวเองชัดเจนขึ้นว่า มีกิเลสทั้งอย่างหยาบ และก็มีกิเลสทั้งอย่างกลาง และมีกิเลสทั้งอย่างละเอียดด้วย
~ ทุกคนคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เราขาดเรื่องการศึกษาพระธรรม ซึ่งถ้าเราเริ่มสนใจเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะเข้าใจพระธรรมได้มากก่อนที่เราจะตาย และก็เมื่อตายแล้วก็ไม่แน่ใจว่า มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรมไหม
~ กิเลสทั้งหลายที่ทุกคนมี เช่น ความตระหนี่ ความหวงแหน ความโลภ ความติดข้อง ความพอใจ ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ความริษยา ความอาฆาตพยาบาทต่างๆ หรือแม้แต่ความหงุดหงิดรำคาญใจ เมื่อนึกถึงอกุศลที่ได้ทำไปแล้ว หรือกุศลที่ยังไม่ได้ทำต่างๆ เหล่านี้ จะดับหมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ไม่เกิดอีกเลย แต่ต้องด้วยการอบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรม ตามความเป็นจริง
~ ยิ่งเป็นผู้มีความรู้ในทางธรรม ยิ่งต้องเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน นี่เป็นสิ่งที่จะต้องคู่กัน เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดก็ตามเป็นผู้ฟังมาก มีความรู้ความเข้าใจธรรม แต่ไม่ใช่ผู้อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช่ผู้ที่ปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้น ธรรมที่ได้ฟัง ไม่ได้เป็นประโยชน์ นอกจากจะทำให้เกิดอกุศลประเภทอื่น เช่น ความสำคัญตน
~ พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง แล้วก็มีพระมหากรุณาทรงแสดงพระธรรม เพื่อที่จะให้บุคคลที่ได้ฟังพิจารณาแล้วเกิดปัญญา คือ ความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง
~ โลภะก็เป็นธรรม โทสะก็เป็นธรรม ทุกอย่างก็เป็นธรรม ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้น การฟังก็เหมือนกับการเตือนไม่ให้ลืม ไม่ว่าจะเกิดโทสะ ถ้าระลึกได้ ขณะนั้นเป็นลักษณะของสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ฟังจนกระทั่งความเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรมจรดเยื่อกระดูกคือไม่ลืม จึงสามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมถูกต้องยิ่งขึ้นได้
~ คนที่ไม่รู้ คนที่มีอกุศล น่าสงสารไหมหรือจะโกรธเขาดี? ถ้าสามารถจะช่วยคนนั้นให้เป็นคนดีสักนิดหนึ่ง พร้อมจะทำทันทีไม่รีรอเลย เพราะความดีเป็นสิ่งที่หายากมาก โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็ยาก เกิดก็น้อย แล้วก็หมดไปอีก
~ ธรรมเป็นเรื่องตรง และเป็นเรื่องอุปการะทุกชีวิตที่สามารถเจริญขึ้นในกุศลธรรม ด้วยปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง แต่ถ้าเข้าใจไม่ถูกต้องเพราะไม่รู้ ก็ทำทุกอย่างด้วยความไม่รู้ เพราะด้วยความไม่รู้ จึงเป็นโลภะบ้าง เป็นโทสะบ้าง เป็นอกุศลประเภทต่างๆ บ้าง
~ คนที่ทำความชั่ว คือ คนที่ไม่รู้คุณของความดี ไม่เห็นว่าความดีมีคุณ ไม่เห็นว่า ความดีมีประโยชน์ จึงกระทำชั่ว
~ คนที่เห็นโทษของอกุศล และเห็นประโยชน์ของบุญ คือ การชำระล้างอกุศล จึงทำแต่สิ่งที่ดี ถ้าเข้าใจถูกต้องก็จะทำให้มีการชำระล้างจิตใจที่ไม่สะอาดจริงๆ นั่นคือผล แต่ไม่ใช่ต้องการอะไร เพราะถ้าต้องการ ก็เป็นการสะสมอกุศลต่อไปอีก ซึ่งไม่มีทางเลยที่จะเอาอกุศลนั้นๆ ออกไปได้ นอกจากความเห็นถูก ความเข้าใจถูก
~ ฟังเพื่อไม่ลืมคำที่ได้ฟัง ฟังเพื่อให้รู้ว่า คำที่ได้ฟัง ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้
~ ถ้ามีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็จะเห็นว่าสิ่งที่มีประโยชน์ก็ต้องเป็นธรรมฝ่ายดี และจะเริ่มเห็นโทษของธรรมฝ่ายไม่ดี แต่อีกนานมากกว่าจะค่อยๆ ละทางฝ่ายไม่ดีซึ่งสะสมมานานมาก แต่ดีกว่าไม่มีความรู้ที่ละเสียเลย
~ แต่ละคนต่างกันไป บางคนมีอัธยาศัยดี สะสมมาดี บางคนก็เจ้าโทสะ ขี้โกรธ หรืออะไรที่ไม่ดีต่างๆ ซึ่งคนอื่นก็มองเห็น แล้วจะเป็นคนนั้นหรือ หรือจะเบาบางจากการที่รู้ตัวเราเองว่า มีอะไรที่ไม่ควรจะเป็น แต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะเหตุว่าเป็นอนัตตา แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเพราะความเข้าใจถูกในความเป็นธรรมซึ่งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
~ สำหรับเรื่องของธรรมเป็นเรื่องที่ตรงตามสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง เมื่อเป็นอกุศลก็ต้องเป็นอกุศล ถ้าธรรมนั้นเป็นอกุศล จะเปลี่ยนสภาพธรรมนั้นให้เป็นกุศลไม่ได้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงแสดงความละเอียดของอกุศลธรรมซึ่งจะต้องละให้หมดสิ้นไป เพราะเหตุว่าถ้าไม่แสดงโดยละเอียด ท่านผู้ฟังก็จะไม่ทราบว่าอกุศลธรรมนั้นมีความละเอียดมากเพียงไร และเรื่องของการละก็ต้องเป็นเรื่องของการละโดยละเอียด จะต้องเป็นเรื่องของการดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) จริงๆ
~ พระภิกษุใดที่รู้สึกตัว่า ไม่สามารถที่จะเป็นพระภิกษุตามพระธรรมวินัย ก็สามารถลาสิกขาบทได้ เป็นผู้ตรง แต่ถ้าดำรงเพศเป็นบรรพชิตต่อไป เป็นพระภิกษุต่อไป หลอกลวงตัวเองหรือคนอื่นหรือเปล่า? เป็นทุจริตหรือเปล่า?
~ เรื่องของการได้ลาภ ซึ่งทุกท่านแสวงหา ลาภอื่นได้มาแล้วก็หมดไป นอกจากลาภที่ประเสริฐกว่าลาภอื่นทั้งหมด คือ การได้ศรัทธาในพระศาสนาที่สามารถจะทำให้บุคคลนั้นอบรมเจริญปัญญาขึ้น จนถึงความเป็นพระอริยบุคคล
~ จิตที่ซื่อตรงจริงใจต่อวาจาจริง ย่อมนำไปสู่ความจริงทั้งหมด เพราะว่าผู้ที่รักความจริง เป็นผู้ที่แสวงหาความจริง จึงต้องเป็นผู้มั่นคงต่อความจริงตั้งแต่ต้น
~ ทุกท่านกำลังเดินตามพระผู้มีพระภาคเวลาที่ฟังพระธรรม เข้าใจหนทางที่จะประพฤติปฏิบัติที่จะอบรมเจริญปัญญา
~ ถ้าจะไม่ให้ความโกรธเกิดอีกเลย ต้องเป็นพระอนาคามีบุคคล ถ้ายังไม่เป็นพระอนาคามีบุคคล มีเหตุปัจจัยที่ความขุ่นเคืองหรือความโกรธจะเกิด ก็เกิด แต่ความโกรธหรือความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นนั้น ดับ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรที่จะผูกโกรธ ถ้ามีเมตตาเกิดขึ้นในขณะนั้น ก็คือรู้ว่า เป็นสิ่งที่ทุกคนเหมือนกัน มีความผิดพลาด ไม่ใช่ว่าเราเท่านั้นที่จะเป็นคนที่ไม่ผิด แต่ว่าเราก็ต้องผิดเหมือนกัน และเวลาที่เราผิด คนอื่นอภัยให้ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อคนอื่นผิด เราก็อภัยให้เขาได้เหมือนกัน
~ ถ้าเป็นผู้ที่สามารถจะทำกุศลได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะเหตุว่าชีวิตแต่ละภพ แต่ละชาติก็สั้นมาก ไม่ทราบว่า ชาติหน้าจะมาถึงเร็วหรือช้า เมื่อไร เกิดที่ไหน เป็นบุคคลใด มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม มีโอกาสที่จะได้เจริญกุศลอีกไหม
~ หน้าตาของพระพุทธศาสนาหรือหน้าตาของประเทศ ไม่ใช่อยู่ที่มีผู้ประพฤติผิดพระวินัยและไม่ศึกษาพระธรรมแต่ประเทศจะมีหน้าตาเป็นที่เคารพสรรเสริญก็ต่อเมื่อมีผู้ที่เป็นบรรพชิตและพุทธบริษัทศึกษาพระธรรม และสำหรับผู้ที่เป็นพระภิกษุต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย พร้อมเมื่อไหร่ งามเมื่อนั้นเป็นที่สรรเสริญ เป็นหน้าตาของประเทศแน่นอน
~ เกิดแล้วก็ต้องตาย แล้วระหว่างที่ยังไม่ตาย ทำอะไรบ้าง ดี ชั่วไม่ว่าจะชื่ออะไร มียศถาบรรดาศักดิ์ที่ติดข้องกันนักหนามากมายมหาศาล เป็นอะไรก็ตาม แต่ธรรม ก็ต้องเป็นธรรม ธรรมที่เป็นกุศลก็เป็นกุศล ธรรมที่เป็นอกุศลก็เป็นอกุศล แล้วใครบอกให้เกิดความเข้าใจอย่างนี้ได้ที่จะเห็นประโยชน์ของการที่สิ่งที่ทำในชาตินี้ทั้งหมดก็จะสืบต่อไปถึงชาติต่อๆ ไปด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าดีบ่อยๆ ในทุกขณะในชาตินี้ ไม่สูญหายเลยสืบต่อไปถึงชาติต่อไปด้วย
~ สละทุกอย่าง เพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ต้องเป็นผู้ตรงและจริงใจเมื่อสละทุกอย่างทั้งหมดแล้วจะกลับมารับ (เงิน) ได้อย่างไรถ้ารับ (เงิน) เมื่อไหร่ ก็เป็นคฤหัสถ์
~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้ ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศลก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้น
~ ปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง ปัญญา นำทางไปสู่ความถูกต้องทั้งหมด
~ ถูกคือถูก ผิดคือผิด ต้องเป็นผู้ตรง จึงจะได้สาระจากพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ทุกอย่าง ดับ ผ่านไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
~ ไม่มีคำไหนที่สมควรฟัง เท่ากับคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ความเป็นมิตร ไม่ได้ทำให้เราหวังร้ายกับใครเลย.
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๕๖
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้ ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศลก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนา ขอบพระคุณค่ะ เกิดมาแล้ว โอกาสที่ประเสริฐที่สุดคือ ได้เข้าใจพระธรรม
ไม่มีคำใดที่สมควรฟัง เท่ากับคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นความจริงที่สุดค่ะ
ขอเพลงธรรมของรายการทุกเพลงค่ะ เคยได้แล้วคอมพิวเตอร์เสียเพลงเลยหายหมด ฟังจากสถานีวิทยุรัฐสภาทุกเช้าค่ะ เริ่มฟังตีห้าครึ่งถึงหกโมงเช้า
ขอบพระคุณค่ะ
ขอเพลงธรรมของรายการทุกเพลงค่ะ เคยได้แล้วคอมพิวเตอร์เสียเพลงเลยหายหมด ฟังจากสถานีวิทยุรัฐสภาทุกเช้าค่ะ เริ่มฟังตีห้าครึ่งถึงหกโมงเช้า
ขอบพระคุณค่ะ
เพลงของ มศพ. [พระเชตวันยามฝนพรำ]
เพลงของ มศพ. [อริยสาวิตรีบูชา]
เพลงของ มศพ. เพราะไม่รู้และเพราะรู้
เพลงของ มศพ. [ตื่นเถิดชาวพุทธ]
เพลง เพราะไม่รู้ และ เวลากับชีวิต [อย่าลืมตัว]