ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๔
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๔
~ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบให้เป็นมรดกที่ล้ำค่ากับชาวพุทธ ก็คือ คำจริงทุกคำที่เป็นประโยชน์ทั้งพระธรรมและพระวินัย เพราะฉะนั้น ทุกคนถ้าเห็นคุณอย่างนี้ บูชาคุณด้วยความเป็นผู้ตรง ศึกษาธรรมให้เข้าใจ ประกาศคำสอนที่ถูกต้องเพื่อให้คนอื่นได้มีโอกาสได้รู้ได้เข้าใจถูก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในชาติต่อๆ ไป
~ ถึงเวลาหรือยังที่จะศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจให้ถูกต้องเพื่อดำรงรักษาพระศาสนา เพราะชีวิตสั้นมากสิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือได้เข้าใจธรรมแล้วก็ได้ประพฤติปฏิบัติทุกอย่างที่จะเป็นการสืบต่อ ทะนุบำรุงพระศาสนาที่ถูกต้อง ให้ยั่งยืนต่อไป
~ ไม่ใช่ว่าบวชแล้ว จบเลย จะทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย พระภิกษุจะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยตลอดเวลาที่เป็นพระภิกษุ
~ พระภิกษุเป็นผู้ที่ได้ฟังธรรมเหมือนอย่างเราๆ แต่มีอุปนิสัยที่เคยสะสมมาที่จะอบรมเจริญปัญญาในอีกเพศหนึ่ง เพศที่บรรพชา หมายถึงสละ บรรพชา คือ สละ อุปสมบทในพระธรรมวินัย คือ สละบ้าน สละพ่อแม่ สละความสนุก ซึ่งทุกคนก็รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ไม่มีการบังคับว่า ให้คนฟังทั้งหมดไปบวช หรือไปอุปสมบท ไปบรรพชา ในพระพุทธศาสนาไม่มีคำว่า "ต้อง" หรือ ไม่มีคำว่า "อย่า" แต่ทรงแสดงเหตุและผลทั้งหมดให้คนฟังพิจารณาให้เป็นความเข้าใจของคนนั้น
~ สิ่งใดที่ควรสำหรับพระภิกษุ และสิ่งใดที่ไม่ควร เพราะเพศต่างกัน พระภิกษุจะมาอยู่บ้าน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือพิมพ์ เล่นเทนนิส ได้ไหม? ไม่ได้ นั่น ไม่ใช่นิสัย ไม่ใช่อุปนิสัย พระภิกษุก็ต้องเป็นผู้ที่สงบ ผู้ที่สละ
~ ผู้ที่เข้าใจพระธรรมวินัย มีความสงสาร มีความเป็นมิตรมีความต้องการที่จะให้ผู้ประพฤติผิด ละเลิกความประพฤติผิดจะเป็นประโยชน์กับตัวเขาด้วยและเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย
~ ทุกท่านที่เข้าใจพระธรรมก็จะเป็นกำลังหนึ่งที่จะทำให้มีคนที่ได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นด้วยการสนทนาและเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ ไม่ใช่เฉพาะบุคคลเดียวแต่เป็นประโยชน์กับคนทั่วไปด้วย
~ เกิดมาแล้วต้องตายแน่ แต่ว่า ระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ คงไม่ลืม จะเอาอะไรไป ดีหรือชั่ว ไม่มีใครทำให้ได้เลย, ให้เข้าใจจริงๆ ว่า เกิดมา ชั่วคราว ทุกขณะ และแต่ละขณะ นั้น เป็นเหตุที่จะติดตามไปเมื่อเป็นกุศลและอกุศล แค่นี้ก็พิจารณาได้ แล้วจะสะสมกุศลหรืออกุศล? ถ้าจะสะสมกุศลก็ต้องมีความเข้าใจธรรมด้วย เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ก็มีกุศลที่ไม่ทำให้ถึงการดับกิเลส ก็ยังคงเกิดตาย เกิดตาย เกิดตาย ชาติแล้วชาติเล่า
~ สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร สิ่งใดเป็นคุณสิ่งใดเป็นโทษ ปัญญาสามารถที่จะเข้าใจได้ และปัญญานำไปในกิจคือ กุศลทั้งปวงได้
~ ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลยในเมื่อเป็นปัญญาต้องนำไปในทางที่ดี ไม่ได้ทำผิดอะไร
~ พิจารณาในเหตุผลแล้วทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยไม่หวั่นไหว เพราะเหตุว่าถ้าเป็นสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์แล้ว ก็ควรทำ
~ ความเข้าใจถูกต้องจะนำความดีอื่นๆ มาด้วย เพราะได้เข้าใจว่าอะไรถูก อะไรผิด
~ มีวัด แต่ไม่มีภิกษุตามพระธรรมวินัย ก็ยังดีกว่ามีโจร (ในผ้าเหลือง) ใช่ไหม?
~ ที่สำคัญที่สุดที่จะดำรงพระศาสนาอยู่ที่ความเข้าใจถูกความเห็นถูกตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ก็ต้องช่วยกันที่จะเป็นผู้ที่ตรงที่จะรู้ว่าจะรักษาพระศาสนาได้อย่างไร มิฉะนั้นแล้ว ไม่สำเร็จ เหมือนกับความคิดที่ว่า "เมื่อไหร่คนจะไม่ทุจริต" จะสำเร็จได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจธรรม เพราะเป็นอกุศล แต่ถ้าเป็นกุศล ก็ตรงกันข้าม และกุศลนี้จะมาจากไหน ถ้าไม่เข้าใจธรรม เกิดได้ไหม เพราะวันนี้อกุศลก็มาก แค่ลืมตาก็เป็นอกุศลแล้ว แต่ไม่รู้
~ ท่านผู้ฟัง จะเห็นถึงความเคารพ นอบน้อมของพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่มีต่อพระผู้มีพระภาค แม้ว่าจะทรงอนุญาตให้ถอน "สิกขาบทเล็กน้อย" แต่พระอรหันตเถระทั้งหลาย ท่านก็มีความเคารพในสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงบัญญัติแล้ว เพราะฉะนั้น พระอรหันตเถระทั้งหลาย ก็ไม่ถอนพระบัญญัติที่ทรงบัญญัติแล้วและไม่บัญญัติ สิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ
~ โทษผิดใดๆ จะไม่มาหาผู้ที่ทำถูกต้องและทำความดี เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องหวั่นไหว ไม่ต้องหวั่นเกรง
~ วัดวาอาราม สถานที่ สามารถที่จะให้ความจริงหรือเปล่า? หรือ ต้องเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีผู้ที่ได้ศึกษาสืบทอดกันมาที่ไม่คลาดเคลื่อน จึงจะดำรงรักษาคำสอนไว้ได้
~ เกิดมาแล้ว ไม่เข้าใจทุกอย่างที่เป็นธรรม จากโลกนี้ไปก็ยังคงไม่เข้าใจทุกชาติ เพราะฉะนั้น จะเริ่มเข้าใจ ก็ต่อเมื่อเริ่มฟังพระธรรม
~ คนที่เห็นประโยชน์จริงๆ ในชีวิต ทรัพย์สมบัติเอาไปไม่ได้ ทุกอย่างเอาไปไม่ได้ แต่ความดี ความเข้าใจธรรม ก็จะนำ (ทาง) ต่อไปให้เป็นคนที่สะสมที่จะเป็นคนที่ดีในชาติต่อๆ ไป จนกว่ากิเลสจะหมด
~ ควรที่จะคิดถึงว่า อกุศลมากจนเกินกว่าที่จะดับได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ก็จะต้องอบรมเจริญกุศลทุกประการ เพื่อที่จะละอกุศลนั้นได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ในวันหนึ่ง
~ ถ้ารู้ตัวเองว่า "กุศลใดๆ ที่ทำ ยังไม่พอ ยังน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับอกุศล" ก็จะเป็นกำลังใจที่จะทำให้มีศรัทธา ที่จะทำกุศลมั่นคงขึ้น
~ เพื่อน ไม่ใช่ศัตรู เพื่อนต้องหวังดี พร้อมที่จะทำประโยชน์เกื้อกูลได้ ในทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ไม่แข่งดี ไม่ริษยา ไม่เป็นศัตรู ทุกอย่างที่ไม่ดี จะไม่มีในขณะที่เป็นเพื่อน
~ อกุศล กล้าในทางอกุศล กล้าฆ่า กล้าเบียดเบียน กล้าประทุษร้าย แต่ว่าถ้าเป็นทางฝ่ายที่ดี แล้ว ก็กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำสิ่งที่ดี
~ พระธรรม นำไปสู่ความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ พระธรรมยิ่งเปิดเผย ยิ่งรุ่งเรือง เพราะฉะนั้นทางใดที่จะเป็นทางให้คนได้เข้าใจถูกต้อง ก็เป็นการเท่ากับว่า รักษาพระศาสนา รักษาพระธรรมไว้
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๓
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระธรรมยิ่งเปิดเผย ยิ่งรุ่งเรือง เพระฉะนั้นทางใดที่จะเป็นทางให้คนได้เข้าใจถูก
ต้อง ก็เป็นการเท่ากับว่า รักษาพระศาสนา รักษาพระธรรมไว้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อาจารย์คำปั่นครับ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์วิทยากรและท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆ ท่าน
พระธรรมยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง กราบอนุโมทนาค่ะ