สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (8) 28 ต.ค. 59
28 ต.ค. 59
เดินทางลงเขาจากโรงแรมวิคตอเรีย ซาปา เพื่อเดินทางกลับฮานอย ระหว่างทางเห็นนาขั้นบันไดบนเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนสวยงาม ขาขึ้นเขาไปซาปาไม่เห็นเพราะเป็นเวลากลางคืน การเห็นต้องอาศัยแสงสว่างเป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง ใครจึงทำให้เห็นเกิดตามต้องการไม่ได้ เห็นเกิดขึ้นทำกิจเพียงเห็น เห็นไม่ได้เห็นนาขั้นบันได แต่ที่รู้ว่าเป็นนาขั้นบันไดเพราะคิดตามที่เคยจำมา เมื่อ 2 วันก่อน รถก็ผ่านเส้นทางเดียวกัน แต่ไม่เห็น เนื่องจากเหตุปัจจัยไม่พร้อม แม้จะมีตา มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เมื่อไม่มีแสงสว่างก็เห็นหรือรู้สิ่งที่ปรากฏให้เห็นไม่ได้ โลกทางตาจึงเป็นโลกเดียวที่สว่าง นอกนั้นเป็นโลกมืดทั้งหมด
ชื่นชมกับทิวทัศน์สวยงามสองข้างทาง แม้ทางลงเขาจะคดเคี้ยวจนทำให้วิงเวียนต้องดมยา แต่ก็พยายามลืมตาเพื่อเก็บความงามของภาพเหล่านั้น แม้ท่านอาจารย์จะพูดเสมอๆ ว่า เห็นเพื่อลืม ก็ยังอยากเห็นอยู่ดี แล้วก็จริงที่ตอนนี้ก็ลืมแล้วว่า เห็นอะไรบ้าง ได้แต่คิดถึงสิ่งที่เห็นเพียงบางอย่างเท่านั้น เช่น เห็นนาขั้นบันได เห็นลำธารที่ไหลจากยอดเขา จำได้เพียง 2 อย่าง แล้วก็จำรายละเอียดได้ไม่หมด และอีกไม่นานก็จะลืม จนเมื่อสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ ก็จะไม่เหลือแม้ความจำของสิ่งที่เคยเห็น เคยได้ยิน เคยได้กลิ่น เคยลิ้มรส เคยรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เคยคิดนึกทั้งหมด ลืมแม้กระทั่งชื่อและทุกสิ่งที่เคยเป็นเรา เป็นของเรา แล้วสาระของการมีชีวิตอยู่ที่ไหน? ถ้าไม่ใช่การฟังธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้!!!
ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ได้ทราบจากตั้มน้อยว่า มีคนเวียดนามอพยพไปอยู่เยอรมัน อายุ 70 ปีแล้ว ได้ฟังธรรมภาษาเวียดนามจากเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ เกิดศรัทธาเขียนจดหมายมาหาทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และฝากเงินทำบุญกับมูลนิธิฯเพื่อเผยแพร่พระธรรมต่อไป เมื่อเรียนให้ท่านอาจารย์ทราบ ท่านบอกว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่การเผยแพร่ได้ผล แม้จะมีคนเข้าใจเพียงคนเดียวก็ตาม เรียนให้ผู้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ทุกท่านร่วมยินดีและอนุโมทนาในข่าวนี้ด้วยค่ะ
ขอเชิญคลิกชมตอนที่ผ่านมาได้ที่นี่ ...
สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (1)
สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (2)
สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (3)
สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (4)
สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (5)