เพื่อละการแสวงหา
ปฐมเอสนาสูตร
ว่าด้วยการแสวงหา ๓ อย่าง
การแสวงหาพรหมจรรย์ การแสวงหากาม และการแสวงหาภพ สภาพธรรมเกิดขึ้นแล้วดับไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีของใคร ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครได้ ด้วยเหตุนี้ ตราบใดที่ยังมีความเห็นผิด ต้องมีการแสวงหาแน่นอน แสวงหาโดยไม่รู้ตัว แสวงหาทุกย่างก้าว เพราะเหตุว่าแม้ไม่มีความเห็นผิด แค่โลภก็ยังแสวงหาแล้ว แต่นี่ด้วยความเห็นผิด จึงแสวงหาในหนทางที่ผิด จนกว่าจะรู้ว่าผิด ก็เลิก ละการแสวงหาหนทางนั้น จนกว่าจะถึงความเป็นพระโสดาบัน แต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงความเป็นพระโสดาบัน ยังไม่ได้ดับทิฏฐิ ก็ยังคงแสวงหาพรหมจรรย์ แสวงหาหนทางที่จะดับกิเลส ย่อมเป็นอกุศล ยังเป็นเราที่คิดหาหนทางดับกิเลส เมื่อถึงความเป็นพระโสดาบันย่อมดับการแสวงหาพรหมจรรย์ แต่ยังไม่หมด ยังแสวงหารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จนกว่าปัญญาอีกระดับหนึ่งที่เลิก ละการแสวงหารูป เสียง.. เป็นพระอนาคามี ก็ยังไม่หมดโลภ การแสวงหา ยังแสวงหาภพ ความมี ความเป็น เพราะฉะนั้นจนกว่าปัญญาสามารถที่จะรู้ได้ว่า ขณะนั้นเลิก ละการแสวงหา เพราะ ไม่มี เดี๋ยวนี้กำลังไม่มี แต่เหมือนมี เพราะเหตุว่า จากไม่มี ก็มี ชั่วขณะที่ปรากฏ แล้วก็ดับไป ตรงไม่มีเป็นความจริง ซึ่งยากที่จะรู้ได้ มิเช่นนั้นก็ยังเป็นเราอยู่เสมอ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นการฟังธรรม เพื่อเข้าใจ ฟังด้วยความเคารพ คือก่อนอื่น เคารพในความถูกต้อง ต้องพิจารณาว่าถูกหรือผิด เพื่อรักษาความถูกต้องของพระธรรม
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่...
ท่านกำลังแสวงหาของแท้ หรือ ของปลอม
เดี๋ยวนี้กำลังแสวงหาอยู่หรือเปล่า?
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ...