คิดว่ามีลูกจริงๆ (ต้นเหตุของความทุกข์)
ทุกคนรักลูกมาก คิดว่ามีลูกจริงๆ นี่คือ ต้นเหตุของความทุกข์ เพราะคิดว่ามีลูกจริงๆ แต่ลูกไหนละคะ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รูปร่างก็เป็น รูปธาตุ เป็นธรรมทั้งหมด แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลยสักอย่างเดียว กว่าเราสามารถที่จะละคลาย ความผูกพันธ์ แท้จริงแล้ว ไม่มี แม้ปัจจุบันชาติ ชาตินี้เขาก็ไม่มี แต่ว่าเป็นธรรมทั้งหมดที่เกิดดับ ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้จริงๆ ไม่มีทางที่จะละ ยางใย เยื่อใย ทั้งในสิ่งอื่นที่เรา ยึดถือ ว่า เป็นของเรา และโดยเฉพาะ ตัวเรา ไม่มีเลย เพราะฉะนั้นกว่าจะเป็นธรรมที่สามารถที่จะดับกิเลสที่ยึดถือไว้ จนกระทั่งกิเลสอื่นสามารถที่จะดับต่อไปได้ว่า ยึดอะไรไว้ แต่ตอนแรกที่ยึดไว้ว่า มีคนจริงๆ มีสิ่งต่างๆ จริงๆ ลวงมานานแสนนานเท่าไหร่ แต่ความจริงดับแล้ว แต่ละหนึ่ง เอามาแยกแต่ละหนึ่งที่ว่าเป็นลูก หรือเป็นดอกไม้ หรือเป็นอะไรก็ตามแต่ เอามาแยก แต่ละหนึ่ง รูปก็ดับ จิตก็ดับ เจตสิกก็ดับแล้วไม่กลับมาอีกเลย แล้วมีอะไร แม้แต่ขณะนี้ กำลังพูดถึงอะไร ก็ดับทันที ไม่ได้ยาวนานเลย เพราะฉะนั้นกว่าเราจะมีความเข้าใจอย่างมั่นคง ซึ่งทำให้ค่อยๆ จากขั้นการฟัง รู้ว่า หลง คือ ไม่รู้ ติดข้อง คือ โลภะ ยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยความเห็นผิด เพราะฉะนั้น การที่จะละกิเลสได้ ก็ต่อเมื่อ ความจริงปรากฏ ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย ไม่มี แต่หลงคิดว่า มี ทั้งหมดเลย.
แม้แต่เราที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ก็มี จิต เกิด เพราะว่ามีปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้น ดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น ถ้าตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริงอย่างนี้ ค่อยๆ เพิ่มขึ้น มั่นคงขึ้น จนกระทั่งประจักษ์แจ้ง เมื่อนั้น ก็รู้ได้ว่ายังดับกิเลสไม่ได้ แต่ความที่จะประจักษ์แจ้งว่า ธรรมที่กำลังเกิดดับจริงๆ ไม่ได้หลอกลวงเลยทุกคำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประจักษ์แจ้ง แสดงความจริงว่า ผู้ที่สามารถจะประจักษ์แจ้งได้ มี จากการที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะว่าพระสาวกก็มีที่เป็น พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ประจักษ์แจ้งธรรมอย่างนี้.
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่...
การติดข้องในขันธ์ 5 เช่น สัญญาและสังขาร
โลภะติดข้องทุกอย่าง ยกเว้นโลกุตตรธรรม
สนทนาธรรมที่ไซ่ง่อน [เพราะไม่รู้ จึงยึดถือความเห็นซึ่งผิด จึงเป็นเรา] ตอน ๓
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ...