เงินที่ได้จากการบวช
ผมจะแบ่งเงินนี้ออกเป็นสองส่วน
1.เงินที่ญาติเพื่อนและพี่น้องใส่ย่ามให้ตอนบวช
2.ออกกิจนิมนต์
คืออยากทราบว่า
ตอนผมสึก ผมกะว่าจะทำบุญช่วยวัดส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ใช้จ่ายยามจำเป็น เงินที่จะเก็บไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นคือเงินที่ญาตืพี่น้อใส่ซองให้นะครับ ส่วนที่เงินที่ออกกิจนิมนต์แล้วได้มาจะถวายวัดให้หมดเลยครับ อย่างนี้คือติดหนี้สงฆ์หรือเปล่าครับ เพราะผมไปอ่านอยู่กระทู้หนึงเขาบอกว่าถ้าญาติให้เป็นการส่วนตัวสึกแล้วสามารถนำมาใช้ได้ แต่ถ้าออกกิจนิมนต์แล้วได้มานั่นคือเงินของสงฆ์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระภิกษุรับเงินรับทองไม่ได้ เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ตั้งแต่ขณะรับแล้ว จะรับตอนไหน ก็อาบัติตอนนั้น ต้องมีการสละในท่ามกลางสงฆ์ตามพระธรรมวินัย จึงจะแสดงอาบัติตก แล้วคฤหัสถ์ผู้ฉลาดก็สามารถที่จะนำเงินนี้ไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้ ทั้งแก่วัดหรือมูลนิธิต่างๆ หรือแม้แก่ประเทศชาติก็ยังได้ เพราะเงินนั้นพระภิกษุได้สละตามพระธรรมวินัยแล้ว โดยที่พระภิกษุจะต้องไม่เกี่ยวกับเงินนั้นโดยประการทั้งปวง
ผิดตั้งแต่รับเงินแล้ว ปัญหาต่างๆ จึงตามมาอีกมากมาย เมื่อได้ลาสิกขาแล้ว ก็ไม่มีอาบัติแล้ว เพราะเป็นคฤหัสถ์ไม่มีอาบัติ และ ไม่มีการติดหนี้สงฆ์ เพราะหนี้สงฆ์ ไม่มี ครับ
ควรที่จะได้ย้อนกลับมาพิจารณาว่า การบวชเพราะไม่รู้ บวชตามๆ กัน มีแต่โทษ เท่านั้น ล่วงละเมิดพระวินัยตั้งแต่บวชเสร็จ คือ รับเงิน เพราะไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลย ทั้งนั้น ไม่รู้ว่า บวช คือ อะไร ภิกษุคือใคร เป็นต้น มากไปด้วยความไม่รู้ ทำไปด้วยความไม่รู้ ผลก็คือ เพิ่มความไม่รู้ เป็นโทษกับตนเองโดยส่วนเดียว ครับ
ขอเชิญคลิกศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
อย่าหลงบวช
ชาวบ้านไม่รู้จักพระ พระก็ไม่รู้จักพระ ความหมายของคำว่า บวช
พระภิกษุ ต้องงดงามตามพระธรรมวินัย
... อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
ตอนสมัยที่ผมบวชเณร และก็บวชพระ ตอนไปสวดตามงานต่างๆ เวลาได้เงินมาก็จะเปิดซองดูว่าได้เท่าไร ได้มากก็ยินดี ได้น้อยก็ว่าเจ้าภาพ และก็คิดว่าถ้าบวชนานๆ จนเป็นเจ้าอาวาส คงได้เงินเยอะ และก็เห็นพระบางรูปมีเงินให้ชาวบ้านกู้อีก และก็เห็นว่าไม่ผิด เพราะปลงอาบัติได้ นำเงินไปใช้ยามจำเป็นเท่านั้น แต่พอได้มาศึกษาพระธรรม เกิดความละอายขึ้นมา และถ้าย้อนอดีตได้และได้ศึกษาพระธรรมในขณะที่บวช คิดว่าคงดีไม่ใช่น้อย แต่เสียดาย บวชแล้วไม่เคยศึกษาพระธรรมวินัยเลย บวชตามประเพณีเท่านั้น เสียดายจริงๆ แต่ก็ไม่สายเกินไปที่ยังไม่ตายได้ศึกษาพระธรรม และจะขอเผยแพร่พระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับลูกศิษย์ได้รู้และเข้าใจเท่าที่สติปัญญาจะทำได้ ขอขอบพระคุณ มศพ.
คนที่ไม่เข้าใจธรรม ไม่เห็นกิเลสของตัวเองและไม่ได้สะสมอุปนิสัยในการสละเพศคฤหัสถ์ แล้วบวช นั้น ไม่ใช่ผู้ที่จริงใจและไม่ใช่ผู้ตรง เพราะถามว่าบวชทำไม ถ้าตอบว่าเพราะเหตุนั้นๆ แต่ไม่ใช่เพราะได้เข้าใจพระธรรมและรู้อัธยาศัยของตนเองว่าเพื่อศึกษาพระธรรมและขัดเกลากิเลสในเพศภิกษุตามพระธรรมวินัยแล้ว สมควรบวชไหม การบวชเป็นภิกษุไม่ใช่เป็นอยู่อย่างสบายให้ผู้คนกราบไหว้ แต่เพราะเป็นผู้ที่เห็นกิเลสและเห็นโทษของกิเลส และรู้ว่าหนทางเดียวที่จะขัดเกลากิเลสก็ด้วยความเข้าใจพระธรรมจึงบวชเพื่อศึกษาธรรมและขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าคฤหัสถ์ ฉะนั้น การดำรงชีวิตของคฤหัสถ์และบรรพชิตจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อ่านเพิ่มเติม