ธรรมไม่ใช่สำหรับคิดเอง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพรพองค์นั้น
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 172ชื่อว่า เป็น อนัตตา เพราะเหตุ ๔ เหล่านั้น คือ โดยความเป็นของสูญ ๑ โดยความ
ไม่มีเจ้าของ ๑ โดยเป็นสิ่งที่ควรทำตามชอบใจไม่ได้ ๑ โดยปฏิเสธต่ออัตตา ๑.
ธรรมไม่ใช่สำหรับคิดเอง
การศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เป็นสิ่งที่ละเอียดยิ่ง ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น การฟังแต่ละคำต้องเริ่มต้นว่า ประโยชน์ของการฟังแต่ละครั้ง คือ เพื่อเข้าใจ ซึ่งถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะคิดเองตลอดเลย ตั้งเกิดมาก็คิดเองมาเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ฟังคำซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน
ฟังธรรม สำคัญ เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ทุกคำ ที่ทรงแสดง เพื่อเข้าใจความจริงขณะนี้ เพราะฉะนั้น ฟังคำที่แสดงถึงสิ่งที่มีจริงจึงควรเป็นผู้รอบคอบ พิจารณาไตร่ตรองให้เกิดความเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ถ้า คิดเอง ก็ผิด อย่างเช่น คำว่า "อนัตตา" ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คือ ไม่มช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครได้ ต้องมั่นคงในเหตุผลของธรรม ธรรมไม่ใช่เรา เห็นไม่ใช่เรา โกรธไม่ใช่เรา สติไม่ใช่เรา สติเกิดได้เพราะมีเหตุปัจจัยพร้อม สติก็เกิด เพราะมีการอบรมเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่า เป็นธรรม สัญญาเริ่มจำในลักษณะสภาพธรรมจริงๆ ต้องค่อยๆ อบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมแต่ละอย่างที่กำลังปรากฏ จึงเป็นปัจจัยให้สติเกิดระลึกตรงลักษณะสภาพธรรม ไม่ใช่ไม่อบรมความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละทาง แล้วก็ให้สติเกิดระลึกรู้แข็ง ระลึกรู้โกรธ ระลึกรู้เจ็บ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เป็นเราที่ให้สติไประลึกตรงนั้น ตรงนี้ นั่นไม่ใช่สติที่เกิดจากการอบรมความเข้าใจในความเป็น อนัตตา ของสภาพธรรม ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา เข้าใจคำว่า อนัตตาจริงๆ หรือเปล่า ธรรมไม่ใช่สำหรับคิดเอาเอง บางท่านก็ คิดเอาเองว่า ชอบสวดมนต์ เพราะทำให้มีสติ มีความเข้าใจธรรมหรือเปล่าที่พูดเช่นนี้.
ขอเชิญคลิกฟังเพิ่มได้ที่...
สติเป็นอนัตตา แต่มีหนทางปฏิบัติให้สติเกิดได้หรือ
ขอเชิญคลิดอ่านเพิ่มได้ที่...
ถอดคำบรรยายธรรม 04553 เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา (03.52 น.)
..กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..