แบบอย่างของการศึกษาพระพุทธศาสนาในโรงเรียน ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา ๖-๗ สิงหาคม ๒๕๖๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แบบอย่างของการศึกษาพระพุทธศาสนาในโรงเรียน
ขออนุโมทนา บุคลากร ผู้บริหารและนักเรียน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยการนำของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา คุณดวงรัตน์ ชิตเจริญ (สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๑๖๖) ที่ได้เห็นคุณค่าและความสำคัญอย่างยิ่ง ของการที่เยาวชน ที่จะเป็นอนาคตสำคัญ ไม่เพียงของประเทศชาติ แต่จะเป็นอนาคตที่สำคัญยิ่ง ต่อการดำรงคงอยู่ของพระพุทธศาสนา ที่ได้จัดอบรม "โครงการอบรมคุณธรรมเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจความจริง" ขึ้น ณ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๖-๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากรและนักเรียน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานอันสำคัญยิ่ง ต่อความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนที่ถูกต้อง ตรงตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้
เพราะเหตุว่า การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้นั้น หาใช่เป็นความเจริญของถาวรวัตถุ วัดวาอาราม โบสถ์วิหารใหญ่โตสวยงามอลังการ เจดีย์สถานอันวิจิตรตระการตาต่างๆ หรือแม้แต่จำนวนหรือปริมาณของผู้ที่ได้ชื่อว่านับถือพระพุทธศาสนาไม่ แต่การที่พระพุทธศาสนาคือคำสอนที่มาจากการตรัสรู้ของพระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระมหากรุณาคุณอันประเสริฐยิ่งพระองค์นั้น จะสถิตย์ดำรงคงอยู่และเจริญรุ่งเรืองแพร่หลายต่อไปได้ ก็ต้องด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งพระองค์นั้น ทรงแสดงว่า "หนทาง" ที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจธรรม นำพาสัตว์ทั้งหลายออกไปจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์นั้น มีเพียง "หนทางเดียว" คือ "สติปัฏฐาน" การเกิดขึ้นของสติที่มีการระลึกรู้ เข้าใจ ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ อย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นหนทางที่ยาก ละเอียด และลึกซึ้งอย่างยิ่ง แต่ไม่เหลือวิสัยที่จะมีความเข้าใจขึ้นได้ จากการได้ฟังพระธรรมที่ถูกต้อง
"โครงการอบรมคุณธรรมเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจความจริง" ครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา คุณดวงรัตน์ ชิตเจริญ ในความเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงในหนทางที่ถูกต้อง ตรงตามพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ซึ่งท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้พากเพียรศึกษาจากพระไตรปิฎก จนมีความรู้ ความเข้าใจ และนำมาเผยแพร่ให้ท่านอื่นๆ ได้มีความเข้าใจใน "หนทางที่ถูกต้อง" ซึ่งสำคัญยิ่งนั้นด้วย เป็นเวลากว่าหกสิบปีมาแล้ว
ดังที่ได้กล่าวแล้วว่า การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้นั้น หาใช่เป็นความเจริญของถาวรวัตถุ วัดวาอาราม โบสถ์วิหารที่ใหญ่โตหรูหราสวยงาม เจดีย์สถานอันวิจิตรตระการตา หรือแม้แต่จำนวนหรือปริมาณของผู้ที่ได้ชื่อว่านับถือพระพุทธศาสนาไม่ แต่การที่พระพุทธศาสนาคือคำสอนที่มาจากการตรัสรู้ของพระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระมหากรุณาคุณอันประเสริฐยิ่งพระองค์นั้น จะสถิตย์ดำรงคงอยู่และเจริญแพร่หลาย ต่อไปได้ ก็ต้องด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ ในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ หาใช่ความเจริญประการอื่นใดที่ได้กล่าวแล้ว
ดังนั้น การที่ได้เห็นกิจกรรมที่ให้ความสำคัญของความเข้าใจจริงๆ ในพระธรรมคำสอนที่ถูกต้องในครั้งนี้ ย่อมเป็นนิมิตหมายอันดียิ่ง ของการที่พระพุทธศาสนาคือคำสอนที่ถูกต้องของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเจริญรุ่งเรืองแพร่หลายต่อไปโดยเยาวชนของชาติ ดังตัวอย่างของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา แห่งนี้ ที่เมื่อเยาวชนของชาติ "เริ่มมีความเข้าใจที่ถูกต้อง" ก็จะไม่หลงเชื่อ ไปทำ ไปปฏิบัติ ในสิ่งที่ผิด ที่มีผู้เห็นผิดไปจากพระธรรมคำสอน ได้ทำการเผยแพร่ความเห็นผิด และการปฏิบัติที่ผิดๆ นั้น อย่างแพร่หลายโดยทั่วไปในสังคมไทยและทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งแก่พระศาสนาและผู้ที่เห็นผิด เข้าใจผิด ในการประพฤติปฏิบัติดังกล่าว เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ จนผู้รู้กล่าวว่าเป็นวิกฤตของพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ ในปัจจุบัน
ขออนุญาตนำคำกล่าวบางตอนของท่านผู้อำนวยการดวงรัตน์ ชิตเจริญ ในตอนต้นของการสนทนา ที่มีข้อความสำคัญที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง มาบันทึกไว้ ดังนี้
"...สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด ที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็คือ พวกเรากำลังจะพิสูจน์ความจริง (จากการตรัสรู้) พวกเราได้รับความอนุเคราะห์จากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานมูลนิธิฯ ได้อนุเคราะห์วิทยากรของมูลนิธิฯ เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจกับนักเรียน รวมทั้งบุคลากรของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา ขอพวกเราให้ความเคารพ โดยการศึกษา-เข้าใจ...ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ในการที่จะศึกษาหาความจริง...ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนในชีวิตหนึ่ง ควรจะมีโอกาสเช่นนี้ ไม่ว่าจะอยู่ชาติใดๆ ศาสนาใดๆ ทุกคนมีสิทธิที่จะเรียนรู้ความจริง..."
การที่ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา คุณดวงรัตน์ ชิตเจริญ ได้เห็นคุณค่าของความเข้าใจดังกล่าว และได้จัดอบรม"โครงการอบรมคุณธรรมเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจความจริง" ขึ้นในครั้งนี้ ย่อมเป็นการเริ่มต้นการปลูกฝังความเข้าใจที่ถูกต้องในพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่เยาวชน อันเป็นอนาคตที่สำคัญยิ่งของการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ ทั้งเป็นนิมิตหมายที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง ด้วยว่า หากเยาวชนและบุคลากรตามสถานศึกษาอื่นๆ จะมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษา ได้เริ่มมีความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ ในพระธรรมคำสอน ซึ่งแม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้นของความเข้าใจเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่จะเป็นพืชเชื้อที่สะสม เป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่ง เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดมีการอบรมเจริญความเข้าใจที่ถูกต้องนี้เพิ่มขึ้น มั่นคงขึ้น ในกาลต่อๆ ไป แก่บุคคลนั้นเอง เป็น แบบอย่างของการศึกษาพระพุทธศาสนาในโรงเรียน อันจะเป็นการดำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง มั่นคง ยั่งยืน อย่างแท้จริง สืบไป
ขออนุโมทนา
ขอเชิญชมบันทึกการสนทนาในครั้งนี้ ได้ที่นี่.....
และขอเชิญคลิกชมกระทู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้ที่นี่.....
-แบบอย่างของการศึกษาพระพุทธศาสนาในโรงเรียน
-แบบอย่างของการศึกษาพระพุทธศาสนาในโรงเรียน ร.ร.เทพพิทยาภาณุมาศ อ.เทพา จ.สงขลา ๘-๙ สิงหาคม ๒๕๖๒
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบอนุโมทนากุศลจิตของท่านผอ. โรงเรียนฯและอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะ
พระธรรมยิ่งเปิดเผยยิ่งเกื้อกูล
เป็นตัวอย่างการเผยแพร่พระพุทธศาสนาโดยผู้รู้จริงให้กับเหล่าเยาวชนที่ควรจะเกิดมานาน แต่ด้วยกลไกและบุคคลากรทางการศึกษาที่ผ่านมาไม่เอื้อให้สังคมได้รับโอกาสเช่นนี้ ขออนุโมทนาบุญกับคณะกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ให้การอนุเคราะห์วิทยากร และที่สำคัญคือท่านผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ชื่นชมท่านจริงๆ