พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

สมาปัตติวรรคที่ ๕ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง

 
บ้านธัมมะ
วันที่  20 ต.ค. 2564
หมายเลข  38601
อ่าน  426

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 490

ตติยปัณณาสก์

สมาปัตติวรรคที่ ๕

สูตรที่ ๑ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 408/490

สูตรที่ ๒ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 409/490

สูตรที่ ๓ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 410/490

สูตรที่ ๔ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 411/490

สูตรที่ ๕ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 412/491

สูตรที่ ๖ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 413/491

สูตรที่ ๗ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 414/491

สูตรที่ ๘ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 415/492

สูตรที่ ๙ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 416/492

สูตรที่ ๑๐ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 417/492

สูตรที่ ๑๑ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 418/492

สูตรที่ ๑๒ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 419/493

สูตรที่ ๑๓ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 420/493

สูตรที่ ๑๔ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 421/493

สูตรที่ ๑๕ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 422/493

สูตรที่ ๑๖ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 423/494

สูตรที่ ๑๗ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 424/494

อรรถกถาสูตรที่ ๑ 494

อรรถกถาสูตรที่ ๒ 495

อรรถกถาสูตรที่ ๓ 495

อรรถกถาสูตรที่ ๔ 495

อรรถกถาสูตรที่ ๕ 496

อรรถกถาสูตรที่ ๖ - ๗ 496

อรรถกถาสูตรที่ ๘ 496

อรรถกถาสูตรที่ ๙ 496

อรรถกถาสูตรที่ ๑๐ 496

อรรถกถาสูตรที่ ๑๑ 497

อรรถกถาสูตรที่ ๑๒ 497

อรรถกถาสูตรที่ ๑๓ 497

อรรถกถาสูตรที่ ๑๔ 498

อรรถกถาสูตรที่ ๑๕ 498

อรรถกถาสูตรที่ ๑๖ 498

อรรถกถาสูตรที่ ๑๗ 499


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 33]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 490

สมาปัตติวรรคที่ ๕

สูตรที่ ๑

[๔๐๘] ๑๖๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ฉลาดในสมาบัติ ๑ ความเป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาบัติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑

สูตรที่ ๒

[๔๐๙] ๑๖๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ซื่อตรง ๑ ความเป็นผู้อ่อนโยน ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๒

สูตรที่ ๓

[๔๑๐] ๑๖๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ขันติ ๑ โสรัจจะ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๓

สูตรที่ ๔

[๔๑๑] ๑๖๕. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 491

เป็นไฉน คือ ความเป็นผู้มีวาจาอ่อนหวาน ๑ การต้อนรับแขก ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๔

สูตรที่ ๕

[๔๑๒] ๑๖๖. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความไม่เบียดเบียน ๑ ความเป็นคนสะอาด ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๕

สูตรที่ ๖

[๔๑๓] ๑๖๗. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๖

สูตรที่ ๗

[๔๑๔] ๑๖๘. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภค ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๗

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 492

สูตรที่ ๘

[๔๑๕] ๑๖๙. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ กำลังคือการพิจารณา ๑ กำลังคือการอบรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๘

สูตรที่ ๙

[๔๑๖] ๑๗๐. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ กำลังคือสติ ๑ กำลังคือสมาธิ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๙

สูตรที่ ๑๐

[๔๑๗] ๑๗๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๐

สูตรที่ ๑๑

[๔๑๘] ๑๗๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ศีลวิบัติ ๑ ทิฏฐิวิบัติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๑

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 493

สูตรที่ ๑๒

[๔๑๙] ๑๗๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ศีลสมบัติ ๑ ทิฏฐิสมบัติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๒

สูตรที่ ๑๓

[๔๒๐] ๑๗๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ศีลบริสุทธิ์ ๑ ทิฏฐิบริสุทธิ์ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๓

สูตรที่ ๑๔

[๔๒๑] ๑๗๕. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ทิฏฐิบริสุทธิ์ ๑ ความเพียรที่สมควรแก่ทิฏฐิ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๔

สูตรที่ ๑๕

[๔๒๒] ๑๗๖. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ยังไม่พอในกุศลธรรม ๑ ความเป็นผู้ไม่ท้อถอยในความเพียร ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๕

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 494

สูตรที่ ๑๖

[๔๒๓] ๑๗๗. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่าง ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นคนหลงลืมสติ ๑ ความไม่รู้สึกตัว ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๖

สูตรที่ ๑๗

[๔๒๔] ๑๗๘. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ สติ ๑ สัมปชัญญะ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.

จบสูตรที่ ๑๗

จบสมาปัตติวรรคที่ ๕

จบตติยปัณณาสก์

สมาปัตติวรรคที่ ๕ (๑)

อรรถกถาสูตรที่ ๑

สมาปัตติวรรคที่ ๕ สูตรที่ ๑ (ข้อ ๔๐๘) มีวินัยดังต่อไปนี้.

บทว่า สมาปตฺติกุสลตา ได้แก่ ความเป็นผู้ฉลาดในการกำหนดอาหารสัปปายะเข้าสมาบัติ. บทว่า สมาปตฺติวุฏฺานกุสลตา ความว่า เมื่อได้เวลาตามกำหนดเป็นผู้ฉลาดออก. ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาดในการออกจาก


(๑) วรรคนี้ประกอบด้วยพระสูตร ๑๗ สูตร อรรถกถาแก้ไว้สั้นๆ จึงลงติดต่อกันไปทั้งวรรค โดยลงหัวข้อบาลีประจำสูตรกำกับไว้ด้วย.

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 495

สมาบัติ เพราะฉะนั้น ผู้นี้ชื่อว่าฉลาด ดังนี้.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑

อรรถกถาสูตรที่ ๒

ในสูตรที่ ๒ (ข้อ ๔๐๙) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า อาชฺชวํ แปลว่า ความตรง. บทว่า มทฺทวํ แปลว่า ความอ่อนโยน.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๒

อรรถกถาสูตรที่ ๓

ในสูตรที่ ๓ (ข้อ ๔๐๑) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า ขนฺติ ได้แก่ อธิวาสนขันติ. บทว่า โสรจฺจํ ได้แก่ ความเรียบร้อย ความสงบเสงี่ยม.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๓

อรรถกถาสูตรที่ ๔

ในสูตรที่ ๔ (ข้อ ๔๑๑) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า สาขลฺยํ ได้แก่ ความชื่นชมโดยใช้วาจาอ่อนหวาน. บทว่า ปฏิสนฺถาโร ได้แก่ การต้อนรับด้วยอามิสก็ตาม ด้วยธรรมก็ตาม ชื่อว่าปฏิสันถาร.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๔

 
  ข้อความที่ 7  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 496

อรรถกถาสูตรที่ ๕

ในสูตรที่ ๕ (ข้อ ๔๑๒) มีวินิจฉัยต่อไปนี้.

บทว่า อวิหึสา ได้แก่ธรรมอันเป็นส่วนเบื้องต้นของกรุณา. บทว่า โสเจยฺยํ ได้แก่ ความสะอาดโดยศีล.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๕

อรรถกถาสูตรที่ ๖ - ๗

ในสูตรที่ ๖ และสูตรที่ ๗ (ข้อ ๔๑๓ - ๔๑๔) มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น.

อรรถกถาสูตรที่ ๘

ในสูตรที่ ๘ (ข้อ ๔๑๕) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า ปฏิสงฺขานพลํ ได้แก่ กำลังคือการพิจารณา.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๘

อรรถกถาสูตรที่ ๙

ในสูตรที่ ๙ (ข้อ ๔๑๖) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

ชื่อว่า กำลังคือสติ เพราะเมื่อหลงลืมสติ ก็ไม่หวั่นไหว. ชื่อว่า กำลังคือสมาธิ เพราะเมื่อฟุ้งซ่าน ก็ไม่หวั่นไหว.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๙

อรรถกถาสูตรที่ ๑๐

ในสูตรที่ ๑๐ (ข้อ ๔๑๗) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

 
  ข้อความที่ 8  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 497

บทว่า สมโถ ได้แก่ ความที่จิตแน่วแน่. บทว่า วิปสฺสนา ได้แก่ ญาณกำหนดสังขารเป็นอารมณ์.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐

อรรถกถาสูตรที่ ๑๑

ในสูตรที่ ๑๑ (ข้อ ๔๑๘) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า สีลวิปตฺติ ได้แก่ ความทุศีล. บทว่า ทิฏฺิวิปตฺติ ได้แก่ มิจฉาทิฏฐิ.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๑

อรรถกถาสูตรที่ ๑๒

ในสูตรที่ ๑๒ (ข้อ ๔๑๙) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า สีลสมฺปทา ได้แก่ ความมีศีลบริบูรณ์. บทว่า ทิฏฺิสมฺปทา ได้แก่ ความเป็นสัมมาทิฏฐิ. ด้วยบทนั้น สัมมาทิฏฐิแม้ทั้งปวง ที่สงเคราะห์ด้วยสัมมาทิฏฐิ คือ กัมมัสสกตาสัมมาทิฏฐิ ฌานสัมมาทิฏฐิ วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ มัคคสัมมาทิฏฐิ ผลสัมมาทิฏฐิ ชื่อว่า สัมมาทิฏิ.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๒

อรรถกถาสูตรที่ ๑๓

ในสูตรที่ ๑๓ (ข้อ ๔๒๐) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า สีลวิสุทฺธิ ได้แก่ ศีลที่บ่มวิสุทธิ. บทว่า ทิฏฺิวิสุทฺธิ

 
  ข้อความที่ 9  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 498

ได้แก่ สัมมาทิฏฐิในมรรคทั้ง ๔ ที่บ่มวิสุทธิ หรือสัมมาทิฏฐิทั้ง ๕ อย่าง.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๓

อรรถกถาสูตรที่ ๑๔

ในสูตรที่ ๑๔ (ข้อ ๔๒๑) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า ทิฏฺิวิสุทฺธิ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิที่บ่มวิสุทธินั่นแล. บทว่า ยถา ทิฏฺิสฺส จ ปธานํ ความว่า ความเพียรที่สัมปยุตด้วยมรรคเบื้องต่ำนั้น ท่านกล่าวว่า ยถา ทิฏฺสฺส จ ปธานํ เพราะอนุรูปแก่ทิฏฐินั้น.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๔

อรรถกถาสูตรที่ ๑๕

ในสูตรที่ ๑๕ (ข้อ ๔๒๒) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า อสนฺตุฏฺิตา จ กุสเลสุ ธมฺเมสุ ได้แก่ ความเป็นผู้ไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย นอกจากอรหัตตมรรค.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๕

อรรถกถาสูตรที่ ๑๖

ในสูตรที่ ๑๖ (ข้อ ๔๒๓) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า มุฏฺสจฺจํ แปลว่า ความเป็นผู้หลงลืมสติ. บทว่า อสมฺปชฺํ ได้แก่ ความไม่รู้ตัว.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๖

 
  ข้อความที่ 10  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 499

อรรถกถาสูตรที่ ๑๗

ในสูตรที่ ๑๗ (ข้อ ๔๒๔) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

สติ มีใจไม่ลอยเป็นลักษณะ. สัมปชัญญะ มีรู้สึกตัวเป็นลักษณะ.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๗

จบสมาปัตติวรรคที่ ๕

จบตติยปัณณาสก์