ผู้ที่มั่นคงในการให้ทาน
กิเลสนี้เหนียวแน่นเหลือเกิน แม้แต่วัตถุก็ยังสละยากถึงปานนี้ การที่จะรู้ชัดในสภาพนามธรรมและรูปธรรมจนกระทั่งไม่ยึดถือว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนนั้น จะยิ่งยากกว่าการสละวัตถุสักเท่าไร
วิสัยหชาดก มีข้อความว่า
ผู้ที่มั่นคงในการให้ทาน ท่านก็กล่าวตอบว่า
ข้าแต่ท้าวสหัสเนตร พระอริยะทั้งหลายท่านกล่าวถึงบาปกรรมว่า อันอารยชน ถึงจะเป็นคนยากจนเข็ญใจก็ไม่ควรทำ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทวยเทพ ข้าพระบาทจะพึงเลิกศรัทธาเพราะเหตุการบริโภคทรัพย์อันใด ทรัพย์อันนั้นอย่าได้มีเลย
นี่เป็นความมั่นคงของผู้ที่เชื่อในเรื่องของกุศล
ชีวิตจริงๆ จะเป็นอย่างนี้บ้างไหม บางท่านมีศรัทธา คิดว่าถ้าได้เงินมาจะแบ่งบริจาคเป็นการกุศลจำนวนหนึ่ง เวลานี้ไม่มีโภคสมบัติที่จะบริจาค แต่คิดว่า ถ้าได้มาเป็นจำนวนมากพอที่จะบริจาคได้ ก็จะแบ่งทรัพย์สมบัตินั้นบริจาคสักส่วนหนึ่ง คิดเวลาที่ยังไม่ได้ แต่พอได้มาแล้ว ชักจะเสียดายส่วนหนึ่งที่คิดไว้ ขอให้ดูว่าเป็นส่วนนั้นที่คิดไว้จริงๆ หรือเปล่า หรือว่าพอได้มาจริงๆ ส่วนนั้นก็เล็กลง ศรัทธาก็น้อยลง หรือเห็นว่าส่วนนั้นมากไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้น เวลาที่บริจาคจริงๆ ก็บริจาคเพียงเล็กน้อย ไม่ตรงตามที่คิดไว้ บางทีก็ไม่บริจาคเลย
สำหรับผู้ที่มั่นคงในทาน ท่านกล่าวว่า
ข้าพระบาทจะพึงเลิกศรัทธาเพราะเหตุการบริโภคทรัพย์อันใด ทรัพย์อันนั้น อย่าได้มีเลย
เคยคิดว่าจะบริจาคเป็นการกุศล ถ้าจะไม่บริจาค ขออย่าให้ได้ทรัพย์นั้นมาเลย นั่นเป็นผู้ที่มั่นคงในการให้ กิเลสนี้เหนียวแน่นเหลือเกิน แม้แต่วัตถุก็ยังสละยากถึงปานนี้ เพราะฉะนั้น การที่จะรู้ชัดในสภาพนามธรรมและรูปธรรมจนกระทั่งไม่ยึดถือว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนนั้น จะยิ่งยากกว่าการสละวัตถุสักเท่าไร ถ้าไม่พิจารณา ไม่พิสูจน์จากชีวิตจริงๆ ท่านจะไม่รู้จักตัวท่านเองอย่างละเอียดว่า การละกิเลสนั้นจะต้องละอย่างไร และยากอย่างไร ท่านคิดข้ามๆ เพียงแต่ว่า ท่านเห็นนามรูปเกิดดับได้ก็จะหมดกิเลส แต่ว่าความจริงแล้ว กิเลสเป็นเป็นเรื่องละเอียด และจะต้องรู้แจ้งจริงๆ
ขอเชิญรับฟัง