จึงรู้ในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 
เมตตา
วันที่  14 ก.พ. 2567
หมายเลข  47392
อ่าน  336

สนทนาปัญหาธรรม วันอังคารที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๗

[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 383 - 384

๑๐. โสตาปัตติยังคสูตร

โสตาปัตติยังคะ ๔ ประการ

[๑๖๒๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โสตาปัตติยังคะ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ การคบสัตบุรุษ ๑ การฟังธรรมของสัตบุรุษ ๑ การทำไว้ในใจโดยแยบคาย ๑ การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โสตาปัตติยังคะ ๔ ประการนี้แล.

จบโสตาปัตติยังคสูตรที่ ๑๐

จบสคาถกปุญญาภิสันทวรรคที่ ๕

สัปปัญญวรรคที่ ๖

๑. สคาถกสูตร (๑)

ผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเป็นพระโสดาบัน

[๑๖๒๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า

[๑๖๒๒] ผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวในพระตถาคต มีศีลอันงาม ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว สรรเสริญแล้ว มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ และมีความเห็นตรง บัณฑิตเรียกผู้นั้นว่า เป็นคนไม่ขัดสน ชีวิตของเขาไม่เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า พึงประกอบตามซึ่งศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็นธรรม.

จบสคาถกสูตรที่ ๑


อ.อรรณพ: ท่านอาจารย์ถามว่า รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วหรือยัง? ที่ถามคุณเถร์ ถามว่าพระพุทธเจ้ามีจริงไหม? ดูเหมือนคำถามธรรมดา แต่ลึกซึ้งที่สุดเลยครับ ยิ่งฟังท่านอาจารย์สนทนากับคุณสา (อัญชิสา) การที่พระพุทธเจ้ามีจริงไหม? เราแค่ยึดว่าเราเป็นชาวพุทธ พระพุทธเจ้าก็ต้องมีจริงซิ ให้ใครไปทำอย่างไรก็แล้วแต่ เราไม่หวั่นไหวเราเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง ก็ดูเหมือนว่าเราไม่หวั่นไหว จะกราบเท้าท่านอาจารย์ว่า องค์ของความเป็นพระโสดาบันเมื่อท่านเป็นพระโสดาบัน องค์ธรรมของพระโสดาบัน ก็คือมีความมั่นคงไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นต้น ในสิกขาอะไรก็แล้วแต่นะครับ ก็มีความไม่หวั่นไหวในพระพุทธนี่ครับอย่างไร? แล้วก็จะต่างกับผู้ที่เลื่ยมใส และคิดว่า เขามั่นคงไม่หวั่นไหวแล้วในพระพุทธเจ้านะครับ แต่เขาก็ยังไม่ได้เข้าใจจริงๆ แล้วก็ยังไม่ได้ตรงอย่างคุณสา ซึ่งกล่าวไว้ว่า เคารพน้อย

เพราะฉะนั้น ความเคารพอย่างยิ่งสูงสุดที่เป็นความมั่นคงไม่หวั่นไหวระดับที่เป็นองค์ของพระโสดาบัน กับผู้ที่เขาฟังธรรมแล้วรู้สึกว่าดี แล้วเขาคิดว่าพระพุทธเจ้ามีจริง แล้วเขาก็คิดว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" เขาก็บอกว่า เขาเข้าใจธรรมแล้ว อะไรต่างๆ อย่างนี้ครับ อย่างนี้ซึ่งเป็นความผิงเผินนะครับ จะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ผิวเผิน ไม่ใช่เป็นความมั่นคงไม่หวั่นไหวจริงๆ ซึ่งต้องเป็นของพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไปจึงมีความมั่นคงครับ ศรัทธาไม่หวั่นไหวในพระพุทธ เป็นต้น กราบท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: เมื่อได้ประจักษ์ความจริง ก็รู้ว่าที่ได้ประจักษ์ความจริงนั้นคืออย่างไร ถ้าไม่อาศัยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ความจริงแล้วทรงแสดง พระองค์จะแสดงหนทางที่จะทำให้คนอื่นได้ถึงการรู้แจ้งความจริงนั้นได้ไหม? เพราะฉะนั้น เขารู้แจ้งความจริงได้ เพราะอะไร?

อ.อรรณพ: เพราะความเข้าใจในแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนมั่นคง จนรู้ตรงสิ่งที่มีจริงอย่างแจ้งชัด

ท่านอาจารย์: ไม่ใช่คำของคนอื่น เพราะฉะนั้น จึงรู้ในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ เขาก็คิดกันเผินๆ ครับว่า เราเชื่อแน่ๆ เชื่อมั่นว่ามีพระพุทธเจ้าจริงๆ อย่างเราเป็นคนพุทธเราเชื่อแล้วเราไม่หวั่นไหวเลย ใครจะมาให้เราเปลี่ยนศาสนา เราก็ไม่เปลี่ยน แต่เราไม่ได้เข้าใจในความเป็นธรรมจริงๆ อย่างนี้ครับ

เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์มีอะไรที่ถามให้คิด สะกิดใจ กระตุ้นเตือนการสะสมแสนโกฏฺกัปป์ของคนถ้ามีนะครับ ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะครับ ที่ถามว่า พระพุทธเจ้ามีจริงไหม? ไม่เล็กน้อยเลย

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

ทำอย่างไรจึงจะทราบว่า ใครเป็นพระโสดาบันหรือว่าไม่เป็น

ปุถุชนกับพระโสดาบันบุคคล มีอะไรบ้างที่ต่างกัน

ขอเชิญฟังได้ที่ ...

จากปุถุชนถึงความเป็นพระโสดาบัน

รู้จักศรัทธาแต่เพียงชื่อ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ