เห็นวัดหรือเห็นบ้าน?

 
เมตตา
วันที่  6 มี.ค. 2567
หมายเลข  47579
อ่าน  388

สนทนาปัญหาธรรม วันอังคารที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๗

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 103

สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.

"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า 'สังขาร ทั้งปวงไม่เที่ยง' เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด"

สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.

"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า 'สังขาร ทั้งปวงเป็นทุกข์' เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด"

สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.

"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า 'ธรรม ทั้งปวงเป็นอนัตตา' เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด"


ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น นี่คือความหมายที่เรามองเห็นวัด ตัววัด เป็นที่อยู่อาศัย แต่ว่าความเข้าใจต้องลึกซึ้งกว่านั้นจนไม่มีเรา และไม่มีใครเลยแม้แต่วัด ในเมื่อไม่มีเรา จะมี วัด ไหม? ความลึกซึ้งจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนสามารถที่จะเข้าใจว่า ที่อยู่ที่อาศัยของผู้ใดเป็นวัด ที่อยู่ที่อาศัยของผู้ใดไม่ใช่วัด คือชีวิตของคฤหัสถ์ ก็มีความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่จะถูกต้องยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่า ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เดี๋ยวนี้ คืออะไร ยิ่งลึกซึ้งใช่ไหม? ยิ่งรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจโดยนัยต่างๆ ในความจริงที่มีตามลำดับ มี เห็น แน่ๆ เห็นวัดหรือเห็นบ้าน? ไม่รู้จัก จนกว่าจะประจักษ์แจ้งความจริง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยทั้งสิ้น เป็นเพียงสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดแล้วดับ แค่นี้ เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น แต่เป็นสิ่งที่มีจริงอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นแล้วดับ จริงไหม ถึงที่สุดไหม แม้แต่ความคิดเดี๋ยวนี้

เพราะฉะนั้น ความลึกซึ้งพระธรรมสุดที่จะประมาณได้ ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่มีการเข้าใจความจริง ซึ่งขณะนี้มีแต่เพียงสิ่งที่มีปัจจัยเกิดขึ้นจึงเกิดได้ และทันทีที่เกิดก็ดับไป นี่คือโลกทั้งหมดใช่ไหม? ไม่ว่าจะเป็นวัด เป็นบ้าน เป็นอาหาร เป็นอะไรทั้งหมด ก็คือสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งซึ่งอาศัยปัจจัยจึงเกิดได้ ถ้าไม่มีปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นก็เป็นอย่างนั้นไม่ได้ แต่ทันทีที่เกิดก็ดับ จริงหรือเปล่า? เพราะอาศัยปัจจัยทำให้เกิด เมื่อเกิดแล้วก็ต้องดับ แล้วจะเป็นอะไรได้นอกจากเป็นสิ่งที่มีจริงเพียงชั่วขณะที่เกิดตามปัจจัย แล้วก็ดับในสังสารวัฏฏ์

เพราะฉะนั้น การที่จะเป็นบุคคลนี้ตามที่ได้คิดว่า เราเกิดมาแล้วก็ต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องมีเหตุการณืต่างๆ สิ่งที่ต้องการ แล้วก็พ้นความเป็นบุคคลนี้ หายไปเลย หายไปเลยไม่เหลือเลย

เพราะฉะนั้น ตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนถึงวันนั้นจะมีอะไรเหลือ? แต่ความจริงยิ่งกว่านั้น คือแม้ขณะนี้ก็ไม่เหลือ นี่คือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากการที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีที่จะตรัสรู้ความจริงถึงที่สุดของสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ใครจะปฏิเสธพระพุทธพจน์

ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

ขอเชิญฟังได้ที่ ...

สภาพธรรมต้องมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นได้

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 6 มี.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ