ภาพลวงตา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การหลงยึดสภาพธรรมทั้งหลายว่า เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลนั้น อุปมาเหมือนคนเดินทาง ในที่ซึ่งย่อมเห็นเหมือนกับว่ามีเงาน้ำอยู่ข้างหน้า แต่เมื่อเข้าใกล้ เงาน้ำก็หายไป เพราะแท้จริงหามีน้ำไม่ เงาน้ำที่เห็นเป็นมายา เป็น ภาพลวงตา ฉันใด การเข้าใจผิดว่า สภาพธรรมทั้งหลาย เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เพราะความไม่รู้ เพราะความจำ เพราะความยึดถือ ก็ฉันนั้น
อาสวะ
อา (ทั่ว) + สว (เจริญ, ไหลไป) กิเลสเครื่องหมักดองที่ไหลไปทั่ว หมายถึง อกุศลธรรมชนิดหนึ่งที่มีสภาพหมักหมมไว้ในขันธสันดาน เหมือนกับสุราซึ่งเป็นเครื่องหมักดองที่เก็บไว้นานๆ มีอำนาจทำให้เมาและหลงใหลได้ อาสวะยังเป็นสภาพที่ไหลไป ไหลไปสู่ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ สามารถไหลไปได้จนถึงภวัคคพรหม เมื่อว่าโดยภูมิ แต่เมื่อว่าโดยธรรม ก็ไหลไปได้จนถึงโคตรภู ทำให้สังสารวัฏฏ์เจริญสืบต่อไปเพราะอาสวะ เป็นต้นเหตุให้เกิดอวิชชา คือความไม่รู้ ซึ่งเป็นเงื่อนต้นของ ปฏิจจสมุปปาท
ฟังความจริงในความฝัน และตื่นเมื่อรู้ความจริง
วิชชาต่างกับอวิชชา ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่ขณะที่รู้ แม้ฟังธรรมเข้าใจ ก็รู้ในระดับว่ามีธรรมนั้นจริง แต่ก็ยังไม่ถึงการรู้ลักษณะของธรรม เสมือนการฟังเรื่องในฝัน ฟังว่ามีจิต เจตสิก รูปเกิดดับ แต่ขณะใดไม่รู้สิ่งที่มีจริงเพราะยังไม่ตื่นจากกิเลส ซึ่งปัญญาจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ สิ่งที่มีจริงนั้นเป็นที่อาศัยให้ระลึกรู้ความจริง ตื่นเมื่อไรก็คือรู้ความจริงของลักษณะที่ปรากฏ จากในฝันที่ว่าแข็งมีจริง เมื่อตื่นก็คือ รู้ลักษณะของแข็งจริงๆ ยืนยันสิ่งที่ฟังในฝัน
เพราะฉะนั้น เราก็เกิดมาแล้ว เคยฟังธรรมะมาแล้ว นานพอควร ไม่ต้องคิดเฉพาะในชาตินี้ ถ้าในชาติก่อนๆ ไม่เคยฟังมาก่อนเลย จะไม่มีความสนใจ ที่จะฟังต่อไป เพราะเหตุว่า ดูเหมือนว่า จะมีประโยชน์อะไร? ต่อการที่จะเกิดมา สั้นๆ แล้วก็จากโลกนี้ไป ก็สนุก สบายเสีย ไม่ดีกว่าหรือ?
แต่ว่า ความจริงให้ทราบว่า ที่เราคิดว่า สนุก สบายเนี่ย นานแค่ไหน? ชั่วขณะจิต ที่เกิดขึ้น แล้วก็หมดไป แล้วก็ไม่มีอะไรเหลือเลย สักอย่างเดียว
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศอินเดีย ๒๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ [ตอนที่ ๒]
ประโยชน์สูงสุดในชีวิต คือความเข้าใจพระธรรม ซึ่งจะเป็นเครื่องป้องกันภัยคือกิเลส และสามารถที่จะดับกิเลสได้ในที่สุด ไม่ต้องมีการเกิดมาประสบกับภัยต่างๆ อีกเลย
อ คำปั่น อักษรวิลัย
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า 139
ข้อความตอนหนึ่งจาก ...
ปัชโชตสูตร
[๖๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบเทวดา ว่า แสงสว่างทั้งหลายในโลกมีอยู่ ๔ อย่าง แสงสว่าง ที่ ๕ มิได้มี ในโลกนี้, ดวงอาทิตย์ ส่องสว่าง ในเวลากลางวัน, ดวงจันทร์ ส่องสว่าง ในเวลากลางคืน, อนึ่ง ไฟ ย่อมรุ่งเรือง ในเวลากลางวัน และ เวลากลางคืน,พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประเสริฐกว่า แสงสว่างทั้งหลาย, แสงสว่างของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อม เป็นแสงสว่าง อย่างยอดเยี่ยม.
ชำระจิตให้สะอาดด้วยการอบรม เจริญปัญญา อกุศลแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่สะอาด การศึกษาพระธรรมเพื่อให้รู้ว่าในชีวิตประจำวันมีความไม่สะอาดกาย วาจาและใจอยู่มาก เพราะว่ายังมีกิเลสอกุศลมาก กิเลสอกุศลนั้นไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่จะเกิดในชีวิตประจำวัน จึงต้องรู้จักกิเลสอกุศลด้วยการอบรมเจริญปัญญา เข้าใจถูก เห็นถูก ในสิ่งที่กำลังปรากฏ เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง รู้ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่จะไปละโลภะ โทสะก่อน ศึกษาธรรมเพื่อชำระจิต
ฟังเพื่อรู้ว่ายังไม่สะอาด ดีกว่าคิดว่าสะอาดแล้ว คนส่วนมากไม่เห็นความไม่สะอาด สกปรกของตนเอง จึงต้องฟังพระธรรมต่อไปๆ เพื่อเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่มีอุบายอื่นไม่คิดเอง ทุกคนต้องรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงละเอียดขึ้น พระธรรมเป็นสิ่งซึ่งทำให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง เป็นคนดีหรือ เป็นคนไม่มีมาก การเป็นคนดีไม่ใช่ง่ายแต่ต้องเข้าใจธรรมดับกิเลสหมดสิ้นเป็นพระอรหันต์จึงดีที่สุด การฟังพระธรรมทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนอยากเป็นคนดี แล้วจะพึ่งอะไร? พึ่งพระธรรมคำสอนซึ่งจะทำให้กาย วาจา และใจสะอาดขึ้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง