ชาวพุทธ อุบาสก อุบาสิกา มีหน้าที่อะไร

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  31 ส.ค. 2567
หมายเลข  48385
อ่าน  265

คนที่รักตนก็เหมือนทำเพื่อตน แต่ถ้ามีความเห็นแก่ผู้อื่นก็จะทำเพื่อผู้อื่น เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มอบสิ่งที่ประเสริฐให้กับเรา ทั้ง พระธรรมวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ซึ่งถ้าเราเป็นหนึ่งใน ๔ ของกลุ่มที่ท่านได้มอบให้ดูแลพระศาสนาของท่าน ไม่ช่วยกันรักษาก็เท่ากับว่าเราไม่เคารพพระพุทธองค์ แล้วขณะนี้ก็ได้เกิดความเสียหายขึ้นอย่างมาก

เริ่มรู้ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควรที่จะทำ แล้วก็อาจหาญที่เราได้ทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นโทษหรือน่ากลัวเลย ไม่ต้องเกรงอะไรเลยเพราะเป็นสิ่งที่ถูก

คฤหัสถ์ต้องเข้าใจถูกต้อง ว่าการเป็นพระภิกษุไม่ใช่เพียงแค่อุปสมบท แล้วก็มีเสื้อผ้าต่างกับคฤหัสถ์ แค่นั้นไม่ใช่พระภิกษุ พระภิกษุต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยแน่นอน รู้จักพระภิกษุหรือยัง แต่ถ้ายังไม่รู้ความละเอียดของศีล ๒๒๗ เพียงแค่รับเงินทองก็ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย

สำหรับมูลเหตุที่พระผู้มีพระภาคจะทรงบัญญัติสิกขาบทไม่ให้ภิกษุรับหรือว่ายินดีเงิน และทอง มีข้อความใน พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๓ โกสิยวรรค สิกขาบทที่ ๘ เรื่องพระนันทศากยบุตร ข้อ ๑๐๕


ที่มา อ่าน และฟังเพิ่มเติม

ปัญญานำไปในกิจที่ดีงาม

ใครรับเงินทองไม่ใช่ภิกษุ

ภิกษุรับเงินทอง เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Kalaya
วันที่ 31 ส.ค. 2567

ความจริง เป็นความจริง สาธุค่ะ ปรากฎกับผู้ใดเพื่อเกิดความรู้ก็สะสมสิ่งที่ตรงเเละถูกต้องตามที่ทรงบัญญัติจะได้อยู่บนโลกตามความเห็นถูกไม่หลงตนและ ไม่หลงทาง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
talaykwang
วันที่ 31 ส.ค. 2567

กราบขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลทุกประการค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สิริพรรณ
วันที่ 31 ส.ค. 2567

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในกุศลท่านผู้รักษาพระธรรมวินัยและเผยแพร่ความจริงให้ผู้อื่นเพื่อรู้ว่า อะไรผิด ไม่ควรทำ มีโทษอย่างยิ่ง

เมื่อละเว้นการทำสิ่งที่ผิดได้ ก็เป็นการส่งเสริมการทำที่ถูก ผู้ที่จะรักษาพระธรรมวินัยได้ จึงต้องเริ่มต้นศึกษาให้เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า เมื่อเข้าใจ จึงประพฤติตามได้ ตามกำลังความเข้าใจ

ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่ศึกษา ก็ไม่มีทางประพฤติตามได้เลย สิ่งที่ทำไปก็เป็นไปตามกำลังของกิเลส โดยฝ่ายเดียว เพราะความเป็นปถุชน ผู้หนาด้วยกิเลส

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 31 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 31 ส.ค. 2567

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 371

กายกรรมของสมณะเหล่านั้นสะอาด วจีกรรมก็สะอาด มโนกรรมก็สะอาด เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก

สมณะเหล่านั้นไร้มลทิน บริสุทธิ์ทั้งภายในทั้งภายนอก ดุจสังข์และมุกดา ธรรมฝ่ายขาวก็บริบูรณ์เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก.สมณะเหล่านั้น เป็นพหูสูต สดับมาก ทรงธรรมเป็นพระอริยะ เป็นอยู่โดยธรรม มีจิตมีอารมณ์เดียว มีสติ เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก.

สมณะเหล่านั้น เป็นพหูสูต สดับมาก ทรงธรรมเป็นพระอริยะ เป็นอยู่โดยธรรม ย่อมแสดงอรรถและธรรม เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก.

สมณะเหล่านั้น อยู่ป่าไกลผู้คน มีสติ พูดด้วยปัญญา ไม่ฟุ้งซ่าน รู้ที่สุดทุกข์ เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก.

สมณะเหล่านั้น หลีกออกจากหมู่บ้านใดไป ก็ไม่เหลียวดูอยู่อย่างกังวลในหมู่บ้านนั้น ไม่มีเยื่อใย ไปเลย เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก.

สมณะเหล่านั้น ไม่เก็บสะสมข้าวไว้ในยุ้งฉาง ไม่เก็บไว้ในหม้อ ไม่เก็บไว้ในกระเช้า แสวงหาแต่อาหารสำเร็จรูป เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก.

สมณะเหล่านั้น ไม่รับเงิน ไม่รับทอง ไม่รับรูปิยะ ยังชีวิตให้เป็นไปด้วยปัจจัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เพราะเหตุนั้น เหล่าสมณะจึงเป็นที่รักของลูก.


ข้อความบางตอนจาก ..

โรหิณีเถรีคาถา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
swanjariya
วันที่ 31 ส.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ