การบริโภคเนื้อสัตว์
ถาม : ถ้ามนุษย์ไม่มีการฆ่าสัตว์เลย แล้วปัจจุบันการดำรงชีวิต โดยเฉพาะการกินอยู่ เราก็กินเนื้อสัตว์แทบทุกวัน ถ้าไม่ฆ่าเนื้อสัตว์ จะดำรงชีวิตกันอย่างไร เพราะมนุษย์รับประทานเนื้อสัตว์กันเป็นส่วนมาก และขอเรียนถามอาจารย์ด้วย อาจารย์รับประทานเนื้อสัตว์หรือไม่
ตอบ : ดิฉันรับประทานเนื้อสัตว์ เช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายท่านก็บริโภคเนื้อสัตว์ตามพระวินัย คือสำหรับพระภิกษุแล้ว เมื่อไม่เห็น ไม่ได้ยิน และไม่สงสัยในเนื้อนั้น ท่านก็บริโภคได้ คำถามนี้เป็นที่ข้องใจไม่เฉพาะสำหรับชาวพุทธ แต่ว่าอาจจะเป็นข้อโจมตีหรือข้อตำหนิของศาสนาอื่นที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่า คำสอนของเราดูคล้ายๆ จะปากว่าตาขยิบ คือเมื่อไม่ให้ฆ่า แต่ก็บริโภคเนื้อสัตว์ ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องปากว่าตาขยิบ แต่แสดงให้เห็นว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลสหรือกิเลสยังไม่ดับ ตราบนั้นก็ยังมีการฆ่า แต่ผู้ที่ดับกิเลส เช่น พระโสดาบัน เป็นต้นไปจะไม่มีเจตนาฆ่าอีกเลย แต่ว่าบริโภคเนื้อสัตว์ได้
จากหนังสือ บทบาท อ.สุจินต์ ในการเผยแผ่พุทธธรรม
โดย พระธนนาถ นิธิปญฺโญ
เรื่องของการบริโภค ไม่ใช่ว่าเนื้อสัตว์จะทำให้เราเกิดปัญญา หรือว่าเนื้อสัตว์จะทำให้เราไม่เป็นพระอริยบุคคล ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเนื้อสัตว์ แต่อยู่ในขณะที่กำลังบริโภค ว่าเราบริโภคด้วยอกุศลจิต ด้วยกิเลส หรือด้วยจิตที่เป็นกุศล นี่เป็นข้อที่ต่างกัน เพราะเหตุว่าการฆ่านั้น แน่นอนว่าต้องเป็นอกุศลจึงฆ่า เป็นโทสมูลจิต ประกอบด้วยความไม่พอใจ ต้องการที่จะทำลายสิ่งนั้นจึงได้ฆ่า ขณะนั้นต้องเป็นอกุศล แต่ขณะที่บริโภคด้วยสติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรม รูปธรรมโดยความเป็นอนัตตา เพราะเหตุว่าสิ่งที่บริโภคนั้น ทางตาก็เป็นแต่เพียงสีสันต่างๆ เวลาที่กระทบสัมผัสลิ้นหรือริมฝีปาก ก็อ่อนหรือแข็ง ก็เป็นเพียงธาตุชนิดหนึ่ง เวลาที่กระทบกับลิ้นก็ปรากฏเป็นรสต่างๆ ซึ่งเกิดดับ
เพราะฉะนั้น ถ้าในขณะนั้นปัญญาเกิดขึ้นรู้ลักษณะของสภาพธรรม ก็ต่างกับผู้ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ด้วยความพอใจ ลองคิดถึงคนสองคน คนหนึ่งไม่บริโภคเนื้อสัตว์แต่มีโลภะขณะที่กำลังบริโภค อีกคนหนึ่งบริโภคเนื้อสัตว์แต่ว่ามีปัญญาในขณะที่บริโภค ควรเจริญอย่างไหน โดยขณะนั้นไม่ใช่ผู้ฆ่า และตราบใดที่คนทั้งโลกยังบริโภคเนื้อสัตว์ ยังมีกิเลส การบริโภคของผู้ที่เลี้ยงง่าย ก็ย่อมจะไม่มีการพิถีพิถันจนกระทั่งทำให้คนอื่นเขาลำบาก อย่างบางคนอาจจะนิยมพระภิกษุบางรูปที่มักจะถามว่า อาหารที่นำมาในบาตรนี้เป็นเนื้อสัตว์หรือเปล่า พอบอกว่าเป็นเนื้อสัตว์ก็ไม่รับ ที่จริงแล้วไม่ถูก เพราะผู้นั้นมีศรัทธาที่จะถวายภัตตาหาร เพราะฉะนั้น พระภิกษุซึ่งเป็นผู้เลี้ยงง่าย จะต้องรับเพื่อไม่ให้เขาขาดกุศลที่ควรเป็นไป คนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์แต่ฆ่าสัตว์ พอยุงกัดก็ตบเลย ฆ่ายุงง่ายๆ นี่ก็เป็นข้อที่น่าคิด
พระพุทธเจ้าท่านทรงอนุญาต เนื้อบริสุทธิ์ ๓ ส่วน คือ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ
ขออนุโมทนา
รบกวนขอให้ท่านผู้รู้ช่วยอธิบาย
ขยายความคำว่า
"ไม่สงสัยในเนื้อนั้น"
"ไม่รังเกียจในเนื้อนั้น"
ขอบคุณค่ะ
เพราะเหตุนี้ ชาวพุทธจึงมีความจำเป็นอย่างมากในการศึกษาพระธรรมวินัย โดยมีพระไตรปิฎกเป็นหลักสูตร มีการพิจารณาเหตุผลตามความเป็นจริง เพื่อรักษาพระธรรมวินัยและรักษาความถูกต้องในการดำเนินชีวิต
ตอบความเห็นที่ 4
ไม่สงสัยหรือรังเกียจว่า เขาฆ่าเจาะจงเพื่อเรา
ทานเนื้อสัตว์ไม่บาป แล้วอยากทราบว่าทานเจได้บุญไหม แล้วพุทธนิกายอื่น ประเทศอื่น ทานเจกัน ด้วยเชื่อว่าลดการฆ่า ถ้าความเชื่อเหล่านี้แพร่หลาย จะดีในแง่ลดการฆ่าสัตว์ไปได้ ไม่ทราบมีความเห็นอย่างไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ