เห็นโทษโดยความเป็นโทษ

 
เมตตา
วันที่  4 พ.ย. 2567
หมายเลข  48843
อ่าน  249

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 286

[๒๗๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษ บางพวกในพระธรรม วินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียนธรรม นั้นแล้ว ย่อมไม่ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา ธรรมเหล่า นั้น ย่อมไม่ควรซึ่งการเพ่งแห่งโมฆบุรุษเหล่านั้น ผู้ไม่ไตร่ตรองเนื้อความ ด้วยปัญญา โมฆบุรุษเหล่านั้น ข่มผู้อื่นเป็นอานิสงส์ หมายเปลื้องคำ กล่าวร้ายของผู้อื่นเป็นอานิสงส์ จึงเล่าเรียนธรรม ก็กุลบุตรทั้งหลาย ย่อมเล่า เรียนธรรมเพื่อประโยชน์อันใด โมฆบุรุษเหล่านั้น ย่อมไม่ได้เสวยประโยชน์ นั้นแห่งธรรมนั้น ธรรมเหล่านั้น อันโมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนไม่ดีแล้ว ย่อมเป็น ไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน ข้อนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะธรรมทั้งหลายอันตนเรียนไม่ดีแล้ว

ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษ ผู้มีความต้องการด้วยงูพิษ เสาะหางูพิษ เที่ยวแสวงหางูพิษ เขาพึงพบงูพิษ ตัวใหญ่ พึงจับงูพิษนั้นที่ขนดหรือที่หาง งูพิษนั้นพึงแว้งกัดเขาที่มือ ที่แขน หรือที่อวัยวะใหญ่น้อยแห่งใดแห่งหนึ่ง เขาพึงถึงความตายหรือความทุกข์ปาง ตาย มีการกัดนั้นเป็นเหตุ ข้อนั้นเป็นเหตุเพราะอะไร เ พราะงูพิษตนจับไม่ดี แล้วแม้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย พวกโมฆบุรุษ บางพวกในพระธรรมวินัยนี้ ก็ฉัน นั้นนั่นแล ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ ... อัพภูตธรรม เวทัลละ โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียนธรรมนั้นแล้ว ย่อมไม่ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้น ด้วยปัญญา ธรรมเหล่านั้นย่อมไม่ควรซึ่งการเพ่งแห่งโมฆะบุรุษเหล่านั้น ผู้ไม่ไตร่ตรองเนื้อความด้วยปัญญา โมฆบุรุษเหล่านั้น หมายข่มผู้อื่นเป็นอานิสงส์ หมายเปลื้องคํากล่าวร้ายผู้อื่นเป็นอานิสงส์ จึงเล่าเรียนธรรม ก็กุลบุตรทั้งหลายย่อมเล่าเรียนธรรมเพื่อประโยชน์อันใด โมฆบุรุษเหล่านั้นย่อมไม่ได้เสวยประโยชน์นั้นแห่งธรรมนั้น ธรรมเหล่านั้น อันโมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนไม่ดีแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เพราะธรรมทั้งหลายอันตนเรียนไม่ดีแล้ว.


อ.อรรณพ: ปัญญาเห็นโทษจึงละได้ ถ้าปัญญาไม่เกิดก็ไม่มีอะไรจะเห็นโทษ มีแต่ตัวเราแล้วก็จะแก้ตัวด้วยความเป็นเราไปเรื่อยๆ ก็ละอะไรไม่ได้

ก็ยินดีทั้ง อ.คำปั่น และ อ.วิชัย ที่ยกข้อความใน พระไตรปิฎก ได้เห็นว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์ได้กล่าว ก็คือตามพระธรรมวินัยทั้งหมดทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดเป็นที่เคารพของพุทธบริษัทผู้เข้าใจ ได้เห็นประโยชน์ของพระธรรมวินัยนะครับ

กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ อย่างที่พระเทวทัตนี่ ก็เห็นเลยว่า ผู้ที่จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญพระบารมี ๒ อสงไขย แสนกัปป์ ในอดีตท่านพระเทวทัตก็ต้องบำเพ็ญบารมีมาแล้ว เพราะว่าเหลืออีกแสนกัปป์เท่านั้น ที่จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ แสดงว่ามีการสะสม ก็ประมาทไม่ได้เลย ขนาดผู้ที่สะสมบารมีมาจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เหลือเวลาอีกแค่แสนกัปป์เศษเท่านั้น ยังกระทำสิ่งที่ผิดอย่างนี้ หนักที่สุดที่ทำกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในยุคนี้สมัยนี้ แม้จะไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ แต่พระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์

เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ที่ทำสิ่งที่ผิดต่อพระศาสนาก็เป็นโทษเช่นกัน แม้จะไม่เท่าพระเทวทัตก็ตามครับ ทุกคนมีการผิดพลั้งไปได้ด้วยอำนาจกิเลส เพราะฉะนั้น ก็สมควรจะ เห็นโทษโดยความเป็นโทษ เป็นสิ่งที่สำคัญ จะได้เจริญงอกงามในพระศาสนาต่อไปได้

ท่านอาจารย์: ขณะใดที่ไม่เห็นโทษว่า เป็นโทษ ขณะนั้นเพราะความเข้าใจธรรมไม่พอ

อ.อรรณพ: เพราะความเข้าใจธรรมไม่พอ กราบท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วจะศึกษาธรรมทำไม? เพื่อเข้าใจธรรมยิ่งขึ้นไม่ใช่หรือ?

อ.อรรณพ: ที่ท่านอาจารย์กล่าวก็น่าคิดครับ ศึกษาธรรมไม่ใช่เพื่อเอามาแก้ตัว แต่เรามีอย่างนี้กันบ้างไหมทุกท่าน พอเราศึกษาธรรม เราก็รู้แล้วเราก็บอกว่า เราโกรธใครเราก็ไปว่าเขา แล้วเราก็บอกว่า นี่เป็นอนัตตาที่โทสะจะเกิด เราก็ไปว่าเขา ไปทำอย่างโน้นอย่างนี้ เราเป็นอกุศลอะไรเราก็เอามาแก้ตัว เอาธรรม เรื่องราวของพระธรรมที่เรียนมา เอามาแก้ตัว นี่ไง ธรรมเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย

ท่านอาจารย์ครับ ถ้าอย่างนี้กลายเป็นว่า ศึกษาธรรมเพื่อเอามาแก้ตัว

ท่านอาจารย์: ถ้าเข้าใจจริงๆ จะพูดอย่างนี้ไหม หรือจะพูดอีกอย่าง ขอโทษเลย

อ.อรรณพ: อันนี้ความสำคัญตน ความรักตัวเองด้วยโลภะ ด้วยมานะ บางทีมันยอมไม่ได้

ท่านอาจารย์: ยอมไม่ได้ แล้วก็ศึกษาธรรมทำไม? เพื่อทำผิดอย่างนั้นหรือ?

อ.อรรณพ: เพื่อทำผิด แล้วเอาธรรมมาแก้ตัว

ท่านอาจารย์: แล้วไม่เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม? คิดให้ดี

อ.อรรณพ: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วศึกษาทำไมโดยไม่เคารพพระองค์เป็นอย่างไร?

อ.อรรณพ: เพราะว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม..

ท่านอาจารย์: ไม่มีทางที่จะได้ประโยชน์จากพระธรรม ฟังไปก็แก้ตัวไป

อ.อรรณพ: ฟังธรรมเพื่อแก้ตัว ฟังแล้วมันแย่มากเลยครับ เพราะว่า พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเจริญขึ้นของกุศล แม้จะมีอกุศลสะสมมาแล้ว ก็มีการปรุงแต่งของอกุศลที่ทำอะไรผิดพลาดไปเป็นโทษ ก็ด้วยความฟังพระธรรมมาด้วยดี ก็เห็นโทษโดยความเป็นโทษนั้น แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้น กิเลสอกุศลเกิด แล้วก็ยังจะไปกิเลสอกุศลที่เอาพระธรรมมาอ้างแก้ตัวอีก ก็ไม่มีวันแก้ไขด้วยความเข้าใจความจริงได้

ท่านอาจารย์: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสโทษของการศึกษาผิดหรือเปล่า?

อ.อรรณพ: ตรัสครับ

ท่านอาจารย์: ภัยแค่ไหน แบบเหมือนจับงู้พิษข้างหาง ไม่มีทางที่จะเป็นประโยชน์เลย

อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น ศึกษาธรรม แล้วเอาธรรมมาแก้ตัว คือแสดงว่า ศึกษาธรรมแบบจับงูพิษข้างหาง ก็ต้องได้รับโทษ

วันนี้เตือนหนักๆ ทั้งนั้นเลยครับท่านอาจารย์ ก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นครับ

ขอเชิญฟังเพิ่มได้ที่..

เห็นโทษของอกุศล จึงเจริญกุศล

เห็นโทษของอกุศล จึงละ

เห็นโทษของอกุศล และเห็นประโยชน์ของการเจริญกุศล

เชิญคลิกฟังได้ที่..

พระธรรมวินัยเป็นศาสดา

สืบสานพระธรรมวินัย *

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 5 พ.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ