ต้องเกิดแน่ๆ เมื่อยังเป็นเรา

 
เมตตา
วันที่  29 พ.ย. 2567
หมายเลข  49007
อ่าน  174

[เล่มที่ 76] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า ๒๑๑

ในข้อว่ารูปไม่ใช่เหตุนั้น เหตุมี ๔ อย่าง คือ

๑. เหตุเหตุ คือเหตุที่เป็นมูล

๒. ปัจจยเหตุ คือเหตุที่เป็นปัจจัย

๓. อุตตมเหตุ คือเหตุที่เป็นประธาน

๔. สาธารณเหตุ คือเหตุทั่วไปแก่สรรพสัตว์

บรรดาเหตุทั้ง ๔ เหล่านั้น เหตุนี้ คือ กุศลเหตุ ๓ (อโลภะ อโทสะ อโมหะ) อกุศลเหตุ ๓ และอัพยากฤตเหตุ ๓ ชื่อว่า เหตุเหตุ

เหตุที่ตรัสไว้ในบาลีว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาภูตรูป เหล่านี้เป็นเหตุ มหาภูตรูป เหล่านั้นเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติรูปขันธ์นี้ ชื่อว่า ปัจจยเหตุ

เหตุที่ตรัสไว้ว่า กุศลธรรมและอกุศลธรรมเป็นเหตุสูงสุด ในฐานะแห่งการให้ผลของตน อิฏฐารมณ์เป็นเหตุสูงสุดในฐานะแห่งกุศลวิบาก อนิฏฐารมณ์เป็นเหตุสูงสุดในฐานะแห่งอกุศลวิบาก ดังนี้ เหมือนที่ตรัสว่า ตถาคตย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งผลแห่งกรรมสมาทาน อันเป็นอดีต อนาคต และปัจจุบันโดยฐานะ โดยเหตุ ดังนี้ ชื่อว่า อุตตมเหตุ

เหตุที่ตรัสไว้ว่า ข้อที่อวิชชานี้เท่านั้นเป็นเหตุ อวิชชานี้เป็นปัจจัยแก่สังขารทั้งหลาย อวิชชาเป็นเหตุทั่วไป แม้แก่สังขารทั้งหลาย ย่อมแผ่ไปสู่ความเป็นปัจจัย ดังนี้ เหมือนที่ตรัสว่าปฐวีรส อาโปรส เป็นปัจจัยแก่มธุรสบ้าง แก่อมธุรสบ้าง ฉันใด อวิชชาก็เป็นสาธารณปัจจัยแก่สังขารที่เป็นกุศลบ้าง ที่เป็นอกุศลบ้าง ฉันนั้น ชื่อว่า สาธารณเหตุ


คุณอิ๊ด: เมื่อวานอิ๊ดได้สนทนากับ อ.ธนากร เรื่องวางแผนกับระบบงาน แล้วบางทีเราฟังพระธรรมแล้วก็มี คำว่า ก็ต้องเป็นไปตามธรรม เป็นอย่างนั้นเอง แต่ผลที่ออกมามันคือแตกต่างกัน ก็คือเป็นลักษณะของเหตุ และผลของในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ก็คือทำอะไรก็ได้อย่างนั้น แล้วก็ในสภาพที่มีวิบาก มีกุศลอกุศล มีกริยา มี ๔ ชาติ ตรงนั้นก็บ่งบอกแล้วว่า ในส่วนวิบากซึ่งเป็นความจริงที่การศึกษาพระธรรม พระพุทธองค์ก็บอกให้เห็นความจริง ณ.ขณะนั้นๆ

ที่ตั้งแต่เช้าที่ท่านอาจารย์ได้สนทนาธรรมมา ก็ได้กล่าวถึงความเป็นอนัตตา ความเป็นธรรมมากมาย ก็เลยรู้สึกว่า ถ้าหากเป็นอย่างนั้นก็จะมีอยู่ ๒ ภาค ภาคของผล และภาคของเหตุ แล้วทุกอย่างก็เป็นธรรมเป็นอนัตตา เป็นการสะสมมาเป็นเหตุปัจจัยต่างๆ อยู่แล้ว ก็เลยมี โลภะ อีกแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นการศึกษาพระธรรมแล้วเข้าใจอย่างรอบด้าน รอบจริงๆ แล้วก็ศึกษาให้เข้าใจ พิจารณาถึงความลึกซึ้งจริงๆ ตรงนั้น เป็นประโยชน์มากที่สุดๆ กว่าที่จะมาสนใจเรื่องราวต่างๆ

ก็เลยอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยให้รายละเอียดตรงนี้เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ

ท่านอาจารย์: เรื่องราวต่างๆ คิดต่างๆ วางแผนต่างๆ เป็นธรรมทั้งหมดใช่ไหม?

คุณอิ๊ด: ใช่ค่ะ

ท่านอาจารย์: ใช่ค่ะ แค่ตอบ หรือว่า แต่ละหนึ่งเป็นธรรมอะไร?

คุณอิ๊ด: แต่ละหนึ่งเป็นธรรม แต่ว่า เราก็ยัง..

ท่านอาจารย์: เป็นธรรมอะไร? แต่ละหนึ่งๆ เป็นหนึ่งธรรมอะไร?

คุณอิ๊ด: ก็แต่ละหนึ่งก็เป็นธรรมของการเห็น การได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัสค่ะ

ท่านอาจารย์: ไม่เกิดไม่ได้ใช่ไหม?

คุณอิ๊ด: ไม่เกิดไม่ได้ค่ะ เกิดตลอดเวลา

ท่านอาจารย์: ตามเหตุตามปัจจัยใช่ไหม?

คุณอิ๊ด: ใช่ค่ะ

ท่านอาจารย์: แล้วจะกังวลอะไร?

คุณอิ๊ด: ไม่ได้กังวลค่ะ ก็คือเข้าใจว่าต้องศึกษาต่อฟังต่อค่ะ

ท่านอาจารย์: และ ชีวิตประจำวันก็เป็นปกติ เพราะทุกขณะเกิดเพราะปัจจัยที่ได้สะสมมา แลกกันไม่ได้เลยแม้แต่ ความคิด

เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกชีวิต ทุกความหวังดี คือเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงหนทางเดียว เพราะทุกอย่างที่มีในชีวิตจริง เกิดแล้วเป็นอย่างนั้นแล้ว จะเปลี่ยนได้ไหม?

คุณอิ๊ด: เปลี่ยนไม่ได้ค่ะ

ท่านอาจารย์: แล้วก็มีปัจจัยให้สิ่งอื่นเกิดต่อไปเรื่อยๆ บังคับบัญชาได้ไหม ไม่ให้เป็นอย่างนั้น ไม่ให้คิดอย่างนั้น ไม่ให้ทำอย่างนั้น?

คุณอิ๊ด: ไม่ได้ค่ะ

ท่านอาจารย์: สามารถเข้าใจได้ใช่ไหม?

คุณอิ๊ด: เข้าใจได้ค่ะ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง

คุณอิ๊ด: ความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง

ท่านอาจารย์: มีคุณอิ๊ดไหม?

คุณอิ๊ด: ไม่มีค่ะ แต่ว่า จริงๆ ก็ยังมีค่ะ

ท่านอาจารย์: จนกว่าอะไรจะถูก?

คุณอิ๊ด: จนกว่าปัญญาจะเกิดค่ะ

ท่านอาจารย์: จนประจักษ์แจ้งว่า ไม่มี เพราะฉะนั้น ทุกธรรมต่างๆ หลากหลาย ต่างก็ทำหน้าที่ของตนๆ โลภะก็ทำหน้าที่ของโลภะ โมหะก็ทำหน้าที่ของโมหะ กุศลก็ทำหน้าที่ของกุศลแต่ละอย่างไป

คุณอิ๊ด: แล้วที่ท่านอาจารย์กล่าวเมื่อเช้าว่า กิเลสที่โผล่ออกมานี่ค่ะ

ท่านอาจารย์: มาจากไหน?

คุณอิ๊ด: มันยังไม่หมด มาจากอนุสัยกิเลสค่ะ

ท่านอาจารย์: ก็คือใช้ คำว่า อนุสัยกิเลส หมายความว่ามันยังมีสะสมมาที่ยังไม่ได้หมดไปเลยใช่ไหม? จะให้มันไม่เกิดได้หรือ ในเมื่อมันมีอยู่แล้ว พร้อมจะเกิด ประสบอะไรทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เป็นปัจจัยที่จะให้กิเลสเกิดได้

คุณอิ๊ด: ค่ะ ก็รู้สึกสะดุ้งเลยว่า โอ้โห! ที่โผล่มายังไม่หมดอีกหรือ

ท่านอาจารย์: ต่อให้เป็นแสนโกฏกัปป์ข้างหน้า ปัจจัยที่สะสมมา ก็สามารถจะทำให้เกิดได้ ไม่หายไปไหนเลย อยู่ที่ว่า จะมากขึ้นหรือน้อยลงระดับไหน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระคุณในการให้ได้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงถึงที่สุดทุกคำ ธรรมะ ไม่ได้บอกว่าเป็นใครเลย แต่ละหนึ่งๆ ของสิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้น เปลี่ยนลักษณะของความเป็นจริงของสิ่งนั้นไม่ได้ และก็เกิดขึ้นมากน้อยต่างกันตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ตาย แล้วก็เกิดอีก เมื่อไหร่จะหมดสักที

คุณอิ๊ด: นั่นซิคะ

ท่านอาจารย์: อยากไหม?

คุณอิ๊ด: บางครั้งก็รู้สึกแบบความอยาก กับโทสะ มันก็ผสมกันว่า นี่ต้องอีกแล้วหรือ ต้องมาเรียนอนุบาลอีกแล้วหรือ

ท่านอาจารย์: ต้องเกิดแน่ๆ เมื่อยังเป็นเรา

คุณอิ๊ด: ค่ะ แต่การที่จะเอาความเป็นเราออก มันก็ไม่ง่ายค่ะ

ท่านอาจารย์: ไม่ใช่เอาออก ไม่ใช่เอาออก

คุณอิ๊ด: ไม่ใช่เอาออกค่ะ เข้าใจถูกต้องขึ้นค่ะ

ท่านอาจารย์: หนทางเดียวจนประจักษ์แจ้งความจริง เพราะฉะนั้น เห็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ตรงต่อความจริง ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงโดยละเอียดอย่างยิ่งโดยประการทั้งปวง

ขอเชิญฟังได้ที่..

รู้,,,แต่ยังเป็นเรา

เป็นปกติและเข้าใจถูกว่าไม่ใช่เราทำ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 30 พ.ย. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 1 ธ.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณยิ่งและยินดีในกุศลทุกประการค่ะน้องเมตตา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ