เคยส่องกระจกไหม

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  8 เม.ย. 2568
หมายเลข  49723
อ่าน  256

เวลาดูกระจก เจริญสติปัฏฐานบ้างหรือเปล่า เจริญได้ไหม แม้แต่พระภิกษุก่อนที่จะมีพระวินัยบัญญัติเรื่องห้ามการส่องกระจก ท่านก็ส่อง การเจริญปัญญารู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏในขณะที่ส่องกระจก ก็มีนามมีรูป ถ้ามีความพอใจเกิดจากการเห็นเงาในกระจกเป็นนามชนิดหนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหมดไป ก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องหวั่นเกรงหรือไม่ต้องหวั่นกลัวว่าขณะนั้นจะเจริญสติปัฏฐานไม่ได้


ใน ขุททกนิกาย เถรคาถา จตุกนิบาต วีตโสกเถรคาถา มีข้อความว่า ท่านวีตโสกเถระได้กล่าวว่า ช่างกัลบกเข้ามาหาเราด้วยคิดว่าจักตัดผมของเรา เราจึงรับเอากระจกจากช่างกัลบกนั้นมาส่องดูร่างกาย ร่างกายของเรา นี้ได้ปรากฏเป็นของเปล่า ความมืดคืออวิชชาในกายอันเป็นต้นเหตุแห่งความมืดมนได้หายหมดสิ้นไป กิเลสดุจผ้าขี้ริ้วทั้งปวงเราตัดขาดแล้ว บัดนี้ภพใหม่มิได้มี

ถ้าฟังภาษิตของพระเถระ ก็จะเห็นว่าท่านเปรียบเทียบสิ่งที่น่ารังเกียจ ทำให้เราพลอยรังเกียจไปด้วย ชั่วครู่ชั่วยาม ท่านวีตโสกเถระท่านเปรียบกิเลสดุจผ้าขี้ริ้วทั้งปวง บางท่านที่อ่านพระสูตรและพิจารณาอรรถพยัญชนะ ก็จะเห็นคล้อยตามไปได้ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ว่าเมื่อยังมีกิเลสอยู่ ก็ได้เพียงความไพเราะ และเห็นโทษชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น

ที่มา และ รับฟังเพิ่มเติม ...

วีตโสกเถรคาถา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
namarupa
วันที่ 8 เม.ย. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
shsso2551
วันที่ 8 เม.ย. 2568

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 8 เม.ย. 2568

เมื่อเช้านี้ทุกคนส่องกระจกแน่ ใช่ไหม แต่ว่าสัญญาความจำ การน้อมเคารพในพระมหากรุณาที่ทรงแสดง มีการที่จะระลึกได้บางไหมว่า เราส่องเพียงหน้า แต่ใจไม่ได้ส่อง ขณะนั้นไม่มีสติที่จะระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่จะรู้ความเป็นจริงว่า ขณะนั้นเป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรม

เมื่อทุกคนต้องส่องกระจกจึง ได้มีพระสูตรนี้ เพื่อเป็นเครื่องเตือน แล้วถ้าใครมีสัญญา ความจำที่มั่นคง เวลาส่องกระจกคงไม่ลืม แต่ก็ยาก ที่ขณะนั้นสติจะเกิดแล้วก็ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ต้องเป็นพหูสูต คือ ผู้ที่ได้ฟังแล้วเห็นประโยชน์ของพระพุทธวจนะ ทำไมทรงเตือนเรื่องส่องกระจก เพราะว่าทุกคนส่อง แล้วก็พอใจเพียงรูปร่างภายนอก ที่ไม่มีสิวฝ้า ดำด่างต่างๆ

แต่ว่าจุดประสงค์ไม่ใช่เพียงให้เราส่องกระจกโดยที่ว่าไร้สติ หรือว่า หลงลืมสติ แต่ว่าการที่สติปัฏฐานจะเกิดได้ ไม่ใช่ว่าใครอยากจะให้เกิดก็เกิด แต่ต้องเป็นผู้ที่ฟังธรรม ไตร่ตรองเห็นประโยชน์มั่นคง

ที่มา ...

ปกิณณกธรรม ตอนที่ 573

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สิริพรรณ
วันที่ 8 เม.ย. 2568

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

" ... เป็นผู้ที่ประมาทมาก ไม่รู้ว่าขณะนั้นที่ส่องกระจกไม่ได้ระลึกถึงสภาพจิตเลยว่าขณะนั้น เป็นกุศล หรืออกุศล"

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งในคำเตือนแล้วเตือนอีก ยังเป็นผู้ประมาทจึงขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลย

ขอบพระคุณยินดีในกุศลทุกท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
talaykwang
วันที่ 12 เม.ย. 2568

"ธรรมดาคือความเป็นไปของธรรม แต่เวลาธรรมเป็นไป ไม่รู้"


ขอถวายความนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลทุกท่านทุกประการ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 12 เม.ย. 2568

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ