เว้นจากการฆ่าจริงหรือ
เห็นป้ายที่ร้านอาหารเจ เว้นจากการฆ่า ทำให้เกิดความสงสัยว่า การทานเจ เป็นการไม่เบียดเบียน ไม่ส่งเสริมให้เกิดการฆ่าจริงหรือ เพราะไม่ซื้อเนื้อสัตว์ต่างๆ ทำให้ผลิตน้อยลง ฆ่าน้อยลง
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การที่สัตว์จะถูกฆ่านั้น เพราะสัตว์ได้ทำกรรมที่จะต้องถูกฆ่า หากสัตว์ไม่มีกรรมที่จะถูกฆ่าแล้ว สัตว์นั้นก็ไม่มีทางถูกฆ่าตาย ไม่ว่าจะกินเจหรือไม่กินเจก็ตาม เพราะสัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของๆ ตน การส่งเสริมการฆ่าอยู่ที่เจตนาเป็นสำคัญ กรรมขึ้นอยู่กับเจตนา ไม่ทานเจ แต่มีจิตไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่ยินดีในการเบียดเบียน และการฆ่าก็ชื่อว่า ไม่ส่งเสริมในการฆ่าสัตว์ เพราะไม่มีเจตนาฆ่าและเบียดเบียน ทานเจแต่มีจิตเบียดเบียนสัตว์ เช่น ยุง ยินดีในการฆ่า เป็นต้น ก็ชื่อว่าเป็นผู้ส่งเสริมในการฆ่าสัตว์เพราะมีเจตนาในการฆ่าและเบียดเบียน ดังนั้น ความบริสุทธิ์ไม่ได้อยู่ที่อาหาร แต่ความบริสุทธิ์มีได้เพราะปัญญา หากว่าความบริสุทธิ์ หรือกุศลจะเกิดขึ้นได้ เพราะอาหาร โค กระบือ หรือสัตว์ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ก็คงเป็นผู้มีกุศลมาก และเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ข้อนั้นหาเป็นอย่างนั้นไม่ เพราะปัญญาต่างหากที่ทำให้บริสุทธิ์ คือบริสุทธิ์จากสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์คือ กิเลสครับ ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
แด่ชีวิตที่ร่ำไห้ ของสัตว์โลก การบริโภคเนื้อสัตว์
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตเนื้อบริสุทธิ์ ๓ ส่วนคือ
๑. ไม่เห็นเขาฆ่าสัตว์
๒. ไม่ได้ยินเขาฆ่าสัตว์
๓. ไม่รังเกียจเนื้อนั้น
จะทานเนื้อสัตว์ หรือไม่ทานเนื้อสัตว์ ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาไม่ฆ่าสัตว์ เพราะเขายังไม่ได้ละกิเลส คนที่ทานเนื้อบริสุทธิ์ ๓ ส่วน แต่มีความเห็นถูก แต่บางคนไม่ทานเนื้อสัตว์ กลับมีความเห็นผิด
อนุโมทนาค่ะ
เห็นผิด คิดว่ากินเจ ช่วยให้สัตว์ไม่ถูกฆ่า เห็นผิด คิดว่ากำลังทำความดี ด้วยการกินเจ
เห็นผิด คิดว่าเป็นบุญ เมื่อกินเจ...
ถ้าเอาหลักการตลาด เช่น ผู้บริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง ผู้ขายก็ขายได้น้อยลง การฆ่าก็จะน้อยลง มาเชื่อมกับบุญ บาป แล้วเชื่อว่าจะเป็นจริง ขณะนั้น ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ปฏิเสธเรื่องกรรมและผลของกรรมครับ ที่สัตว์จะถูกฆ่า ก็ต้องเป็นเพราะกรรม ไม่ใช่เพราะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเลิกกินแล้ว สัตว์นั้นจะไม่ถูกฆ่า อีกด้านหนึ่ง ถ้าเลิกกินจริงๆ ทำไมถึงทำอาหารออกมา หน้าตาคล้ายเนื้อสัตว์อีก ฉะนั้น สิ่งที่ควรพิจารณา มากกว่า คือ ความติดในสี กลิ่น รสของอาหาร จะเจหรือไม่เจ ติดมากหรือติดน้อยก็คือติด แล้วถ้าติดมากๆ ก็ต้องเป็นผู้เลี้ยงยากอีก เพราะต้องคอยสนองความต้องการของตนในแต่ละวันอยู่เสมอ ถ้าขัดเกลาเรื่องความติดในเรื่องนี้ได้บ้างก็ย่อมจะดีกว่าครับ ความจริง ความคิดนี่ก็วิจิตรนะครับ เรารับประทานอาหาร วันละเพียง 2 - 3 มื้อ นอกนั้น ก็เป็นเรื่องของสี เสียง โผฏฐัพพะ เป็นส่วนมาก และมีกลิ่นบ้าง แต่ก็สามารถคิดเชื่อมโยงไปถึงบุญ บาปได้วิจิตรจริงๆ แต่จะถูก ผิด หรือมีเหตุผลประการใดต้องศึกษาจากพระธรรมครับ คลิกฟังที่นี่นะครับ -->
04528 ติดใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส