มีความประสงค์ที่จะบวชเพื่อทดแทนคุณ พ่อ/แม่

 
benmo
วันที่  11 ธ.ค. 2551
หมายเลข  10641
อ่าน  3,677

ต้องการบวชและเรียนปฏิบัติ แต่ไม่ทราบเลยว่าจะบวชที่ไหน มีความจำเป็นต้องบวชบวชใน กทม เนื่องจากพ่อ/แม่อายุท่านมากแล้ว การเดินทางจะไม่สะดวก วัดแบบที่มี การเรียนธรรมะ มีการฝึกอบรมการปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา วัดที่ไม่มีผู้คนไปมาหาสู่พลุกพล่าน ไกลตลาด ไกลชุมชน สงัด สงบ มีพระอาจารย์มีชื่อเสียงในการถ่ายทอดข้อธรรม

การสอนข้อปฏิบัติทางจิต รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ


  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 11 ธ.ค. 2551
ขอแนะนำให้อ่านหัวข้อที่แนะนำไว้ในความคิดเห็นที่ ๑ ก่อนนะครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 11 ธ.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลผู้เห็นโทษของการอยู่ครองเรือน ว่า คับแคบ (คับแคบด้วยอกุศล คับแคบด้วยกิเลส) มีแต่จะเป็นเครื่องพอกพูนกิเลส ให้หนาแน่นขึ้น แล้วมีความประสงค์ที่จะขัดเกลากิเลสให้ยิ่งกว่าเพศคฤหัสถ์ จึงสละทุกสิ่งทุกอย่าง ออกบวชด้วยความจริงใจด้วยความตั้งใจที่จะขัดเกลากิเลสจริงๆ ไม่ใช่บวชด้วยความไม่รู้ ที่สำคัญการบวชไม่ใช่เรื่องง่าย และการยินดีในการบวชก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกัน ดังข้อความที่ปรากฏในขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่องภิกษุวัชชีบุตร ว่า "บทว่า ทุปฺปพฺพชฺชํ ความว่า ชื่อว่า การละกองแห่งโภคะน้อยก็ตาม มากก็ตามและ ละเครือญาติ แล้วบวชมอบอุระ (ถวายชีวิต) ในศาสนานี้ เป็นการยาก

บทว่า ทุรภิรมํ ความว่า การที่กุลบุตรแม้บวชแล้วอย่างนั้น สืบต่อความเป็นไปแห่งชีวิต ด้วยการเที่ยวไปเพื่อภิกษา ยินดียิ่ง ด้วยสามารถแห่งการคุ้มครองคุณคือศีลอันไม่มีประมาณ และบำเพ็ญข้อปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรมให้บริบูรณ์ เป็นการยาก"

ดังนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้าใจเป็นสำคัญ ถ้าบวชไปแล้วประพฤติผิดประการต่างๆ ล่วงละเมิดสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ เป็นอันตรายมาก มีแต่จะคร่าไปสู่อบายภูมิ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บวช แต่เป็นคฤหัสถ์ผู้ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ และมีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สั่งสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย กล่าวได้ว่า ชีวิตในชาตินี้ย่อมไม่เปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน (ชีวิตของคฤหัสถ์ สามารถดูแล ตอบแทนพระคุณมารดาบิดาได้อย่างเต็มที่ สะดวก ทุกเวลา ไม่มีอะไรมากั้นเลยครับ)

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 11 ธ.ค. 2551

สาธุ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๒๐๕

๙. มหาอัสสปุรสูตร

[๔๕๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่อัสสปุรนิคมของหมู่เจ้าอังคะในอังคชนบท ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประชุมชนย่อมรู้จักพวกเธอว่าสมณะๆ ก็แหละพวกเธอ เมื่อเขาถามว่า ท่านทั้งหลายเป็นอะไร ก็ปฏิญญา (รับ) ว่า พวกเราเป็นสมณะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพวกเธอนั้นมีชื่ออย่างนี้มีปฏิญญาอย่างนี้แล้ว ก็ควรศึกษาอยู่อย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักสมาทานประพฤติกรรม ทำความเป็นสมณะด้วย ทำความเป็นพราหมณ์ด้วย เมื่อพวกเราปฏิบัติอยู่อย่างนี้ ชื่อและปฏิญญานี้ของพวกเราก็จักเป็นความจริงแท้ ใช่แต่เท่านั้น พวกเราบริโภค จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย เภสัชบริขารของทายกเหล่าใด สักการะทั้งหลายนั้น ของทายกเหล่านั้นก็จักมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ในเพราะพวกเรา

อีกอย่างหนึ่งเล่า บรรพชานี้ของพวกเรา ก็จักไม่เป็นหมันจักมีผล มีกำไร.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ajarnkruo
วันที่ 12 ธ.ค. 2551

ความจริงในขณะทีเป็นคฤหัสถ์อยู่นี้ เราก็สามารถเรียน คือศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ก่อนบวชได้ครับไม่จำเป็นต้องบวชก่อนแล้วค่อยเรียน แต่เรียนได้ทันทีเรียนจากครูสูงสุด คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ ถ้าเรียนให้เข้าใจถูกเสียก่อนไม่ว่าจะครองเพศใด ก็ย่อมปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องได้ แต่ถ้าเรียนผิด แล้วเห็นผิด จนนำไปสู่การประพฤติปฏิบัติผิด ก็จะเป็นทำลายพระศาสนา ซึ่งเพศที่จะได้รับโทษหนักกว่าก็คือเพศบรรพชิตครับ

ถ้าภายหลังจากที่ศึกษาแล้วเกิดความเข้าใจพระธรรม เกิดปัญญา มีความซาบซึ้งในคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีศรัทธาแรงกล้าที่จะบวชจริงๆ คิดว่าคงจะไม่มีใครขัดครับ มีแต่จะร่วมอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้ที่จะบวชนั้น

ในครั้งพุทธกาล ถ้าไม่ใช่เพราะอัธยาศัยที่สะสมมาที่จะบวชแล้ว ความจำเป็นจริงๆ ในการที่จะต้องบวช มีเหตุผลเดียวครับ คือ เป็นเพราะท่านผู้นั้นได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในขณะที่ท่านยังดำรงอยู่ในเพศคฤหัสถ์ ซึ่งถ้าท่านไม่บวช ท่านก็จะต้องปรินิพพานในเวลาไม่นาน ด้วยเหตุที่เพศคฤหัสถ์ไม่สามารถที่จะรองรับคุณธรรมของพระอรหันต์ซึ่งไม่มีกิเลสเลยได้ ถ้าเราลองเทียบความจำเป็นจริงๆ แล้ว ก็จะเห็นว่าต่างกันมากใช่ไหมครับ ระหว่างการที่เราต้องบวชเพื่อทดแทนคุณ (แต่อาจจะสึกออกมาครองเรือนได้อยู่) กับท่านที่ต้องบวชเพราะว่าดับกิเลสหมดแล้วถึงความเป็นพระอรหันต์ ไม่สามารถจะกลับมาบริโภคกามด้วยกิเลสเหมือนเดิม ไม่สามารถจะกลับมาครองเรือนอยู่กับวงศาคณาญาติด้วยความผูกพันได้อีก

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
choonj
วันที่ 12 ธ.ค. 2551

จุดประสงค์ที่จะบวช คือจะตอบแทนคุณของบิดามารดา

ถามว่า เมื่อบวชเป็นพระแล้วจะตอบแทนยังไง โดยการศึกษาธรรมให้เข้าใจ เพื่อที่จะได้มาสอนบิดามารดา แล้วถ้าไม่เข้าใจธรรมเล่า สมมติว่าเข้าใจธรรมก็แล้วกัน แล้วมาสอนบิดามารดาคิดว่าบิดามารดาจะเข้าใจธรรมที่สอนไหม ถ้าเข้าใจก็ดีไปการบวชก็ได้ผล แล้วถ้าไม่เข้าใจเล่า และแล้วบิดามารดาไม่อยู่แล้วเล่า เพราะการเข้าใจธรรมไม่ใช่แค่ปีสองปี แต่จะให้เข้าใจจริงๆ เป็นร้อยปี พันปีครับ ถ้าบวชด้วยความเชื่อว่าเมื่อได้เป็นพระแล้วบิดามารดาจะมีจิตกุศลเป็นคุณ จะเอาแค่นี้เองหรือ สามารถตอบแทนบุญคุณได้มากกว่านี้นะครับ

ถ้าไม่บวช แล้วจะตอบแทนคุณ ก็ดูแลท่านซิครับท่านมีอายุมากแล้ว ดูแลดีๆ ตัวท่านเองได้บุณมากนะครับ เหมื่อนกับดูแลพระอรหันต์ครับ แล้วยังมีเวลาศึกษาธรรมศึกษาแล้วเข้าใจอะไรมาบอกท่าน ถ้าท่านเข้าใจด้วย ก็เป็นการตอบแทนบุญคุณของบิดามารดาที่ยึ่งใหญ่มาก เร็วกว่าการที่ไปบวชอีก ถ้าออกบวชโดยหวังพึ่งอาจารย์ดีๆ ระวังนะครับอาจารย์อาจพาหลงทาง มีมากนะครับในอดีต ต้องพึ่งตนเองครับการศึกษาธรรม อาจารย์ได้แค่แนะนำครับ แต่ที่จะเข้าใจไม่เข้าใจต้องพึ่งตัวเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
พุทธรักษา
วันที่ 12 ธ.ค. 2551

ถ้าไม่บวช แล้วจะตอบแทนคุณ ก็ดูแลท่านซิครับท่านมีอายุมากแล้ว ดูแลดีๆ ตัวท่านเองได้บุณมากนะครับ เหมื่อนกับดูแลพระอรหันต์ครับ แล้วยังมีเวลาศึกษาธรรมศึกษาแล้วเข้าใจอะไรมาบอกท่าน ถ้าท่านเข้าใจด้วย ก็เป็นการตอบแทนบุญคุณของบิดามารดาที่ยึ่งใหญ่มาก เร็วกว่าการที่ไปบวชอีก

ถ้าออกบวชโดยหวังพึ่งอาจารย์ดีๆ ระวังนะครับอาจารย์อาจพาหลงทาง มีมากนะครับในอดีต ต้องพึ่งตนเองครับการศึกษาธรรม อาจารย์ได้แค่แนะนำครับ แต่ที่จะเข้าใจไม่เข้าใจต้องพึ่งตัวเอง

ขออนุญาตนำข้อความของคุณ ชุณห์ มาลงนะคะ เพราะเห็นด้วยว่า การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ คือการบำรุงเลี้ยงดู รับใช้ ท่านเมื่อยามแก่ ชรา และป่วย ฯลฯ
และถ้าคุณมีความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง (ระดับใดระดับหนึ่ง) คุณก็ให้ธรรมทานแก่ท่าน ถ้าท่านสะสมมาที่จะเข้าใจพระธรรม (ระดับใดระดับหนึ่ง)

เป็นการแสดงความเห็นเท่านั้นนะคะแล้วแต่คุณจะพิจารณาค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 13 ธ.ค. 2551
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 13 ธ.ค. 2551

การทดแทนพระคุณบิดา มารดา ไม่ได้อยู่ที่การบวชอย่างเดียว มีอีกอย่างหลายที่ทำได้ เช่น ให้ทรัพย์ ให้อาหาร ให้เสื้อผ้า ช่วยเหลือการงาน ช่วยให้บิดา มารดา ได้มีโอกาส เจริญกุศล ให้ทาน รักษาศีล หรือชวนมาฟังธรรมที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา หรือเปิดวิทยุรายการแนวทางเจริญวิปัสสนาให้บิดา มารดาได้ฟังที่บ้านก็ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pornpaon
วันที่ 27 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาทุกท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
คุณ
วันที่ 21 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
lovedhamma
วันที่ 15 เม.ย. 2554

การตอบแทนคุณของพ่อ-แม่ หาได้อยู่ที่การบวช แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของการ บวชนั้นก็คือ บุคคล/กุลบุตรที่ประสงค์จะบวชในพระพุทธศาสนา มีความประสงค์ที่จะบวช เนื่องจากได้เห็นดวงตาแห่งธรรม ต้องการจะบรรลุถึงนิพพาน และเห็นว่า การอยู่ครองเรือน มีโทษ มีสิ่งที่ก่อให้เกิดอกุศลมากมาย จึงสละเรื่องทางโลกมุ่งสู่ทางธรรม เพราะฉะนั้น การตอบแทนพระคุณพ่อ-แม่ที่ดีที่สุดคือการให้ท่านเข้าใจธรรม จะดีที่สุดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
papon
วันที่ 8 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ