นางวิสาขา

 
omma
วันที่  15 ก.ค. 2552
หมายเลข  12901
อ่าน  2,051

เรียนท่านอาจารย์และวิทยากรช่วยตอบข้อข้องใจด้วยค่ะ

1. ได้ฟังซีดีจากท่านอาจารย์กล่าวถึงนางวิสาขาที่ว่าแม้บรรลุเป็นโสดาบันแล้ว แต่เมื่อหลานตายก็ยังร้องไห้คร่ำครวญ ช่วยอธิบายความหมายคำว่าโสดาบันด้วยค่ะ เพราะตามที่เข้าใจคือผู้ที่ยังเห็นกิเลส แต่วางเฉยได้ไม่ปรุงแต่ง ถ้านางวิสาขาร้องไห้แสดงความอาลัยในตัวหลาน ก็แสดงว่ายังไม่บรรลุโสดาบันหรืออย่างไรค่ะ

2. ท่านอาจารย์กล่าวว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้แต่งตัวสวย ไม่ได้บังคับให้นุ่งขาวห่มขาว แต่ถ้าอยากสวยก็เป็นกิเลส แล้วจะละคลายความติดข้องในเรื่องนี้ได้อย่างไรค่ะ

เป็นเวลานับปีแล้วที่ตามฟังซีดีของอาจารย์เพียงท่านเดียวจริงๆ และยังมั่นคงต่อไป

แต่จะให้ไม่สงสัยในข้อความบางตอนคงเป็นเรื่องยาก อาจจะต้องมีถามมาอีกเรื่อยๆ ให้กระจ่าง หวังว่าคงได้รับความกรุณาด้วยนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 15 ก.ค. 2552

๑. ความหมายพระโสดาบันขอเชิญคลิกที่ พระโสดาบันและปุถุชน

๒. พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบท เรื่องการประดับตกแต่ง แต่งตัว ทาหน้า เป็นต้น สำหรับบรรพชิตเท่านั้น ส่วนฆราวาสทั้งหลายก็แล้วแต่อัธยาศัย จะแต่งหน้าทาแป้งอย่างไรก็ไม่ผิดศีลห้า สำหรับความติดข้องในความสวยงามย่อมเป็นกิเลสแน่นอน ผู้ที่จะละความติดข้องในความสวยงามได้ต้องอบรมเจริญปัญญาจนบรรลุเป็นพระอนาคามีจึงจะดับความติดข้องนี้ได้ ถ้ามีปัญหาสงสัยขอเชิญสอบถามสนทนาบนกระดานนี้ได้ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 15 ก.ค. 2552

1. ตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอนาคามีก็ยังมีความเศร้าโศกเสียใจ ยังมีโทสะอยู่ มี เหตุมีปัจจัยก็ยังต้องร้องไห้อีกเป็นของธรรมดา เช่น พระอานนท์ก็ร้องไห้เหมือนกัน ตอนที่พระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพานค่ะ

2. การศึกษาธรรมะขั้นแรกไม่ได้ให้ละโลภะ แต่ให้ละความเห็นผิดก่อนค่ะ เรื่องรักสวย รักงามเป็นของธรรมดา บางคนก็ไม่ติดเรื่องแต่งตัว แต่ก็ไปติดในเสียง หรือรสอาหารค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันใหม่
วันที่ 15 ก.ค. 2552

1. กิเลสย่อมละเป็นไปตามลำดับ พระโสดาบันละกิเลสคือความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์ บุคคลก่อน แต่ยังความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส ดังนั้นการที่ท่านเศร้าโศกเพราะ หลานตาย ขณะที่ท่านเศร้าโศกท่านไม่ได้ยึดถือว่าความเศร้าโศกเป็นเราเลยเพราะดับ ความเห็นผิดแล้ว แต่ท่านมีความติดข้องพอใจในหลาน จึงเกิดโทสะ คือความเสียใจ ได้เพราะมีโลภะที่ติดข้องในรูป เสียง .. ที่ยังไม่ได้ดับเป็นปัจจัย

2. ควรทราบว่าหนทางการละกิเลสคืออะไร คือการบังคับไม่ให้กิเลสใช่หรือไม่ บังคับ ได้หรือเปล่า หรือว่ารู้จัก เข้าใจความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องว่าคืออะไร กิเลสมี จริง โลภะมีจริง พระโสดาบันยังมีกิเลสคือมีโลภะที่ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น.....เป็น ธรรมดา เมื่อยังมีกิเลสประเภทนี้ เมื่อมีรูปสวยๆ ท่านก็พอใจติดข้อง การละคลายความ ติดข้อง ไม่ใช่การให้ความติดข้องโลภะไม่เกิดขึ้น แต่เกิดแล้ว ซึ่งหนทางการดับกิเลสก็ไม่พ้นไปจากสติปัฏฐานคือการรู้ตามความเป็นจริงของธรรมที่ปรากฎเลย แม้แต่กิเลส ที่เกิดขึ้นก็เป็นธรรม ดังนั้นกิเลสเกิดขึ้นเป็นธรรมดาเพราะพระโสดาบันยังกิเลสแต่จะละกิเลสไม่ใช่ด้วยกิเลสที่เกิดขึ้นแต่เพระปัญญาที่เกิดขึ้นคือการอบรมสติปัฏฐาน

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Sam
วันที่ 16 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 18 ก.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ