จงมีใจดี และจงฟังสุภาษิตโดยเคารพ [รัตนสูตร]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๑๕
ว่าด้วยรัตนอันประณีต
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรัตนสูตรเป็นคาถาว่าดังนี้
[๗] หมู่ภูตเหล่าใด อยู่ภาคพื้นดิน หรือเหล่าใดอยู่ภาคพื้นอากาศ มาประชุมกันแล้วในที่นี้ ขอหมู่ภูตทั้งหมด จงมีใจดี และจงฟังสุภาษิตโดยเคารพ เพราะฉะนั้น ขอท่านฟังหมดจงตั้งใจฟัง จงเจริญเมตตาในหมู่ประชาที่เป็นมนุษย์ มนุษย์เหล่าใด ย่อมนำพลีกรรมไปทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลาย จงไม่ประมาท ช่วยรักษามนุษย์เหล่านั้น. ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ในที่นี้ หรือ ในโลกอื่น หรือ รัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ และรัตนะนั้นที่เสมอด้วยพระตถาคต ไม่มีเลย แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า
ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมี พระศากยมุนี พระหฤทัยตั้งมั่นทรงบรรลุธรรมใด เป็นที่สิ้นกิเลส ปราศจากราคะ เป็นอมตธรรมประณีต สิ่งไรๆ ที่เสมอด้วยธรรมนั้นไม่มี แม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมี
พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญสมาธิ อันใดว่าเป็นธรรมอันสะอาด ปราชญ์ทั้งหลายกล่าว สมาธิอันใดว่าให้ผลโดยลำดับ สมาธิอื่นที่เสมอด้วย สมาธิอันนั้นไม่มี แม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมี
บุคคลเหล่าใด ๘ จำพวก ๔ คู่ อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแล้ว บุคคลเหล่านั้นเป็นสาวกของพระสุคต ควรแก่ทักษิณาทาน ทานทั้งหลาย ที่เขาถวายในบุคคลเหล่านั้นย่อมมีผลมาก แม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมี
พระอริยบุคคลเหล่าใด ในศาสนาของพระพุทธโคดม ประกอบดีแล้ว มีใจมั่นคง ปราศจากความอาลัย พระอริยบุคคลเหล่านั้น ถึงพระอรหัตที่ควรถึงหยั่งเข้าสู่พระนิพพาน ได้ความดับกิเลสเปล่าๆ เสวยผลอยู่ แม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมี
พระโสดาบันจำพวกใด ทำให้แจ้งอริยสัจ ที่พระศาสดาผู้มีปัญญาลึกซึ้งทรงแสดงดีแล้ว ถึงแม้ว่า พระใสดาบันจำพวกนั้น จะเป็นผู้ประมาทอย่างแรงกล้า ท่านก็ไม่ถือเอาภพที่ ๘ แม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมี
สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส อย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่ สังโยชน์ธรรมเหล่านั้นย่อมเป็นอันพระโสดาบันละได้แล้ว พร้อมกับทัสสนสัมปทา [คือโสดาปัตติมรรค] ที่เดียว อนึ่ง พระโสดาบันเป็นผู้พ้นแล้วจากอบายทั้ง ๔ ไม่อาจที่จะทำอภิฐาน ๖ [คืออนันตริยธรรม ๕ กับการเข้ารีต] แน่อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมี
ถึงแม้ว่าพระโสดาบันนั้น ยังทำบาปกรรมทางกายวาจาหรือใจไปบ้าง [เพราะความประมาท] ท่านไม่อาจจะปกปิดบาปกรรมนั้นได้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสความที่พระโสดาบัน ผู้เห็นบทคือพระนิพพานแล้ว ไม่อาจปกปิดบาปกรรมนั้นไว้แล้ว แม้อันนี้ เป็นรัตนะอัน ประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมี
พุ่มไม้งามในป่า ยอดมีดอกบานสะพรั่งในต้นเดือนคิมหะ แห่งฤดูคิมหันต์ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ อันให้ถึงพระนิพพาน เพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่สัตว์ทั้งหลาย ก็อุปมาฉันนั้น แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมี
พระพุทธเจ้าผู้ประเสริญ ทรงรู้ธรรมอันประเสริฐประทานธรรมอันประเสริฐ ทรงนำมาซึ่งธรรมอันประเสริฐ เป็นผู้ยอดเยี่ยม ได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ แม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมี
กรรมเก่าของพระอริยบุคคลเหล่าใด สิ้นแล้วกรรม สมภพใหม่ ย่อมไม่มี พระอริยบุคคลเหล่าใด มีจิตอันหน่ายแล้วในภพต่อไป พระอริยบุคคลเหล่านั้น มีพืชสิ้นไปแล้ว มีความพอใจงอกไม่ได้แล้ว เป็นผู้มีปัญญา ย่อมปรินิพพานดับสนิท เหมือนประทีปดวงนี้ ฉะนั้น แม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมี