อายาจนสูตร ... เสาร์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๓

 
บ้านธัมมะ
วันที่  19 ธ.ค. 2553
หมายเลข  17638
อ่าน  2,320

•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••... สนทนาธรรมที่ ...
•••..... มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ....•••

พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ ๒๕ ธ.ค. ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

อายาจนสูตร

(ว่าด้วยพรหมอาราธนาให้แสดงธรรม)

 

...จาก...

[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่มที่ ๒๕ - หน้าที่ ๑๑๑ - ๑๒๖


...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

 

[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่มที่ ๒๕ - หน้าที่ ๑๑๑ - ๑๒๖


อายาจนสูตร (ว่าด้วยพรหมอาราธนาให้แสดงธรรม)

 


[๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า แรกทรงตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-นิโครธ (ต้นไทร) แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ. ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าที่ลับ ทรงพักผ่อนอยู่ อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้งเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบานแล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็นธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัยเบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ คือ ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็เห็นได้ยาก ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม แต่ชนเหล่าอื่น จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

อนึ่ง ได้ยินว่า คาถาอันน่าอัศจรรย์เล็กน้อยเหล่านั้น ที่พระผู้มีพระ-ภาคเจ้า ไม่เคยได้ทรงสดับมาแต่ก่อน เกิดแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า บัดนี้ เราไม่ควรจะประกาศธรรม ที่เราตรัสรู้แล้วโดยยาก ธรรมนี้ เหล่าสัตว์ ผู้ถูกราคะ โทสะ ครอบงำแล้ว จะตรัสรู้ไม่ ได้ง่าย เหล่าสัตว์ผู้ยินดีแล้วด้วยความ กำหนัด ถูกกองแห่งความมืดหุ้มห่อแล้ว จักไม่เห็นธรรมอันทวนกระแส ละเอียด ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาเห็นดังนี้ พระหฤทัยก็ทรงน้อมไปเพื่อความขวนขวายน้อย ไม่ทรงน้อมไปเพื่อทรงแสดงธรรม. [๕๕๖] ครั้งนั้น สหัมบดีพรหม ทราบความปริวิตกแห่งพระหฤทัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยใจแล้ว ได้มีความดำริว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลายโลกจะเสื่อมหนอ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย โลกจะพินาศหนอ เพราะพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงน้อมพระหฤทัยไปเพื่อความขวนขวายน้อย ไม่ทรงน้อมพระหฤทัยไปเพื่อทรงแสดงธรรม.

ลำดับนั้น สหัมบดีพรหม อันตรธานไปจากพรหมโลก มาปรากฎอยู่เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า เหมือนบุรุษมีกำลังพึงเหยียดออกซึ่งแขนที่คู้อยู่ หรือ พึงคู้เข้าซึ่งแขนที่เหยียดอยู่ ฉะนั้น. ครั้นแล้ว สหัมบดีพรหม กระทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่งแล้ว คุกชาณุ-มณฑลเบื้องขวาลงที่แผ่นดิน ประนมอัญชลีในพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงแสดงธรรมเถิด ขอพระสุคตจงทรงแสดงธรรมเถิด สัตว์ทั้งหลายผู้มีกิเลสสดุจธุลีในดวงตาน้อยเป็นปกติก็มีอยู่ เพราะมิได้สดับย่อมเสื่อมจากธรรมสัตว์ทั้งหลายผู้รู้ทั่วถึงธรรม จักมี. สหัมบดีพรหม ได้กราบทูลดังนี้แล้ว ครั้นแล้วได้กราบทูลเป็นนิคมคาถาอีกว่า เมื่อก่อนธรรมที่ไม่บริสุทธิ์ซึ่งศาสดา (ครู) ผู้มีมลทินทั้งหลายคิดแล้ว ปรากฏขึ้นใน หมู่ชนชาวมคธ ขอพระองค์จงทรงเปิด- ประตูอมตะเถิด ขอสัตว์ทั้งหลายจงฟัง ธรรมซึ่งพระพุทธเจ้า ผู้ทรงปราศจากมลทิน ตรัสรู้แล้วเถิด ขอพระองค์ผู้มีพระปัญญา- ดี มีพระจักษุโดยรอบ ปราศจากความ โศกแล้ว จงเสด็จขึ้นสู่ปราสาทอันสำเร็จ ด้วยธรรม จงพิจารณาชุมชนผู้จมอยู่ใน ความโศก ถูกชาติและชราครอบงำแล้ว อุปมาเหมือนบุคคลผู้อยู่บนยอดภูเขา อัน ล้วนด้วยศิลา จะพึงเห็นชุมชนโดยรอบ ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ผู้ทรง ชนะสงครามแล้ว ผู้ทรงนำพวก ผู้ไม่มีหนี้ ขอพระองค์โปรดเสด็จลุกขึ้นเถิด โปรด เสด็จเที่ยวไปในโลกเถิด ขอพระผู้มีพระ พระภาคเจ้า โปรดทรงแสดงธรรมเถิด ผู้รู้ทั่วถึงธรรม จักมี. [๕๕๗] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบการเชื้อเชิญของพรหมและทรงอาศัยพระกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงทรงสอดส่องดูโลกด้วยพระพุทธ-จักษุ. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอดส่องดูโลกด้วยพระพุทธจักษุ ก็ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวกมีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อย บางพวกมีกิเลสดุจธุลีในดวงตามาก บางพวกมีอินทรีย์กล้า บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการเลว บางพวกจะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่าย บางพวกจะพึงสอนให้รู้ได้โดยยาก บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกว่าเป็นภัยอยู่ ในกออุบลก็ดี กอปทุมก็ดี กอบุณฑริกก็ดี ดอกอุบลก็ดี ดอกปทุมก็ดีดอกบุณฑริกก็ดี บางเหล่าเกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ อาศัยอยู่ในน้ำ จมอยู่ในน้ำ อันน้ำเลี้ยงอยู่, บางเหล่าเกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ ตั้งอยู่เสมอน้ำ, บางเหล่าเกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ ตั้งขึ้นพ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว แม้ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอดส่องดูโลกด้วยพระพุทธจักษุก็ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวกมีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อย บางพวกมีกิเลสดุจธุลีในดวงตามาก บางพวกมีอินทรีย์กล้า บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการเลว บางพวกจะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่าย บางพวกจะพึงสอนให้รู้ได้โดยยาก บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกว่าเป็นภัยอยู่ ฉันนั้นครั้นทรงเห็นแล้ว จึงได้ตรัสตอบสหัมบดีพรหมด้วยพระคาถาว่า ประตูอมตะ เราเปิดแล้วแ่ก่สัตว์ทั้งหลาย ชนผู้ฟังจงหลั่งศรัทธามาเถิด ดูก่อนพรหม เราสำคัญว่าจะลำบากเปล่า จึงไม่กล่าวธรรม อันประณีตที่ชำนาญในหมู่มนุษย์ (ก็บัดนี้ ชนทั้งปวงจงน้อมภาชนะคือศรัทธาเข้ามาเถิด เราจักทำความดำริของพวกเขาให้เต็ม) . [๕๕๘] ลำดับนั้น สหัมบดีพรหม ดำริว่า เราอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำโอกาสเพื่อทรงแสดงธรรมแล้ว จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าทำประทักษิณแล้วอันตรธานไปในที่นั้น. จบ อายาจนสูตร.

 


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 19 ธ.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป อายาจนสูตร

(ว่าด้วยพรหมอาราธนาให้ทรงแสดงธรรม)


อายาจนสูตร เป็นพระสูตรที่ว่าด้วยการกราบทูลอาราธนาให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรมโปรดสัตว์โลก โดยท้าวสหัมบดีพรหม เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ในสัปดาห์ที่ ๘ หลังจากที่พระองค์ทรงเสวยวิุมุตติสุขเป็นเวลา ๗ สัปดาห์ ทรงพิจารณาเห็นว่า พระธรรม (สัจจะ ๔) ที่พระองค์ทรงตรัสรู้นั้น เป็นธรรมที่ละเอียด ลึกซึ้ง เป็นการยากที่สัตว์ทั้งหลายผู้ยังติดข้องในกามคุณ ๕ (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ) จะรู้ตามความเป็นจริงได้ เมื่อแสดงธรรม แต่ไม่มีผู้รู้ทั่วถึงธรรม ก็จะเป็นการเหนื่อยเปล่าสำหรับพระองค์ พระองค์จึงไม่ทรงน้อมพระทัยที่จะทรงแสดงธรรม ท้าวสหัมบดีพรหม ทราบถึงพระปริวิตกของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว เกิดความคิดขึ้นว่า สัตว์โลกจะเสื่อม ถ้าหากพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ทรงแสดงธรรม จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลอาราธนาให้พระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์โลก เนื่องจากว่าผู้ที่มีกิเลสน้อย จะรู้ทั่วถึงธรรมที่พระองค์ทรงแสดงได้ แต่สัตว์เหล่านี้จะเสื่อมจากธรรม ถ้าหากว่าไม่ได้ฟังธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรับทราบถึงการอาราธนาของท้าวสหัมบดีพรหม

จึงทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุ ทรงเห็นสัตว์โลกประเภทต่างๆ มีบุคคลผู้มีกิเลสน้อย เป็นต้น ซึ่งบุคคลผู้สามารถรู้ทั่วถึงธรรม จักมี จึงตรัสตอบกับท้าวสหัมบดีพรหมว่า พระองค์จะทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์โลกแล้ว ผู้ประสงค์จะฟังธรรม จงหลั่งศรัทธามาเพื่อฟังธรรมเถิด ท้าวสหัมบดีพรหม เมื่อทราบถึงการทรงรับการอาราธนาของตนแล้ว จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า กลับไปยังพรหมโลกตามเดิม. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ ครับ เพราะไม่ได้ฟังธรรม ย่อมเสื่อมรอบ พระธรรมละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะเข้าถึงได้ทั้งหมด พระคุณของพระธรรม ประโยชน์ของการฟังพระธรรม ของแต่ละท่าน ประโยชน์ของพระธรรม ขณะนี้...เป็นบุคคลประเภทไหน? ฟังธรรมโดยเห็นประโยชน์ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ups
วันที่ 21 ธ.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Thirachat.P
วันที่ 21 ธ.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Charlie
วันที่ 21 ธ.ค. 2553

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
hadezz
วันที่ 23 ธ.ค. 2553

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิสุทธิ์
วันที่ 23 ธ.ค. 2553
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลศรัทธาทุกท่านครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผิน
วันที่ 24 ธ.ค. 2553
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 25 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Butsaya
วันที่ 25 ธ.ค. 2553

ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลศรัทธาทุกท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pamali
วันที่ 25 ธ.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Jesse
วันที่ 26 ธ.ค. 2553

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Nataya
วันที่ 2 เม.ย. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ