กราบขอคำแนะนำผู้รู้ด้วย

 
sornpitak
วันที่  23 ก.พ. 2555
หมายเลข  20614
อ่าน  1,384

ผมเคยติดสมถะ (หลับตา) มาก่อน ต่อมารู้สึกเครียดและตึงบริเวณระหว่างกลางหัวคิ้ว จึงเลิกปฏิบัติ ปัจจุบันหันมาเจริญวิปัสสนา (ลืมตา) แล้วมีอาการคล้ายนอนไม่หลับ ภรรยาของผมบอกว่า ผมหลับไปแล้ว (สังเกตจากการหายใจ) แต่ทำไมผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าหลับไปแล้ว กลับคิดว่ากำลังนอนคิดเรื่องต่างๆ (ความจริงเป็นความฝัน) เพราะ ความสำคัญผิด หลายคืนต้องลุกขี้นมาจากเตียง ด้วยการดูทีวีผ่อนคลายจนถึงตี ๓-๔ จึงเข้าไปนอนหลับได้ วันใดทนไม่ไหวจริงต้องกินยานอนหลับ เป็นทุกข์มาก บางครั้ง อยากเลิกปฏิบัติไปเลย

ใคร่ขอคำแนะนำผู้รู้มีประสบการณ์ด้วย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธศาสนา คือ คำสั่งสอน ของผู้รู้ ดังนั้น คำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จึงเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ปัญญา คือ ความรู้ อวิชชา คือ ความไม่รู้ เป็นอกุศล ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ทำแล้ว ทำให้ไม่รู้มากขึ้น มีแต่ความสงสัย ที่สำคัญ ทำให้ผิดปกติในชีวิตประจำวัน นั่นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าครับ

ดังนั้น ทุกอย่างจะต้องเริ่มจาก ๑ ถึงจะไป ๒ ๓ ๔ ๕ ได้ การจะอ่านภาษาไทยเป็นคำๆ จะต้องเริ่มจาก การรู้ว่า ตัวนี้ ก ไก่ ก ไก่ คืออะไร การผสมคำทำอย่างไร ดังนั้น ต้องเริ่มจากคำแต่ละคำให้เข้าใจ โดยจะต้องเริ่มต้นจากปัญญาเบื้องต้น คือ การฟังให้เข้าใจ ให้เข้าใจในคำนั้น แม้แต่คำว่า ปฏิบัติธรรม ก็ต้องรู้ก่อนครับว่า ธรรม คือ อะไร ปฏิบัติคืออะไร อะไรที่ปฏิบัติ และ ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง คือ อะไร ถ้าเราไม่เข้าใจตรงนี้ หรือสำคัญว่าเข้าใจแล้ว ก็ไปทำปฏิบัติ ก็ทำให้ปฏิบัติไม่ถูกต้อง เมื่อปฏิบัติไม่ถูกต้อง ผล คือ ความรู้ที่ผิด อกุศลจิตเกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่ออกุศลจิตเกิดขึ้นจากการปฏิบัติที่ผิด ก็ทำให้รูปที่เกิดจากจิตที่ไม่ดี คือ รูป ที่เกิดจากอกุศลจิต เป็นรูปที่ไม่ดี ทำให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกาย มีการเครียด ตึง หรือ อาการคล้ายๆ นอนไม่หลับ ล้วนแล้วแต่เกิดจากความผิดปกติที่เกิดจากอกุศลจิตที่เกิดขึ้น จากการปฏิบัติที่ผิดนั่นเองครับ

ดังนั้นแทนที่จะทำปฏิบัติต่อ ในสิ่งที่ผิด ก็กลับมาเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่ถูก นี่คือการถอยกลับที่ถูกต้อง ดีกว่า ที่ขับรถจะไปจุดหมาย แต่ไปคนละทาง ยิ่งขับก็ยิ่งห่าง และยิ่งอันตราย เพราะขับไปลงเหวลึก คือ เหว อวิชชา ความไม่รู้ และเหว คือ ความเห็นผิดและยิ่งตกลงไปในเหวที่น่ากลัว คือ การเกิดตายอยู่ร่ำไป ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเกิดจาก การปฏิบัติที่ผิด นั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 23 ก.พ. 2555

ขอให้เริ่มรับฟังและกลับมาสู่ความเข้าใจใหม่ที่เป็นปัญญาว่า การจะทำอะไร จะต้อง เริ่มจากการฟังให้เข้าใจในเรื่องนั้นอย่างถูกต้อง แม้แต่การปฏิบัติธรรม ก็ต้องเข้าใจก่อน ครับว่า ที่จะหาธรรม อะไร คือ ธรรม ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส คิดนึก สุข ทุกข์ ชอบ ไม่ชอบ สรุปได้ว่า สิ่งใดที่มีจริง กำลังปรากฏ เป็นธรรม แต่มีความเห็นผิดอยู่ว่า เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน แต่ไม่รู้ ว่าเป็นเพียงธรรม พระพุทธเจ้า จึงทรงแสดงว่า หนทางที่จะรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นั้น มีอยู่ คือ การเจริญวิปัสสนานั่นเอง การเจริญวิปัสสนา ก็คือ การเจริญสติปัฏฐาน ดังนั้น ขณะที่ปฏิบัติ หรือ สติปัฏฐานเกิด คือ รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็น ธรรม ไม่ใช่เรา โดยไม่ใช่วิธีการจดจ้อง ต้องการ พยายามคิดตรึกไปในสภาพธรรม และ คำว่า ปฏิบัติ ไม่มีตัวเราที่จะทำปฏิบัติ เพราะเราจะต้องเข้าใจเบื้องต้น ครับว่า ธรรม เป็นอนัตตา ไม่มีใครที่จะบังคับให้สติและปัญญาให้เกิดตามใจชอบได้เลย ดังนั้น จึงไม่มีตัวเราที่จะปฏิบัติ มีแต่ธรรมที่ทำหน้าที่เป็นไป ขณะใด สติและปัญญาเกิดรู้ความจริง ขณะนั้นปฏิบัติแล้ว ไม่มีเราปฏิบัติด้วย ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ เลือกเวลาที่จะปฏิบัติ เลือกเวลาก่อนนอน ให้เข้าได้เลยว่า เราไม่เข้าใจ แม้แต่คำว่าปฏิบัติเลย จึงทำให้จะทำปฏิบัติและก็ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ทางร่างกาย เพราะเป็นไปกับอกุศลจิต ในขณะที่จะปฏิบัตินั่นเองครับ

ขอให้เริ่มใหม่ครับ หยุดทำที่จะปฏิบัติ แต่มาฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อน แม้แต่คำว่า ธรรม คือ อะไร ช้าแต่ถูกต้อง ดีกว่าคิดว่าเร็ว ทำปฏิบัติได้ แต่เป็นความเข้าใจผิด และก็เกิดอาการผิดปกติมากมาย ซึ่งในเว็บนี้ก็มีไฟล์ฟังธรรม ที่เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติและอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะทำให้เราเข้าใจเบื้องต้นก่อน และหยุดที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ผิดครับ เพียงแค่หยุดปฏิบัติด้วยความเข้าใจถูก ชื่อว่าเป็นการถอยกลับที่ประเสริฐแล้ว และเดินหน้าด้วยการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง ครับ

เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ

อยากจะปฏิบัติ จะปฏิบัติอย่างไร

เห็นอะไรก็ยังไม่รู้ แล้วจะไปปฏิบัติอะไร

ปฏิบัติธรรม ต้องเข้าใจธรรม

ปฏิบัติธรรมเริ่มจากความเข้าใจ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การไปทำปฏิบัติ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 23 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปฏิบัติธรรม ในทางพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ใช่เป็นความไม่รู้ เพราะถ้าเป็นความไม่รู้ เป็นความไม่เข้าใจแล้ว มีแต่จะทำให้เพิ่มพูนความไม่รู้และความเห็นผิดเพิ่มมากยิ่งขึ้น สำคัญที่ความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นว่า ธรรม คือ อะไร ปฏิบัติ คือ อะไร ปฏิบัติไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติ หรือ ไปทำอะไรเป็นรูปแบบ และอีกอย่างหนึ่งที่ปฏิบัติแล้วรู้สึกเครียด หนัก เป็นต้น นั่นไม่ใช่ปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน [ควรเลิกการปฏิบัติอย่างนั้น ถ้าหากไม่เลิกตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ต่อไปยิ่งเลิกยาก ] เพราะถ้าเป็น "ปฏิบัติธรรม" ในทางพระพุทธศาสนา เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง เป็นกิจหน้าที่ของสภาพธรรมฝ่ายดี คือ สติ และ ปัญญา เป็นต้น ขณะนั้น ไม่หนัก เพราะไม่ใช่อกุศลธรรม แต่เป็นกุศลธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งการที่จะดำเนินไปถึงขณะที่เป็นปฏิปัตติ ได้ ต้องมีพื้นฐานความเข้าใจอย่างถูกต้องตั้งแต่ในขั้นปริยัติ คือ เป็นผู้รอบรู้ในพระธรรม ในสิ่งที่กำลังฟัง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากฟังในเรื่องสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เป็นธรรมที่สามารถจะศึกษาและเข้าใจได้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็ถึงขั้นที่เป็นปฏิปัตติ คือ ถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ตรงตามที่ได้ศึกษาทุกประการ

อันดับแรกจริงๆ ขอให้เริ่มต้นที่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะการฟังพระธรรม จะเป็นเหตุให้เกิดปัญญา เข้าใจสิ่งที่มีจริง เพิ่มมากยิ่งขึ้น ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pat_jesty
วันที่ 23 ก.พ. 2555

ขอเสนอแนะ เกี่ยวกับอาการนอนไม่หลับหน่อยนะคะ เผื่อจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้บ้าง ที่นอนไม่หลับอาจเป็นเพราะอาการเคยชิน ที่เคยนอนดึกมานาน หรือมีการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการตื่นตัว เช่น ทานชา กาแฟ ช่วงบ่าย เพราะร่างกายแต่ละคนอาจตอบสนองต่อคาเฟอีน และขับออกมาได้ช้า เร็วต่างกัน จึงอาจส่งผลให้ร่างกายยังคงตื่นตัวอยู่ หรือบางครั้งก็มีเรื่องราวที่คิดอยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถหลับได้ แม้แต่รายการโทรทัศน์ที่ทำให้ตื่นเต้น ก็อาจทำให้นอนหลับได้ช้าลง

ดังนั้น ถ้านอนดึก อาจปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การนอน เช่น ไม่เปิดไฟนอน อากาศที่ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป ช่วงแรกๆ อาจจะยังไม่ค่อยหลับ แต่ก็ต้องให้เวลากับร่างกายได้ปรับตัวสักพัก และการออกกำลังกายในตอนเย็น (ถ้าก่อนนอนจะหลับยากกว่าเดิม เพราะร่างกายตื่นตัว) ก็ช่วยได้ดีเช่นกัน แต่ถ้าเกิดเพราะเครียด คิดมาก ก็อย่าบังคับให้นอนหลับ เพราะบังคับไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดความกังวลมาก ทำให้หลับยากขึ้น ให้ปล่อยไปสบายๆ เดี๋ยวก็หลับเอง เพราะยังไงร่างกายเขาต้องการการพักผ่อนอยู่แล้ว หวังว่าจะช่วยได้บ้างนะคะ อย่างน้อยก็ให้ร่างกายได้ปรับจากการหยุดปฏิบัติอย่างเดิม แล้วมาเริ่มศึกษาใหม่อย่างถูกต้อง และเป็นปกติค่ะ ปัญญาที่รู้ความจริง ต้องรู้สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปตามปกติ ไม่ใช่การไปทำเพื่อให้ผิดปกติ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
daris
วันที่ 23 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมสนทนาด้วยนะครับ เพราะอ่านเรื่องของท่านเจ้าของกระทู้แล้ว รู้สึกว่าคล้ายๆ กับตัวผมเมื่อก่อน เพราะก่อนที่ผมจะได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และอาจารย์ผู้รู้ท่านอื่นๆ ของ มศพ. ได้กรุณาบรรยายและเผยแพร่ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจในการ "ปฏิบัติธรรม" ก็เริ่มจากการไปหาหนังสือธรรมที่เขียนโดยบุคคลต่างๆ และฟังรายการวิทยุของสำนักปฏิบัติหลายๆ สำนัก แล้วก็ทำตาม มีการพยายามจดจ้องรู้ลมหายใจบ้าง พยายามรู้อิริยาบถต่างๆ บ้าง (พองหนอ ยุบหนอ ย่างหนอ ยืนหนอ รู้หนอ ฯลฯ) จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งถึงกับเข้าใจผิด ว่าตัวเองบรรลุฌาน บรรลุวิปัสสนาญาณ (และเคยมีถึงขั้นว่ารู้สึกปวดศีรษะแทบจะระเบิด ... แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปเข้าใจว่าตนเองกำลังประจักษ์ความเกิดดับของทุกข์) ทั้งๆ ที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่า ฌานคืออะไร ญาณคืออะไร สมถะคืออะไร วิปัสสนาคืออะไร ปฏิบัติธรรมคืออะไร มีแต่ความสงสัยความไม่รู้กับความต้องการเต็มไปหมด

แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้กรุณาบรรยาย ก็ค่อยๆ มีความเข้าใจมากขึ้นว่าธรรมคืออะไร และเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมนั้นเราไม่สามารถเอาตัวตนของเราเข้าไปควบคุมกำหนดด้วยความอยาก ว่าต้องการได้ผลอย่างโน้นอย่างนี้ภายในระยะเวลาเท่าโน้นเท่านี้ แต่ที่ถูกคือ เริ่มจากการฟังธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดีแล้วโดยฟังจากผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เริ่มสะสมความเข้าใจถูกตั้งแต่ขั้นการฟัง แม้แต่คำว่าธรรม แท้จริงแล้วคืออะไร ก็ต้องเข้าใจให้ถูกตั้งแต่คำแรก

เหตุที่เราต้องเริ่มจากการฟังพระธรรม เพราะพระธรรมเป็นสิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีอย่างยาวนานถึง สี่อสงไขยแสนกัป กว่าที่จะตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง เราจะมานั่งคิดนั่งนึกนั่งเดาเอาเองไม่ได้ เพราะหากเริ่มทำอะไรจากความเข้าใจผิดก็ต้องผิดไปตลอดไม่มีทางถูกได้เลย

เมื่อฟังธรรมและพิจารณาตามจนเข้าใจแล้ว แม้เพียงเล็กน้อย ผลที่ได้ทันทีคือมีความเข้าใจในขณะนั้นเป็นปัญญาละความไม่รู้ ละความเห็นผิดในขณะนั้น เริ่มสะสมความเข้าใจถูก ทีละเล็กทีละน้อย ตุ่มน้ำใบใหญ่ แต่ถ้าฝนตกลงทีละเล็กทีละน้อย วันหนึ่งก็ต้องเต็มแม้ว่าอาจจะนานแสนนาน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปเร่งรีบได้ ยิ่งเร่งรีบก็ยิ่งช้าลงด้วยความอยากที่เป็นเครื่องกั้นกุศลธรรม

ขออนุโมทนานะครับ ที่มีความสนใจในธรรม และขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ท่านได้มาถูกที่แล้วนะครับ คือที่ๆ จะช่วยให้มีความเข้าใจธรรมมากขึ้น และท้ายนี้ก็ขออนุญาตฝากข้อแนะนำในฐานะผู้ที่เคยมีความเข้าใจผิดปฏิบัติผิดมาก่อน

- เริ่มจากการฟังธรรม แล้วก็ค่อยๆ พิจารณาตาม ให้เป็นความเข้าใจของตนเองนะครับ ในเว็บไซต์นี้ก็มีไฟล์เสียงบรรยายธรรมมากมาย ค่อยๆ ฟังไปนะครับ

- เวลาศึกษา ความสงสัยต้องมีเป็นธรรมดา การถามผู้รู้เป็นการช่วยคลายความสงสัยไปได้มาก (ผมเองเวลาสงสัยอะไรก็มาโพสต์ถามที่นี่ ก็ได้รับความกรุณาจากอาจารย์ผู้รู้อย่างอาจารย์ผเดิม, อาจารย์คำปั่น ช่วยกรุณาไขข้อสงสัยให้อย่างละเอียด)

- ต้องกล้าที่จะละทิ้งสิ่งที่พิจารณารู้แล้วว่าผิด แม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับมันมากขนาดไหน สิ่งใดผิดทิ้งทันที

- พระธรรมคำสั่งสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องละโดยตลอด คือปัญญาเจริญขึ้นละความไม่รู้ ละความติดข้องต้องการในสิ่งที่เคยยึดถือว่าเป็นเรา เป็นตัว เป็นตน คำสอนใดที่เพื่อได้เพื่อเอา (เช่นนั่งจดจ้องอะไรอยู่ ๓ วัน ๗ วัน แล้วจะได้วิปัสสนาญาณ) นั้นไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และไม่สามารถช่วยให้ออกจากทุกข์ได้เลย

ขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kinder
วันที่ 23 ก.พ. 2555

ผมก็เคยมีประสบการณ์แบบเดียวกัน จะเป็นด้วยการที่จิตสะสมการฟังธรรมมาบ้าง จีงได้มีโอกาสฟังธรรมจากวิทยุ AM 945 ช่วง 12.30 น. โดยท่าน อ.สุจินต์ จึงได้มีโอกาสศึกษาพระสัทธรรมที่เป็นพระสัทธรรมที่แท้จริง โดยสามารถดูได้จากพระไตรปิฏก จึงได้เลิกการปฏิบัติที่ผิด มาฟังธรรม ที่ web.ของ มศพ.ทุกวันและเห็นประโยชน์อย่างมากครับ

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ขออนุโมทนา สหายธรรมทุกท่านที่มีจิตหวังดี

ให้คำแนะนำเพื่อให้สหายธรรมได้เข้าใจในหนทางที่ถูกนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
sornpitak
วันที่ 24 ก.พ. 2555

กราบขอบพระคุณทุกท่าน ที่ได้เมตตาแนะนำ ทุกความเห็น เป็นประโยชน์แก่ผมมาก ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของผม เป็นคนทำอะไรแล้วมักมีความมุ่งมั่นจริงจัง (เป็นข้อเสียที่สำคัญ ที่ผมต้องรีบปรับปรุงแก้ไขตัวเองด่วน) หากไม่เป็นรบกวน ใคร่ขอให้ทุกท่านให้คำแนะนำเพิ่มเติม เนื่องจากค้นหา ผู้ที่รู้จริงหรือมีประสบการณ์ยากมาก

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 24 ก.พ. 2555

เรียน ความเห็นที่ 8 ครับ

จากความเห็นต่างๆ ที่แนะนำนั้น จะเห็นนะครับว่า ให้เริ่มจากการฟังธรรมะให้เข้าใจ อันเป็นพื้นฐานที่จะทำให้เข้าใจพระธรรมได้ถูกต้อง

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
thorn
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ในทางโลก กล่าวว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจลงทุน"

การปฏิบัติธรรม (ของปุถุชน) มีความหลงอยู่ (ความไม่รู้) ผู้ปฏิบัติธรรม ควรศึกษาธรรมให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงมือปฏิบัติธรรม ...

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 25 ก.พ. 2555

เป็นความเห็นที่น่าชื่นใจ และ มีประโยชน์แก่ผู้สนใจในพระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านวิทยากร ท่านสมาชิก มีคุณ pat_jesty คุณ daris คุณ kinder รวมถึงคุณ sornpitak และ ท่านอื่นๆ ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
homenumber5
วันที่ 25 ก.พ. 2555

เรียนท่านเจ้าของกระทู้และทุกท่าน

เห็นด้วยกับทุกความเห็นค่ะ เคยทำแบบท่านเจ้าของกระทู้ แต่ไม่จริงจังจนมีอาการแบบท่าน แต่พบและรู้จักคนที่ทำแบบท่านแล้วมีอาการแบบนี้และรุนแรงจนเป็นโรคประสาทก็มี หลงใหลว่าตนเองได้อริยมรรคก็มี จนไม่สามารถทำงานตามปกติ บางท่านต้องพบจิตแพทย์ไปเลยค่ะ ขอร้องนะคะคุณเจ้าของกระทู้ ที่ตั้งใจดีในการสิกขาธรรมแต่ยังไปไม่ถูกทาง หยุดแบบเดิมไปก่อนนะคะ เพราะคุณกำลังสูญเสียความปกติในชีวิตประจำวันไปแล้ว และอาจจะทำให้คู่ครองมีความทุกข์ไปด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เซจาน้อย
วันที่ 25 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอให้เริ่มใหม่ครับ หยุดทำที่จะปฏิบัติ แต่มาฟังพระธรรมให้เข้าใจ

อันดับแรกจริงๆ ขอให้เริ่มต้นที่ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะการฟังพระธรรม จะเป็นเหตุให้เกิดปัญญา เข้าใจสิ่งที่มีจริง เพิ่มมากยิ่งขึ้น ครับ.

สำคัญที่ความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นว่า ธรรม คือ อะไร ปฏิบัติ คือ อะไร

ปฏิบัติ ไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติ หรือ ไปทำอะไรเป็นรูปแบบอีกอย่างหนึ่งที่ปฏิบัติแล้วรู้สึกเครียด หนัก เป็นต้น นั่นไม่ใช่ปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ