สิ่งที่ไปรู้เกิดดับคืออะไรครับและตัวเค้าเองไม่เกิดไม่ดับใช่มั้ยครับ

 
จักร
วันที่  7 มี.ค. 2555
หมายเลข  20724
อ่าน  1,604

พอดีเริ่มหัดๆ ปฏิบัติธรรม ดูการเกิดดับๆ แต่เริ่มเห็นว่าตัวที่รู้เกิดดับ ตัวรู้นี้ไม่เกิดไม่ดับรึเปล่าครับ เพราะมีคนเคยบอกว่าจิตเกิดดับไวมากๆ ๆ ๆ แล้วอาการรู้ที่ไปรู้เกิดดับก็ยิ่งกว่าไวมากๆ ๆ ๆ ด้วยรึเปล่าครับ ขอคำแนะนำด้วยนะครับ จริงๆ ไม่รู้เลยว่าเค้าเรียกภาษาทางธรรมว่าอะไรครับ

ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การรู้การเกิดดับ เป็นปัญญาขั้นสูงมาก ทางภาษาธรรมเรียกว่าวิปัสสนาญาณ ซึ่งเป็น วิปัสสนาญาณขั้นที่ ๓ และ ๔ จึงจะเห็นการเกิดดับได้ครับ แต่ในความเป็นจริง การศึกษาพระธรรมและการอบรมปัญญาเพื่อละกิเลส จะต้องเป็นไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้นตอน ดังนั้น จึงไม่ใช่ฐานะเลยที่จะไปรู้ถึงการเกิดดับได้ เพราะยังไม่มีปัญญาถึงขั้นนั้น จะต้องเริ่มจาก ๑ ก่อน ถึงจะไป ๒ ๓ และ ๔ ได้ เพราะฉะนั้น จะต้องเริ่มจากปัญญาขั้นการฟังให้เข้าใจ เริ่มจากแม้แต่คำว่า ธรรม คืออะไร เพราะเราใช้คำว่า ปฏิบัติธรรม แต่ ถ้าเราไม่เริ่มจากปัญญาขั้นการฟัง ว่า ธรรม คืออะไร ก็ไม่มีทางที่จะถึงการปฏิบัติ และถึง การรู้การเกิดดับได้เลย ครับ ขณะนี้มีธรรม แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมเลย

ขณะนี้เห็น ไม่รู้ว่าเป็นธรรม ขณะนี้ได้ยิน แต่ไม่รู้ ว่าได้ยิน เป็นธรรม เมื่อยังไม่รู้จักตัวธรรม ก็ไม่สามารถเห็นการเกิดดับของธรรมได้ครับ ขอให้ย้อนกลับมาสู่ความเข้าใจถูก โดยเข้าใจใหม่ว่า ต้องเริ่มจากความเข้าใจขั้นการฟังให้เข้าใจ และเมื่อปัญญาเกิดขึ้นจากความเข้าใจ ปัญญาจะเจริญขึ้นเอง รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้นปฏิบัติแล้ว ธรรม ปฏิบัติ คือสติและปัญญาเกิด ครับ แต่กว่าจะเกิดรู้ความจริงอย่างนี้ได้ จะต้องอบรมปัญญามาอย่างยาวนานแล้ว ครับ ดังนั้น ไม่ต้องไปพยายามรู้การเกิดดับ เพราะรู้ไม่ได้ เป็นปัญญาระดับสูง ต้องกลับมาสู่ความเข้าใจขั้นการฟังที่ถูกต้อง เมื่อมีความเข้าใจขั้นการฟังที่ถูกต้องแล้ว ปัญญาจะเกิดขึ้นเอง โดยไม่มีตัวเราไปปฏิบัติเลย ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ มีประโยชน์มาก

โลก หรือ การเกิดดับ เทียบเคียงอย่างนี้พอจะได้หรือไม่ เพื่อให้เห็นแนวทาง

การปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานและ เห็นการเกิดดับนั้น คือเห็นอย่างไรคะ

ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรม ตอนที่ ๑

ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรม ตอนที่ ๒

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
จักร
วันที่ 7 มี.ค. 2555

ถ้าไม่มีเราไปปฏิบัติเลย จึงถึงทางแห่งความพ้นจากมีตัวเราใช่มั้ยครับ แต่จะลองเข้าไปอ่านตามลำดับนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ^^

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 7 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การศึกษาธรรม เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ซึ่งต้องเข้าใจถูกว่า นามธรรมเป็นนามธรรม รูปธรรมเป็นรูปธรรม โดยไม่ปะปนกัน เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งจะขาดการฟัง การศึกษาการพิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของธรรมไม่ได้เลย และที่สำคัญการที่ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก จะรู้ความจริง ก็ไม่ใช่ไปรู้สิ่งอื่น นอกจากสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้จนกว่าจะค่อยๆ รู้ความจริงของสิ่งนั้นยิ่งขึ้น ไม่ใช่ไปรู้ความจริงของสิ่งที่ไม่ปรากฏหรือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้เป็นธรรมซึ่งสามารถศึกษาให้เข้าใจได้ เพราะมีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ปัญญาจะเจริญขึ้นจนกระทั่งเป็นวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ ก็ต้องจากการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย โดยที่ไม่ใช่เริ่มต้นที่วิปัสสนาญาณ แต่เริ่มต้นที่การฟัง พระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 7 มี.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

จากคำกล่าวที่ว่า

ถ้าไม่มีเราไปปฏิบัติเลย จึงถึงทางแห่งความพ้นจากมีตัวเราใช่มั้ยครับ

ถูกต้องครับ คำว่า ถ้าไม่มีเราไปปฏิบัติเลย ความหมายที่ถูกต้อง คือ เริ่มจากความ

เข้าใจถูกขั้นการฟังว่าไม่มีเรา แม้ยังไม่ประจักษ์ความไม่มีเรา ทีเป็นธรรม แต่เริ่มจาก

เหตุที่ถูก คือ เข้าใจเบื้องต้นว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรม ธรรมปฏิบัติ ไม่ใช่เราปฏิบัติ สติและ

ปัญญาปฏิบัติ เมื่อเข้าใจเบื้องต้นเช่นนี้ เริ่มจากความเข้าใจถูก ว่าไม่มีเรา ย่อมจะพ้น

จากความมีเรา ตัวเราได้ เพราะปัญญา เข้าใจถูกนั้นเอง ที่จะละความไม่มีเราได้ แต่

ต้องอาศัยกาลเวลาในการอบรมปัญญาอย่างยาวนาน นับชาติไม่ถ้วน ครับ เพราะฉะนั้น

เริ่มจาเหตุถูก ความเข้าใจถูก คือ เริ่มจากความเข้าใจว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรม ย่อมพ้นจาก

ความไม่มีเราได้ ขออนุโมทนาในความเห็นถูกเบื้องต้น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 8 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ปัญญานั่นเอง"

การรู้การเกิดดับ เป็นปัญญาขั้นสูงมาก ทางภาษาธรรมเรียกว่า วิปัสสนาญาณ ซึ่งเป็น

วิปัสสนาญาณขั้นที่ 3 และ 4 จึงจะเห็นการเกิดดับได้ครับ

โดยที่ไม่ใช่

เริ่มต้นที่วิปัสสนาญาณ แต่เริ่มต้นที่การฟัง พระธรรม ศึกษาพระธรรม

สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับครับ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.เผดิม อ.คำปั่นและทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 8 มี.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 8 มี.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จักร
วันที่ 8 มี.ค. 2555

ขอขอบคุณคุณ paderm และคุณ khampan.a ที่เมตตาแนะนำครับ^^ เริ่มอ่านเริ่มเข้าใจ แต่ที่รู้สึกได้คือ ธรรมที่ไม่มีผู้ปฏิบัติธรรม วันนี้แทบทั้งวันเหมือนได้พักเลยครับ เพราะไม่มีผู้ปฏืบัติธรรมมากนัก ที่ว่ามากนักก็ยังแอบมีอยู่บ้างครับ สงสัยจะเคยชินกับการทำ ^^ เห็นแล้วครับ แต่ยังเลิกไม่ได้เพราะทำมาแบบอัตโนมัติ เริ่มต้นไม่ถูกเท่าไหรแต่จะลองอ่านไปเรื่อยๆ นะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ ^^

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ไม่ว่าจะเป็นนามธรรม หรือ รูปธรรม ทุกอย่างเกิดดับ ยกเว้น สภาพธรรมที่ไม่เกิด

ไม่ดับ คือ พระนิพพานเท่านั้น ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
govit2553
วันที่ 10 มี.ค. 2555

[๔๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขตลักษณะของสังขตธรรม ๓
ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ ความเกิดขึ้นปรากฏ ๑ ความเสื่อมปรากฏ ๑
เมื่อตั้งอยู่ความแปรปรวนปรากฏ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขตลักษณะของสังขต-
* ธรรม ๓ ประการนี้แล ฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Pailinsri
วันที่ 11 มี.ค. 2555

กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมสนทนา ทำให้มีความเข้าใจชัดเจนขึ้นมากค่ะ สาธุ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ