ถามเรื่อง สมาธิ ฌาน เอกัคคตาจิต

 
โอปากะ
วันที่  30 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21316
อ่าน  4,207

ขอพูดแบบบ้านๆ นะ "ถ้าไม่ได้เอกัคคตาจิต ไม่ได้ฌาน ไม่ทำสมาธิสิกขาให้บริบูรณ์ จะพ้นไปจากกามได้ไง" แค่กามคุณ ๕ ก็ไม่พ้นแล้ว

สอบถามอีกเรื่อง การสอนเรื่อง การดูจิตสมัยนี้ สอนเหมือนกล้องวงจรปิด ให้รู้อยู่เฉยๆ กำหนดรู้ ภาวะไหนเกิดก็ให้ดูจิตอยู่เฉยๆ ให้รู้เฉยๆ มันเหมือนดูเงาของ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย อยู่ แบบนี้จะได้อะไรขึ้นมา เพราะบางคนบอกดูจิต กำหนดรู้เฉยๆ มันก็สงบดี


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากคำกล่าวที่ว่า

ขอพูดแบบบ้านๆ นะ "ถ้าไม่ได้เอกัคคตาจิต ไม่ได้ฌาน ไม่ทำสมาธิสิกขาให้บริบูรณ์จะ พ้นไปจากกามได้ไง" แค่กามคุณ ๕ ก็ไม่พ้นแล้ว


- ผู้ที่จะพ้นจากกามคุณ คือ ไม่ติดข้อง ในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส โดยบริบูรณ์ไม่เกิดอีกเลย คือ พระอนาคามี ส่วนการเจริญอบรมฌาน เป็นการระงับกิเลสชั่วคราวขณะที่ได้ฌาน ไม่ได้เป็นหนทางที่จะพ้นจากกามคุณ ๕ เพราะ ไม่ใช่หนทางการละโลภะ ความติดข้อง ในกามคุณ แต่ทำให้สงบ ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่ง กิเลสที่จะต้องละเป็นอันดับแรก คือ การละความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์ บุคคล ไม่ใช่เป็นการละความติอข้องในกามคุณ ๕ เพราะ พระโสดาบัน ละความเห็นผิด แต่ท่านก็ยังยินดีติดข้องใน รูป เสียง กลิ่น รส ในกามคุณ ๕

นางวิสาขา ยังแต่งตัวสวยงาม ยังร้องไห้เมื่อหลานตาย เพราะคววามติดข้องในกามคุณ ๕ แต่ท่านดำเนินหนทางตรง ด้วยการเจริญวิปัสสนา อันจะดับกิเลสหมดสิ้นในอนาคต และ ท่านเป็นพระโสดาบันแล้ว แต่ก็ยังติดข้องในกามคุณ ๕ อยู่ แต่ท่านละความเห็นผิดได้ ดังนั้น กิเลสต้องละเป็นลำดับ ไม่ใช่กระโดดข้ามขั้น ไปละความยินดีพอใจในรูป เสียง ... กามคุณ ๕ ครับ ที่ถึงความเป็นพระอนาคามี แต่ ต้องละความเห็นผิดก่อน คือ ต้องถึงความเป็นพระโสดาบันก่อน และ นางวิสาขา ก็เป็นพระโสดาบัน ไม่ได้ต้องเจริญฌานก่อน ท่านฟังธรรม ที่ระหว่างถนนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง บรรลุธรรม โดยที่ไม่ได้เจะต้องเจริญฌาน เลย ครับ

ท่านสันนติมหาอำมาตย์ ฟังธรรม ไม่ได้เจริญฌานลย ไม่ได้ไปนั่งสมาธิ ฟังธรรมอยู่ บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขณะที่ฟังธรรม ครับ

ดังนั้น การเจริญวิปัสสนาต่างหากที่เป็นหนทางการบรรลุธรรม ไม่ใช่การจริญฌาน สมถภาวนา หรือ จะต้องเจริญสมถภาวนาก่อน จึงจะเจริญวิปัสสนาได้ ก็ไม่ใช่

ดังตัวอย่างที่ยกมาข้างต้น ครับ ซึ่ง มีรายะเอียดคำตอบในเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้วในกระทู้เหล่านี้ ครับ

เชิญคลิก

ไม่ได้ฌาน ๘-๙ จะเอาที่ใหนมาประหารกิเลส ครับ

ถ้าไม่มีสมาธิที่ตั้งมั่นดีก่อน แล้วจะระลึกรู้สภาพธรรมได้อย่างไร?

การเจริญสติปัฐาน โดยไม่เจริญสมถะควบคู่กันไป ปัญญาไม่สามารถแทงตลอดได้

และข้อความที่เป็นพระพุทธพจน์ที่แสดงว่า ผู้ที่ไม่ได้เอกัคคตาเจตสิก แต่บรรลุธรรม เห็นพระนิพพานมี และ มีมากกว่า ผู้ที่ได้ฌาน และ บรรลุธรรม ด้วยครับ

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 206

สัตว์ที่กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์แล้วได้สมาธิ ได้เอกัคคตาจิต มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์แล้ว ไม่ได้สมาธิไม่ได้เอกัคคตาจิตมากกว่าโดยแท้


สอบถามอีกเรื่อง การสอนเรื่อง การดูจิตสมัยนี้ สอนเหมือนกล้องวงจรปิด ให้รู้อยู่เฉยๆ กำหนดรู้ ภาวะไหนเกิดก็ให้ดูจิตอยู่เฉยๆ ให้รู้เฉยๆ มันเหมือนดูเงาของ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย อยู่ แบบนี้จะได้อะไรขึ้นมา เพราะบางคนบอกดูจิต กำหนดรู้เฉยๆ มันก็สงบดี

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

การดูจิต

วิธีการดูจิตเป็นทางลัดรึเปล่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 2 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสจนกว่ากิเลสทั้งปวงจะดับหมดสิ้นไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เห็นคุณค่าของพระธรรม ตั้งจิตไว้ชอบในการศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกและน้อมประพฤติปฏิบัติตามด้วยความจริงใจ เท่านั้น

และที่สำคัญประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา คือ เพื่อละกิเลส พ้นจากทุกข์ ไม่เกิดอีก ซึ่งเป็นการดับกิเลสทั้งหลาย มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้นที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ไม่ใช่เพียงแค่ระงับเพียงชั่วคราว และข่มด้วยกำลังแห่งฌาน เท่านั้น ความติดข้องยินดีพอใจในกามคุณ ๕ จะดับได้อย่างหมดสิ้น ก็ต้องมีการอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งบรรลุถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล และที่จะดับโลภะ ได้อย่างหมดสิ้น ก็ต้องถึงความเป็นพระอรหันต์

เพราะฉะนั้น พระธรรมคำสอนทั้งหมด ไม่ว่าจะทรงแสดงโดยนัยใดก็ตาม ก็เพื่อประโยชน์สูงสุด คือ การดับกิเลส พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง หนทางแห่งการดับกิเลสนั้น มีอยู่แล้ว คือ การอบรมเจริญปัญญาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการอบรมมรรคมีองค์ ๘ อันเริ่มต้นด้วยความเห็นถูก แต่การที่จะดำเนินไปตามทางดังกล่าวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ละคนจริงๆ ถ้าดำเนินตามหนทางที่ถูกต้อง โอกาสแห่งการพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ก็ย่อมจะมีได้ ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญาต่อไป โดยเห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม ไม่ขาดการฟังพระธรรม และ ไม่มีคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ที่สอนให้หลงงมงาย หรือ สอนให้ทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความไม่รู้ พระธรรมทั้งหมด เป็นไปเพื่อปัญญา ตั้งแต่ต้น จนถึงที่สุด จริงๆ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
edu
วันที่ 3 ก.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับผม...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pamali
วันที่ 14 ธ.ค. 2555
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 23 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ