ลังกาวตารสูตร .

 
chvj
วันที่  27 ส.ค. 2555
หมายเลข  21625
อ่าน  9,069

ได้เห็นเพื่อนถือหนังสือเล่มหนึ่งบางๆ (เป็นหนังสือพิมพ์ขึ้นมา) ชื่อ ลังกาวตารสูตร แต่ไม่ได้เปิดดู พอมาเปิดในพระไตรปิฎก ปรากฏว่า ไม่มีพระสูตร นี้ ครับ

ขอถามอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยครับ จะได้แนะนำเพื่อนคนนั้นครับ

ขอบพระคุณมากครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ลังกาวตารสูตร เป็นพระสูตรเล่มหนึ่ง ในนิกายมหายาน พระสูตรนี้ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกของเถรวาท แต่งขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏ แต่ได้แปลเป็นภาษาจีนครั้งแรกราว ค.ศ. ๔๔๓ เนื้อหาเป็นบทสนทนาระหว่าง พระศากยมุนีพุทธเจ้ากับพระมหามติโพธิสัตว์ที่เกาะลงกา

ลังกาวตารสูตร เป็นคัมภีร์หลัก (Text) ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน. เป็นคัมภีร์หนึ่งในเก้าคัมภีร์ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญ ซึ่ง ภาคที่แปดแห่งลังกาวตารสูตรนี้ ที่แปลเป็นไทย กล่าวถึงเรื่องการทานเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะ เรียกว่า ภาคมางสภักษนปริวรรต จากข้อความในภาคนี้ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาที่ว่า สาวกในพระพุทธศาสนา จะเป็นบรรพชิตหรือฆราวาสก็ตาม จะไม่รับประทานเนื้อปลาหรือเนื้อสัตว์ ชนิดใดชนิดหนึ่งเลย

ขอนำ ข้อความใน ลังกาวตารสูตร เพื่อประโยชน์ ในความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง ซึ่งการจะรู้ว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิดก็จะต้องอ่านและพิจารณาในเรื่องนั้นเสียก่อน ข้อความในลังกาวตารสูตร บางตอนมีดังนี้ ครับ

พระตถาคตเจ้า ผู้ทรงอรหันต์ ได้ตรัสรู้อย่างดีถ้วนแล้ว และได้ตรัสความเป็นกุศล หรืออกุศล แห่งการบริโภคเนื้อสัตว์แก่เรา เพื่อว่าเราและสาวกอื่นๆ ในพระพุทธศาสนา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จะได้ประกาศสัจจธรรมอันนี้ แก่เขาเหล่านั้น ผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการทำลายความอยากในเนื้อสัตว์ของเขาเหล่านั้นเสีย พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า :

โอ, มหาบัณฑิต! ด้วยน้ำหนักแห่งเหตุผล อันมากมายเหลือจะประมาณ บ่งแสดงว่า เนื้อสัตว์ทุกชนิดเป็นสิ่งที่ควรปฏิเสธ โดยสาวกแห่งพระพุทธศาสนา ผู้มีใจเปี่ยมด้วยความกรุณา สำหรับเขาเหล่านั้น เราจักกล่าวแต่โดยย่อๆ ดังนี้ โอ, มหาบัณฑิต! ในวัฏฏสงสารอันไม่มีใครทราบที่สุดในเบื้องต้นนี้ สัตว์ผู้มีชีพได้พากันท่องเที่ยวไป ในการว่ายเวียนตายเกิด ไม่มีสัตว์แม้แต่ตัวเดียวที่ในบางสมัย ไม่เคยเป็น แม่ พ่อ พี่น้องชาย พี่น้องหญิง ลูกชาย ลูกหญิง หรือเครือญาติอย่างอื่นๆ แก่กัน สัตว์ตัวเดียวกัน ย่อมถือปฏิสนธิในภพต่างๆ เป็นกวาง หรือสัตว์สองเท้า สัตว์สี่เท้าอื่นๆ หรือเป็นนก ฯลฯ ซึ่งยังนับได้ว่า เป็นเครือญาติของเราโดยตรง สาวกแห่งพระพุทธศาสนาจะทำลงไปได้อย่างไรหนอ จักเป็นผู้สำเร็จแล้วหรือยัง? เป็นสาวกธรรมดาอยู่ก็ตาม ผู้เห็นอยู่ว่า สัตว์เหล่านี้ทั้งหมด เป็นภราดร1 ของตนแล้ว จะเชือดเนื้อเถือหนังของมันอีกหรือ?

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 29 ส.ค. 2555

โอ, มหาบัณฑิต! เนื้อสุนัข เนื้อลา อูฐ ม้า โค และเนื้อมนุษย์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นเนื้อที่ผู้คนไม่รับประทาน แม้กระนั้น เนื้อของสัตว์เหล่านี้ถูกนำมาปลอมขาย ในนามของเนื้อแกะ ฯลฯ เพราะเห็นแก่เงิน ด้วยเหตุนี้ เนื้อสัตว์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรกินโดยสาวกแห่งพระพุทธศาสนา โอ, มหาบัณฑิต! เพราะว่าเนื้อ ย่อมเกิดมาจากเลือดและน้ำอสุจิ เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นสิ่งไม่ควรบริโภค สำหรับสาวกแห่งพระพุทธศาสนา ผู้ประสงค์ต่อธรรมอันบริสุทธิ์ และเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในระหว่างกันและกัน

โอ, มหาบัณฑิต! เพราะฉะนั้น เนื้อจึงเป็นของที่ไม่ควรบริโภค โดยบรรพชิตแห่งพระพุทธศาสนา ผู้ประสงค์เพื่อนมิตรภาพในสัตว์ด้วยกันถ้วนหน้า ตัวอย่างอันประจักษ์ เช่น เมื่อสัตว์ได้เห็นนายพรานป่า ชาวประมงหรือนักกินเนื้ออื่นๆ เดินมา แม้ในระยะอันไกล สัตว์ทั้งหลายก็สะดุ้งกลัวเสียแล้ว บางครั้งสัตว์บางชนิดก็ขาดใจตายเพราะความกลัว เนื่องจากมันรู้ดีว่า เขาจะฆ่ามันทำนองเดียวกันกับสัตว์ตัวน้อยอื่นๆ ในท้องฟ้า บนบก หรือในน้ำก็ตาม เมื่อได้เห็นนักกินเนื้อแต่ที่ไกล หรือได้กลิ่นด้วยจมูกอันไวของมัน ก็จะพากันวิ่งหนีไปไกล พร้อมกับความรู้สึกอยู่ในใจว่า เขาเหล่านั้นเป็นผี ยักษ์ อสุรกายผู้ล้างผลาญ นั่นเป็นเพราะความกลัวต่อความตายของมัน เนื้อเป็นสิ่งที่ควรกินสำหรับผู้ใจดำอำมหิต เป็นสิ่งที่มีกลิ่นอันน่ารังเกียจ เป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมเสีย และเป็นสิ่งที่จะถูกห้ามกันโดยสัตบุรุษ … โอ, มหาบัณฑิต! เนื้อนี้เป็นของไม่ควรบริโภคโดยพุทธสาวก

โอ, มหาบัณฑิต! มีกลิ่นที่น่ารังเกียจ ไม่น่าบริโภคอยู่ในเนื้อสัตว์ เช่นเดียวกันกับกลิ่นแห่งศพ แม้เหตุผลเพียงเท่านี้ เนื้อสัตว์ก็เป็นสิ่งของไม่ควรบริโภค สำหรับพุทธศาสนิกชนอยู่แล้ว ถ้าหากว่าศพถูกเผา และเนื้อสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่งถูกเผา มันก็จะมีกลิ่นอันน่ารังเกียจไม่แตกต่างอะไรกันเลย เฉกเช่นเดียวกันกับที่ ความถูกพันธนาการ เป็นข้าศึกของความหลุดพ้น เป็นอิสรภาพฉันใด เนื้อสัตว์ สุรา ฯลฯ ก็เป็นข้าศึกของนิรวาณ (นิพพาน) ฉันนั้น ...

ดังนั้น เนื้อสัตว์ซี่งเป็นของดูน่ากลัวแก่สรรพสัตว์ และเป็นอุปสรรค แก่การปฏิบัติเพื่อวิมุตติ จึงเป็นของไม่ควรกิน นี่คือ ธงชัยแห่งอารยชน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 29 ส.ค. 2555

จากข้อความในลังกาวตารสูตร ที่ได้กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า เนื้อทุกชนิด ไม่ควรบริโภค เพราะ เป็นสิ่งสกปรก และ เป็นการทำลายชีวิตของสรรพสัตว์ และ การทานเนื้อสัตว์ ย่อมเป็นทางที่ไม่ให้ถึงพระนิพพาน

ซึ่งจะขออธิบายไปทีละประเด็นครับ

ประเด็นเนื้อเป็นสิ่งที่สกปรก ไม่สะอาด ไม่ควรบริโภค

ในความเป็นจริง รูป ก็คือ รูป รูปไม่รู้อะไร ดังนั้น ความสะอาด สกปรกจริงๆ อยู่ที่จิตใจของแต่ละบุคคลที่ยังมีกิเลส แม้จะทานอาหารที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่ทานด้วยกิเลส ก็ชื่อว่า สกปรก ไม่สะอาดในขณะนั้น ความสะอาด สกปรก จึงไม่ได้อยู่ที่ประเภทของอาหาร แต่ อยู่ที่จิตใจของแต่ละคนที่มีกิเลส ที่เป็นสิ่งสกปรกที่แท้จริง

การฆ่าสัตว์เกิดจากอะไร เกิดจาการทานเนื้อสัตว์หรือไม่

การที่ถูกฆ่าก็ต้องเป็น ผลของอกุศลกรรมที่ได้เคยทำไว้ ดังนั้น สัตว์นั้น จึงมีกรรมที่ต้องถูกฆ่า จะบริโภคน้อยลงหรือมากขึ้น สัตว์ก็ต้องถูกฆ่า เพราะอกุศลกรรมให้ผล มนุษย์ ทำไมถึงถูกฆ่าได้ทุกวัน ก็ไม่ได้บริโภคเนื้อมนุษย์เป็นอาหารของคนส่วนใหญ่ ทำไมยังถูกฆ่าทุกวัน เพราะคนนั้นที่ถูกฆ่า อกุศลกรรมให้ผล เพราะเคยทำอกุศลไว้

ดังนั้น การบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง ไม่ใช่เป็นเหตุ ที่จะทำให้สัตว์ ถูกฆ่าน้อยลง แต่กรรมไม่ดีต่างหาก ที่ทำให้สัตว์ถูกฆ่าครับ และถ้าคิดละเอียดขึ้น ทำไมถึงทำกรรมไม่ดี อันเป็นเหตุให้ถูกฆ่า ก็เพราะกิเลสที่มีนั่นเอง ดังนั้นที่มีการฆ่ากัน ก็เพราะมีกิเลส และ การจะละกิเลสได้ ไม่ใช่ด้วยอาหาร เพราะ อาหาร ไม่เป็นปฏิปักษ์ หรือ ธรรมที่จะละกิเลสได้ แต่ ปัญญาคือธรรมที่จะทำหน้าที่ละกิเลส ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ สัตว์จะบริสุทธิ์ไม่ใช่ด้วยอาหาร แต่ บริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ด้วยการอบรมหนทางการดับกิเลสที่ถูกต้อง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ครับ

ประเด็นอาหาร เป็นกลิ่นไม่สะอาด พระพุทธเจ้าได้แสดงพระสูตรไว้แล้วครับว่า กลิ่นดิบ ที่พราหมณ์ผู้หนึ่งเข้าใจผิดว่า คือ เนื้อสัตว์ แต่ในความเป็นจริง กลิ่นดิบ คือ กิเลสที่มีในจิตใจของตนที่เป็นกลิ่นไม่สะอาด อาหารไม่ใช่กลิ่นดิบ ครับ เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ ... อามคันธสูตร ... เสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 29 ส.ค. 2555

ประเด็น ที่ว่า การทานเนื้อสัตว์ เป็นอุปสรรคต่อการหลุดพ้น ดับกิเลส

ในความเป็นจริง รูปธรรม มีอาหารประเภทต่างๆ ไม่ใช่อุปสรรคในการดับกิเลส แต่อุปสรรคในการดับกิเลส ก็คือ ตัวกิเลสเองที่เป็นอุปสรรค มี โลภะ โทสะ โมหะ ทิฏฐิ (ความเห็นผิด ความไม่รู้) เพราะ กิเลสที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่เห็นตามความเป็นจริงของสภาพธรรม มี เครื่องเนิ่นช้า คือ ตัณหา มานะ และทิฏฐิ (ความเห็นผิด) เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจหนทางที่ผิด ในการดับกิเลส สำคัญว่า เป็นเพราะอาหาร ก็จะเป็นเครื่องเนิ่นช้า ไม่ให้เข้าใจหนทางที่ถูก เพราะหนทางที่ทำให้สัตว์บริสุทธิ์ ถึงการหลุดพ้น คือ ปัญญา ที่อบรมสภาพธรรมที่เป็น นามธรรม ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ และ อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นสำคัญ ครับ

ซึ่ง สำหรับเพศบรรพชิต พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสห้ามฉันเนื้อบางอย่าง แต่บางอย่างก็ฉันได้ และ ตรัสอนุญาต การฉันเนื้อโดยส่วน ๓ คือ ไม่ได้เห็นเขาฆ่าเพื่อตน ไม่ได้ยินเขาฆ่าเพื่อตน ไม่เกิดความรังเกียจว่า เขาฆ่าเพื่อตนหรือไม่

พระธรรมของพระพุทธเจ้า จึงเป็นเรื่องของเหตุผล และ แสดงสัจจะความจริง ที่ลึกซึ้ง โดยแสดงถึงความเป็นไปของนามธรรมที่อยู่ในจิตใจ ไม่ใช่เพียงมองเหตุการณ์ภายนอก พระองค์ทรงทราบ เหตุของการฆ่า การถูกฆ่า ว่าเกิดจากกิเลสของผู้ฆ่า และ เพราะผลของกรรมที่เป็นอกุศลกรรมจึงถูกฆ่า หนทางที่ถูกต้อง คือ ละกิเลส ไม่ใช่การละอาหาร ละกิเลสที่จะทำให้ มีการฆ่า ด้วยการอบรมปัญญา และ เมื่อดับกิเลสหมดสิ้น ก็ไม่มีการเกิด ก็ไม่ต้องถูกฆ่า และ ไม่ต้องมาฆ่าใครอีก เพราะ อบรมปัญญาเป็นสำคัญ ครับ การละกิเลสจึงสำคัญที่ปัญญา ไม่ใช่อาหาร ครับ เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ การบริโภคเนื้อสัตว์ การรับประทานมังสวิรัติ เนื้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม เนื้อบริสุทธิ์ โดยส่วน ๓ ฉันได้ [มหาวิภังค์] ซึ่งผู้ถามก็สามารถอธิบายเหตุผลในเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง โดยไม่ต้องยกนิกาย เพราะสัจจะ ความจริง ไม่ได้อยู่ที่นิกายชื่อว่าอะไร แต่ สัจจะ ความจริง เหตุผล ที่เป็นปัญญาไม่เปลี่ยนแปลง ครับ ส่วนเพื่อนจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่การสะสม แต่เราก็ได้ทำหน้าที่ที่ดี คือ ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับเพื่อนแล้ว ครับ ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 29 ส.ค. 2555

เป็นเหตุผลที่ตรงไปตรงมาที่สุดเลยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมและทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chvj
วันที่ 30 ส.ค. 2555

เห็นด้วยกับความเห็นที่ 5 และขอบคุณมากครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมเป็นอย่างสูงด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 30 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อาหารนานาชนิด ทั้งที่สมบูรณ์ด้วยเนื้อและไม่ได้ประกอบด้วยเนื้อ มิใช่สิ่งที่ทำให้กิเลสของคนลดลง แต่สิ่งที่จะทำให้กิเลสของคนลดลง มีอย่างเดียวเท่านั้น คือ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว เมื่อได้ฟัง ได้ศึกษา มีความเห็นถูกมากขึ้น แล้วน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมด้วยความจริงใจ

และการมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ได้ฟังความจริง นั้น ขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละบุคคลซึ่งมีเป็นส่วนน้อยมากทีเดียว ที่จะได้ฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง, ที่มีความเห็นผิดมากมายเกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรม ก็เป็นเพราะว่าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั่นเอง

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง จึงเป็นอนุสาสนี เป็นคำพร่ำสอนให้พุทธบริษัทเห็นโทษของกิเลส ให้เห็นโทษของกุศลทั้งหลาย ที่ตนเองได้สะสมมาอย่างยาวนาน เพื่อจะได้ ขัด เกลา ลด ละ คลาย ให้เบาบางลง ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง (ปัญญา) จนกว่าจะถึงความเป็นผู้ที่ไม่มีกิเลสได้ในที่สุด ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วิริยะ
วันที่ 12 ธ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
tukkannikar
วันที่ 1 มี.ค. 2563

ขออนุโมทนาบุญ ที่ยิ่งใหญ่นี้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ