วิภังคสูตร ... วันเสาร์ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
วิภังคสูตร
(ว่าด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘)
จาก...พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ -หน้า ๒๔
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๕๕)
...นำสนทนาโดย...
คณะวิทยากรมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ -หน้า ๒๔
๘. วิภังคสูตร
(ว่าด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘)
[๓๓] สาวัตถีนิทาน. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง จักจำแนกอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ แก่เธอทั้ง หลาย เธอทั้งหลายจงฟังอริยมรรคนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว.
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อริยมรรคอันประกอบด้วย องค์ ๘ เป็นไฉน? คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
[๓๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาทิฏฐิ เป็นไฉน? ความรู้ในทุกข์ ในทุกขสมุทัย ในทุกขนิโรธ ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ.
[๓๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาสังกัปปะเป็นไฉน? ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในอันไม่พยาบาท ความดำริในอันไม่เบียดเบียน นี้เรียกว่า สัมมาสังกัปปะ.
[๓๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาวาจาเป็นไฉน? เจตนาเครื่องงดเว้น จากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ นี้เรียกว่า สัมมาวาจา.
[๓๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมากัมมันตะเป็นไฉน? เจตนาเครื่อง งดเว้น จากปาณาติบาต จากอทินนาทาน จากอพรหมจรรย์ นี้เรียกว่า สัมมากัมมันตะ.
[๓๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาอาชีวะเป็นไฉน? อริยสาวกในธรรม วินัยนี้ ละการเลี้ยงชีพที่ผิดเสีย สำเร็จชีวิตอยู่ด้วยการเลี้ยงชีพที่ชอบ นี้ เรียกว่า สัมมาอาชีวะ.
[๓๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาวายามะเป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้เพื่อมิให้อกุศล ธรรมอันลามกที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อละอกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน เพิ่มพูน ไพบูลย์ เจริญบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่บังเกิด ขึ้นแล้ว นี้เรียกว่า สัมมาวายามะ.
[๔๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสติเป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อม พิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติพึงกำจัด อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัด อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ มีความ เพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย นี้เรียกว่า สัมมาสติ.
[๔๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาสมาธิ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรม วินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติ และสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละ สุข ละทุกข์ และดับโสมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เรียก ว่า สัมมาสมาธิ.
จบวิภังคสูตรที่ ๘.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
วิภังคสูตร *
(ว่าด้วยอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘)
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย ในส่วนของอริยมรรคอัน ประกอบด้วยองค์ ๘ ว่า อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ มีดังนี้ คือ
- สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) [ความรู้ในอริยสัจจ์ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค]
- สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ) [ดำริในการออกจากกาม ออกจากความพยาบาทออกจากความเบียดเบียน]
- สัมมาวาจา (เจรจาชอบ) [งดเว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ]
- สัมมากัมมันตะ (การงานชอบ) [งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดใน ส่วนที่เป็นอพรหมจรรย์ คือ การประพฤติที่ไม่ประเสริฐ ซึ่งกว้างกว่าการประพฤติ ผิดในกาม]
- สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ) [งดเว้นจากการเลี้ยงชีพในทางที่ผิด]
- สัมมาวายามะ (ความเพียรชอบ) [เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น เพียรละบาปที่ เกิดขึ้นแล้ว เพียรเจริญกุศล และเพียรเพื่อให้กุศลเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป]
- สัมมาสติ (ระลึกชอบ) [ระลึกรู้สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริง ที่เป็นสติปัฏฐาน]
- สัมมาสมาธิ (ความตั้งมั่นชอบ) [ตั้งมั่นชอบที่เป็นไปกับด้วยการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา.
หมายเหตุ คำว่า วิภังคะ ซึ่งเป็นชื่อของพระสูตร แปลว่า การจำแนก.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
มรรคมีองค์ ๘ เริ่มต้นอย่างไรครับ
อัปปนาสมาธิ รูปฌาน และอรูปฌาน เป็นสัมมาสมาธิหรือไม่
ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่นี่ครับ
สัมมาทิฏฐิไม่มี มรรคองค์อื่นก็เจริญไม่ได้เลย
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
--ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุโมทนาค่ะ