เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้สักอย่างเดียว ที่มีโทษมากเหมือนมิจฉาทิฏฐินี้เลย

 
pirmsombat
วันที่  13 ก.ย. 2555
หมายเลข  21723
อ่าน  2,730

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจาก

[เล่มที่ 66] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 379

บทว่า มิจฺฉาทิฏฺฐิกา คือ มีความเห็นวิปริต

บทว่า มิจฺฉาทิฏฐิกมฺมสมาทาน

ยึดถือการทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ คือยึดถือการกระทำต่างๆ

หลายอย่าง ด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ อนึ่ง ผู้ใดชักชวนแม้ผู้อื่นในกายกรรม

เป็นต้น อันเป็นมูลแห่งมิจฉาทิฏฐิ ผู้นั้นก็ชื่อว่า เป็นผู้ยึดถือการกระทำ

ต่างๆ หลายอย่าง อนึ่ง ในบทนี้ แม้เมื่อมิจฉาทิฏฐิ สงเคราะห์ด้วยการ

ถือเอาวจีทุจริต และด้วยการถือเอามโนทุจริต ในการติเตียนพระอริยเจ้า

คำกล่าวของทั้งสองอย่างเหล่านั้นพึงทราบว่า เพื่อแสดงความมีโทษมาก

เพราะผู้ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นผู้มีโทษมาก เช่นเดียวกับ อนัตริยกรรม

แม้ข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสไว้ว่า

ดูก่อนสารีบุตร

ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา พึงให้ผู้อื่นยินดีในทิฏฐธรรมด้วย

แม้ฉันใด ดูก่อนสารีบุตร ข้อนี้ก็มีอุปไมยฉันนั้น เรากล่าวว่า

ผู้ไม่ละคำพูดนั้น ไม่ละจิตนั้น ไม่สละคืนทิฏฐินั้นเก็บสะสมไว้ เหมือนยินดีในนรก.

ไม่มีอย่างอื่นที่มีโทษมากกว่ามิจฉาทิฏฐิเลย เหมือนอย่างที่

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้สักอย่างเดียว

ที่มีโทษมากเหมือนมิจฉาทิฏฐินี้เลย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเห็นผิดมีโทษมาก สามารถทำบาปได้ทุกอย่างเพราะมี ความเห็นผิดเป็นปัจจัย

ความเห็นผิดที่ดิ่ง มี 3 อย่างคือ

นิยตมิจฉาทิฎฐิ ๓ ได้แก่ คลิกอ่านที่นี่... นิยตมิจฉาทิฏฐิ

- อเหตุกทิฎฐิ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นเอง เป็นเอง ไม่อาศัยเหตุปัจจัยให้

เกิด ให้มีขึ้น ไม่เชื่อในเหตุ คลิก...อเหตุกทิฏฐิ

- นัตถิกทิฎฐิ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ผลอันเนื่องมาแต่เหตุ ผลของ

การทำดีทำชั่ว ไม่มีโลกนี้โลกหน้า สัตว์บุคคลไม่มี เป็นแต่ธาตุประชุมกัน ตายแล้ว

สูญ ไม่เกิดอีก เชื่อว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น คลิก... นัตถิกทิฏฐิ

- อกิริยทิฎฐิ เห็นว่าการกระทำใดๆ ไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำ ผลบาป-บุญไม่มีแก่

ผู้ทำ กระทำแล้วก็เป็นอันแล้วกันไป ปฏิเสธการกระทำโดยประการทั้งปวง

คลิกอ่านที่นี่ครับ.. อกิริยทิฏฐิ

มิจฉาทิฏฐิ ที่ดิ่งเป็น นิยตมิจฉาทิฏฐิ มีโทษมากกว่าอนันตริยกรรม (ฆ่า บิดา-

มารดา) เป็นต้น เพราะอนันตริยกรรมยังพอกำหนดอายุที่จะไปอบายได้ เช่น ไปนรก

หนึ่งกัปป์ ดังเช่น พระเทวทัตทำสังฆเภท (ทำสงฆ์ให้แตก) ซึ่งเมื่อครบกำหนดอายุ-

กรรมแล้ว ก็สามารถไปเกิดในสุคติภูมิ และบรรลุธรรมภายหลังได้ ดังเช่น พระเทวทัต

ภายหลังท่านก็จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาล แต่ว่ามิจฉาทิฏฐิไม่สามารถ

ออกจากวัฏฏะได้เลย (ตอวัฏฏะ) และยังเป็นเหตุ ที่ให้ทำบาปกรรมต่างๆ มากมายด้วย

มีการทำอนันตริยกรรม เป็นต้น จึงไม่สามารถไปสุคติภูมิได้ และไม่มีทางบรรลุมรรคผล

จึงมีโทษมากดังนี้

ด้วยเหตุนั้นนั่นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรามองไม่เห็น

ธรรมอย่างหนึ่ง อันอื่นที่มีโทษมาก เหมือน

อย่างมิจฉาทิฏฐิเลย กระบวนโทษทั้งหลาย

มิจฉาทิฏฐิมีโทษอย่างยิ่ง.

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ..... นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ [อรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 13 ก.ย. 2555

ความเห็นผิด ยังแบ่งเป็นอีก 2 อย่างคือ

1. สัสสตทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดว่าเที่ยง ไม่เกิดดับ หรือ ตายแล้วต้องเกิดอีกแน่นอน

2. อุจเฉททิฏฐิ คือ ความเห็นผิดว่าขาดสูญ คือ ตายแล้วไม่เกิดอีก เป็นต้น


และคนที่ชอบพูดว่า ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะมีจริงรึป่าว เป็นความเห็นผิดที่เรียกว่า อุจเฉททิฏฐิที่เป็นความเห็นผิด ว่าขาดสูญ ครับ เพราะคิดว่า ตายแล้วก็จบ ชาติหน้าไม่มี ครับ

ส่วนคำพูดที่ว่า

ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เป็นความเห็นผิดที่ไม่เชื่อ เรื่องกรรม และผล

ของกรรม หรือ บางนัยก็เข้าในข้อที่เป็นอกิริยาทิฏฐิ เพราะ มีความเห็นผิดว่า การกระทำ

ที่เป็นกุศลไม่มี การกระทำที่เป็นอกุศลไม่มี การกระทำไม่มีผลอะไร ครับ ปฏิเสธเรื่อง

กรรมและผลของกรรมครับ ทำดีไม่ได้ดีหรอก

หรือที่พูดว่า ถ้าหากชาติหน้ามีจริง...

เป็นความเห็นผิดที่เป็น สัสสตทิฏฐิ คือ สำคัญว่าตายแล้วเกิด โดยสำคัญผิดว่ามีสัตว์

บุคคลจริงๆ ที่เกิดแล้วก็ต้องตาย แล้วก็ต้องเกิดอีก แต่ในความเป็นจริง เป็น จิต เจตสิก

ที่เกิดขึ้นครับ ดังนั้นจึงสำคัญผิดว่า ชาติหน้า คือ สัตว์จะต้องเกิดชาติหน้าอีกครับ

ซึงจากพระสูตร ที่คุณหมอ ยกมานั้น แสดงให้เห็นว่า เพราะ อาศัยความเป็นผู้ที่มี

ความเห็นผิด คือ มิจฉาทิฏฐิ ย่อมทำบาปได้ทุกอย่าง ทั้งคิดก็ผิด วาจาก็ผิด และ การ

กระทำทางกายก็ผิด มี การว่าร้ายพระอริยเจ้า เป็นต้น นี่คือโทษของ ความเห็นผิด ที่

เป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งหนทางเดียวก็คือ การอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม ก็จะค่อยๆ สะสม

ความเห็นถูก และละคลายความเห็นผิดได้ในที่สุด เมื่อถึงความเป็นพระโสดาบัน ครับ

ขออนุโมทนาคุณหมอและทุกท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pirmsombat
วันที่ 13 ก.ย. 2555

ข้อความบางตอนจาการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ทิฏฐิวิปลาส

สำหรับทิฏฐิวิปลาส นั้นเป็นความเห็นผิด เพราะลูบคลำสี่งที่ยึดถือ

นี่แสดงให้เห็นแล้วนะคะว่า เมื่อสัญญาวิปลาสคือจำคลาดเคลื่อน

ก็เป็นปัจจัยทำให้ ทิฏฐิเกิดขึ้น

โดยลูบคลำไม่ปล่อยในความคิดที่สัญญาจำคลาดเคลื่อน

เป็นความเห็นผิดที่คลาดเคลื่อนมั่นคง

ดุจการจับเหล็กด้วยคีมใหญ่ของช่างเหล็ก

นี่คือ ลักษณะของ ทิฏฐิวิปลาส

ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณผเดิม คุณคำปั่น คุณเมตตา มากครับ

เป็นกุศลที่ควรยกย่องชื่นชมมากครับ

และ

เป็นประโยชน์กับผู้สนใจศึกษาอบรมธรรมมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
นิรมิต
วันที่ 13 ก.ย. 2555

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 13 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 13 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเห็น เป็นธรรมที่มีจริง ถ้าเห็นถูกเข้าใจถูก เป็นปัญญา หรือ สัมมาทิฏฐิ เป็น

เหตุให้กุศลธรรมทั้งหลาย เจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมไป แต่ถ้าเป็นความเห็นผิดแล้ว

ไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ แต่เป็นมิจฉาทิฏฐิ อกุศลธรรมทั้งหลาย มีแต่จะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น สืบ

เนื่องมาจากความเห็นผิด นั้น ดังนั้น เรื่องของความเห็น จึงมี ๒ ประเภทดังที่กล่าวมา

ถ้ามีความเห็นถูก กาย วาจา ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ถูกด้วย ก็จะเป็นหนทาง นำไปสู่

สุคติ คือมนุษย์ภูมิและสวรรค์ และสามารถทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสตามลำดับ

ขั้น ด้วย แต่ถ้ามีความเห็นผิด กาย วาจา และ ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ผิด ทุกอย่างผิด

ไปหมด ผลที่จะเกิดขึ้น คือ เป็นเหตุให้เข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก อันเป็นผลที่

เผ็ดร้อน ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ เป็นอย่างยิ่ง

การที่จะค่อยๆ เพิ่มพูนความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ขัดเกลา ละคลาย ความเห็นผิด

ความไม่รู้ และอกุศลธรรมทั้งหลาย ก็เพราะอาศัยการศึกษา การฟังพระธรรมที่พระสัมมา

สัมพุทธเจ้าทรงแสดง บ่อยๆ เนืองๆ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ขาดการฟังพระ

ธรรม ครับ

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอและทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Graabphra
วันที่ 13 ก.ย. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 13 ก.ย. 2555

มิจฉาทิฏฐิมีโทษมาก เพราะเป็นความเห็นผิด ทำให้จมในสังสารวัฏฏ์ ไม่สามารถ

ออกจากวัฏฏ์อันยาวนานได้ ถ้าอบรมเจริญสัมมาทิฺฏฐิ คือ ความเห็นถูก เป็นปัญญา

ที่นำออกจากกรงขังคือกิเลส และ สามารถดับสังสารวัฏฏ์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kinder
วันที่ 13 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 14 ก.ย. 2555

ผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรมอยู่ตราบใด ก็ยังมี ความเห็นผิด ที่ยึดสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์บุคคล เป็นสิ่งของต่างๆ กิเลสอื่น ก็ดับไม่ได้ เพราะต้องดับความเห็นผิด ที่ยึดสภาพธรรมว่าเป็นเราเป็นสิ่งต่างๆ ก่อน ความเห็นผิด จึงเป็นธรรมที่มีโทษมาก เป็นเหตุให้ ไม่สามารถอออกจากวัฏฏะได้ การอบรมความเห็นถูกเข้าใจถูกในสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ว่าเป็นเพียง ธรรม ไม่ใช่เรา จึงเป็นหนทางเดียว ที่ต้องอบรมเจริญให้มีขึ้น เพิ่มขึ้น จนกว่าจะดับความเห็นผิด เป็นอันดับแรกก่อน

กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณหมอเพิ่ม และ

ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของ อ. คำปั่น อ. ผเดิม และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
daris
วันที่ 14 ก.ย. 2555

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ประสาน
วันที่ 14 ก.ย. 2555

เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 6 คนที่จะไม่มีความเห็นผิด ก็ต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และต้องเป็น พระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีทางอื่นเลยจริงๆ และต้องฟังเป็นประจำ บ่อยๆ เนื่องๆ เท่าที่จะฟัง และศึกษาได้ ตามเหตุ ตามปัจจัย ตามการสะสม เพราะความเห็นผิด (ธัมมะ) ไม่มียาที่ไหนกินแล้วเกิดเป็นความเห็นถูก ไม่มีหมอคนไหน ที่สามารถผ่าตัด ฉายแสง ฆ่าเจ้าความเห็นผิดได้เลย นอกจากฟัง

พระธรรม ศึกษาพระธรรมจนกว่าจะละความไม่รู้ ละความเห็นผิดเท่านั้นจริงๆ ครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
jaturong
วันที่ 18 ก.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ