สัตว์เดียรัจฉาน

 
วิริยะ
วันที่  22 ต.ค. 2555
หมายเลข  21943
อ่าน  7,926

เรียนถาม

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันไม่เคยนำมาพิจารณา จึงขอเรียนถามเพื่อเป็นความรู้ค่ะว่า ถ้าสัตว์เดียรัจฉานฆ่ากันเอง สัตว์นั้นๆ จะบาปหรือไม่ ปรกติเวลาพูดถึงการกระทำที่เป็นกุศลและอกุศล มักจะนึกถึงแต่มนุษย์ และเข้าใจว่า สัตว์เดียรัจฉาน ไม่สามารถพัฒนาจิตใจได้ ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกหรือไม่อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 22 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์เดรัจฉาน ก็เป็นสิ่งมีชีวิตอีกภูมิหนึ่งซึ่งเป็นอบายภูมิที่เป็นภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ เมื่อเป็นสิ่งมีชีวิต ก็จะต้องมี จิต เจตสิก และ รูป ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ เพราะฉะนั้น สัตว์เดรัจฉาน ก็ต้องมี จิต เจตสิก รูป สัตว์เดรัจฉานก็มีการเห็น ที่เป็นจิตเห็น มีการได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการทำหน้าที่ของ จิต เจตสิก และสัตว์เดรัจฉานก็มีการคิดนึก โดยที่ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ก็คิดนึก ดังเช่นมนุษย์ได้เช่นกัน เพราะ ก็มีจิตเช่นกัน ที่สำคัญ เมื่อสัตว์เดรัจฉานเห็นแล้ว ก็คิดนึกเป็นรูปร่างสัณฐาน เห็นเป็นสัตว์ประเภทเดียวกัน เห็นเป็นสัตว์ประเภทอื่นๆ เห็นเป็นมนุษย์ เป็นต้น และก็มีการคิดนึก และ มีชวนจิต หลังจากเห็นแล้ว เป็นกุศลจิตก็ได้ อกุศลจิตก็ได้ ตามการสะสมมาของสัตว์ประเภทนั้น

เพราะฉะนั้นประเด็นที่ถามว่า ถ้าสัตว์เดียรัจฉานฆ่ากันเอง สัตว์นั้นๆ จะบาปหรือไม่

สัตว์เมื่อมีจิต เจตสิก ก็ต้องมีกุศลจิต อกุศลจิตเกิดได้ด้วย เมื่อเห็นแล้ว ก็เห็นเป็นรูปร่างสัณฐาน เป็นสมมติบัญญัติ เช่น สิงโต ก็เห็นกวาง และก็รู้โดยการคิดนึกว่า สัตว์นี้เป็นเหยื่อ จึงมีการกระทำทางกาย คือ การล่าเหยื่อ และทำการฆ่ากวางนั้น เมื่อมีจิต เจตสิก ก็ต้องมีเจตนาเจตสิกด้วย มีเจตนาฆ่ากวางนั้น ที่เป็น เจตนา ฆ่า เมื่อกวางหรือสัตว์ที่ถูกฆ่า ตายด้วยเจตนาฆ่า ก็เป็นบาป เป็นปาณาติบาตครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าสัตว์ประเภทอะไรก็ตามที่มีชีวิต มี จิต เจตสิก หากมีเจตนาฆ่า และ สัตว์อื่นๆ ตายลงก็บาป

สมดังที่ พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ครับว่า สัตว์ที่ตายจากสัตว์เดรัจฉาน โดยมากก็ไปเกิดในอบายภูมิ มี นรกและ สัตว์เดรัจฉานอีกจำนวนมาก เพราะเหตุที่ว่า ในสัตว์เดรัจฉานโดยมาก มักทำบาปกันเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง ครับ

ส่วนประเด็นที่ถามว่า

ปรกติเวลาพูดถึงการกระทำที่เป็นกุศลและอกุศล มักจะนึกถึงแต่มนุษย์ และเข้าใจว่าสัตว์เดียรัจฉาน ไม่สามารถพัฒนาจิตใจได้ ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกหรือไม่อย่างไร

- ตามที่กล่าวแล้วครับว่า สัตว์เดรัจฉาน มี จิต เจตสิก รูป ก็ต้องมีจิตที่เป็นกุศลจิตและอกุศลจิต แต่สัตว์เดรัจฉาน อาศัยปฏิสนธิที่ไม่ประกอบด้วยเหตุที่ดี เพราะ ภพภูมิที่เกิด จึงเป็นการยากที่จะเกิดกุศลจิต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดไม่ได้ แต่โดยมากจะมากไปด้วยอกุศลจิตเป็นส่วนใหญ่ เพราะ ความที่ภพภูมิที่เกิดและปฏิสนธินั้น ไม่ประกอบด้วยเหตุที่ดี คือ ไม่ประกอบด้วย เหตุ ที่เป็น อโลภะ อโทสะ อโมหะ แต่เป็นอเหตุกสัตว์ ครับ ต่างจากมนุษย์ ที่ไม่พิการตั้งแต่กำเนิด ปฏิสนธิประกอบด้วยเหตุที่ดี มี อโลภะ อโทสะ เป็นอย่างน้อย ก็เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลจิตได้ง่ายกว่าสัตว์เดรัจฉาน

และอีกนัยหนึ่ง สัตว์เดรัจฉาน ก็สามารถเกิดกุศลจิตประการต่างๆ ได้ เช่น ขั้นทาน ขั้นศีล และขั้นปัญญา ยกตัวอย่าง เช่น พระโพธิสัตว์ที่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็บำเพ็ญบารมี ให้ทาน ก็มี เมื่อคราวที่เป็นกระต่าย ก็สละชีวิตเป็นทาน รักษาศีล เมื่อคราวเป็นพญานาค และมีเมตตาก็ได้ เช่น เกิดเป็นลิง มีเมตตากับนายพรานผู้หลงทาง และ ขั้นปัญญา แต่เป็นปัญญาระดับใคร่ครวญ พิจารณาถูกต้อง ในขั้นคิดเรื่องราว แต่ไม่ใช่ปัญญาในการเจริญวิปัสสนาภาวนา นี่แสดงถึง กุศลจิตเกิดได้กับสัตว์เดรัจฉานแต่บางจำพวกกับผู้ที่สะสมปัญญามามาก มีพระโพธิสัตว์ ครับ

เพราะฉะนั้น เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว สัตว์เดรัจฉานไม่สามารถพัฒนาอบรมในขั้นปัญญาที่เป็นวิปัสสนาจนได้บรรลุธรรม เนื่องจากมีเครื่องกั้นคือปฏิสนธิจิตของสัตว์เดรัจฉานไม่ประกอบด้วยปัญญา จึงไม่สามารถบรรลุธรรมหรือเจริญจนได้ฌานได้ แต่หากเป็นมนุษย์ สามารถพัฒนาจนบรรลุธรรมได้หากปฏิสนธิด้วยปัญญาและเหตุปัจจัยพร้อม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

สัตว์เดรัจฉาน มี จิต ดังเช่น มนุษย์

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 343

ข้อความบางตอนจาก อรรถกถา คัททูลสูตร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายจะเศร้าหมอง เพราะจิตเศร้าหมอง จะผ่องแผ้ว เพราะจิตผ่องแผ้ว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่พิจารณาเห็น สัตว์อื่นแม้เหล่าเดียวที่จะวิจิตรเหมือนสัตว์เดียรัจฉานเหล่านี้นะภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลาย สัตว์เดียรัจฉานแม้เหล่านั้น วิจิตรแล้ว เพราะจิตนั่นเอง. จิตนั่นเอง ยังวิจิตรกว่าสัตว์เดียรัจฉานแม้เหล่านั้นแล.

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

สัตว์เดรัจฉานมีจิต เจตสิกหรือไม่

สัตว์เดรัจฉานมีจิตและเจตสิกเหมือนมนุษย์หรือไม่

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วิริยะ
วันที่ 22 ต.ค. 2555

เรียนถาม

ดิฉันยังมีความข้องใจเกี่ยวกับเรื่องพระโพธิสัตว์ที่เป็นสัตว์เดียรัจฉาน ดิฉันเข้าใจว่าการเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานนั้น ปฏิสนธิจิตต้องไม่ประกอบด้วยเหตุ จึงต้องเกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์และเทวดา ดังที่ท่านได้กรุณาอธิบายมา แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าสัตว์เดียรัจฉานนั้นๆ จะเป็นพระโพธิสัตว์ได้อย่างไร

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 22 ต.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

คำว่า โพธิสัตว์ โดยศัพท์ คือ ผู้ที่ข้องอยู่ในการบรรลุ ซึ่งก็ยังเป็นปุถุชน เป็นผู้มีกิเลสอยู่เต็มเป็นธรรมดา เพราะยังไม่ใช่พระอริยบุคคล ยังไม่ได้บรรลุธรรมครับ เพราะฉะนั้น ในเมื่อพระโพธิสัตว์ยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็ยังปิดประตูอบายไม่ได้ (พระโสดาบันปิดประตูอบาย ไม่ไปเกิดในอบายภูมิ) ดังนั้น พระโพธิสัตว์ไม่ได้ทำเฉพาะกุศลกรรมมาแล้วในอดีตเท่านั้น แต่ในอดีต ท่านก็เคยทำอกุศลกรรมด้วย ด้วยเหตุนี้ เมื่ออกุศลกรรมให้ผลก็จะต้องทำให้พระโพธิสัตว์ ไปเกิดในอบายภูมิ แม้แต่ นรก พระโพธิสัตว์ก็เคยเกิดมาแล้ว จะกล่าวไปไยถึงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน พระโพธิสัตว์ก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมาหลายชนิดหลายอย่าง เพราะบางคราวอกุศลกรรมให้ผล ทำให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ปัญญาที่สะสมมาของพระองค์ไม่ได้หายไปไหน ทำให้มีปัญญาสามารถเกิดจิตที่เป็นกุศล ทำคุณความดีประการต่างๆ ได้ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วิริยะ
วันที่ 22 ต.ค. 2555

เรียนถาม

ถ้าพูดถึงเรื่องของปัญญา มนุษย์ที่ปฏิสนธิจิตไม่ประกอบด้วยปัญญา และสัตว์เดียรัจฉาน อย่างไรเสีย ปฏิสนธิจิตก็ไม่ประกอบด้วยปัญญาอยู่แล้ว ในแง่นี้ ก็คงไม่ต่างกันในเรื่องของการบรรลุธรรม เป็นเช่นนั้นหรือไม่คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 22 ต.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 4 ครับ

ถูกต้อง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิริยะ
วันที่ 22 ต.ค. 2555

เรียนถาม

จากคำตอบในความเห็นที่ 5

มนุษย์ต่างจากสัตว์เดรัจฉานอย่างไร ถ้าไม่กล่าวถึงปฏิสนธิจิต มนุษย์ ได้รับกุศลวิบาก ที่เหนือสัตว์เดรัจฉานหรืออย่างไรคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 22 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การฆ่า คือ เจตนาที่จะฆ่า ไม่ว่าจะเป็นใครฆ่า คือ มนุษย์ฆ่า สัตว์ดิรัจฉานฆ่า ก็เป็นบาปทั้งนั้น ดังนั้น สัตว์ดิรัจฉานฆ่ากันเองก็เป็นบาป เพราะเมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่ธรรมเท่านั้น การฆ่าก็เป็นธรรม แต่เป็นธรรมฝ่ายดำ เป็นอกุศล เมื่ออกุศลกรรม มีแล้ว ผลคืออกุศลวิบากก็ย่อมเกิดขึ้นตามสมควรแก่เหตุ

จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาจริงๆ สำหรับสัตว์ดิรัจฉาน เพราะโดยมากแล้ว จากอบายภูมิก็ไปสู่อบายภูมิ ยากที่จะพ้นไปได้ เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ฆ่ากันเอง เป็นอกุศลกรรม เมื่ออกุศลกรรมให้ผลก็ทำให้เกิดในอบายภูมิอีก ไม่พ้นจากอบายภูมิเลย เต็มไปด้วยภัยสารพัด และประการที่สำคัญที่ยังมีการเกิดก็เป็นเพราะว่ายังมีกิเลสอยู่นั่นเอง

ถ้าจะกล่าวตามความเป็นจริงแล้ว ที่เรียกว่า เป็นสัตว์ดิรัจฉาน หรือ เป็นมนุษย์ ก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรม ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไป มีความเสมอกันอย่างนี้ แต่ที่แตกต่างกันก็คือการสะสม และการได้รับผลของกรรม การเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นได้ด้วยผลของอกุศลกรรม ส่วนการเกิดเป็นมนุษย์ เป็นได้ด้วยผลของกุศลกรรม ตลอดจนถึงการสะสม ก็แตกต่างกันไปด้วย

แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง ก็ยังแตกต่างกัน มีความประพฤติเป็นไปแตกต่างกัน ตามการสะสมจริงๆ ครับ.

ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่นี่ครับ

การเกิดของสัตว์เดรัจฉานกับมนุษย์ ต่างกันที่ปฏิสนธิจิต

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 22 ต.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 6 ครับ

อีกนัยหนึ่ง ก็ถูกต้องครับ เพราะ การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสุคติภูมิ ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ได้รับกุศลวิบาก อกุศลวิบาก ประการหนึ่ง คือ คติ คือ ภพภูมิที่เกิด หากเกิดในสุคติภูมิ ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้รับผลของกุศลกรรมได้มากกว่า ทุคติภูมิ มี นรก สัตว์เดรัจฉาน ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วิริยะ
วันที่ 22 ต.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 18 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 3 ก.ย. 2564

ขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ