จิต เกิดที่ศีรษะ ได้หรือไม่

 
govit2553
วันที่  3 ม.ค. 2556
หมายเลข  22280
อ่าน  1,489

"จิตอาศัยรูปใดย่อมเกิดขึ้น รูปนั้นเป็นปัจจัยแก่จิตโดยความเป็นที่อาศัย "จึงอาจสรุปว่า ที่อาศัยของมโนวิญญาณ อาจเป็นอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นหัวใจหรือศีรษะก็ได้ (สมอง) สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์จะให้หัวใจเป็นที่ตั้งของจิตก็อาจกำหนดให้หัวสมองเป็นที่ตั้งของจิตก็ได้ ไปอ่านเจอ ความคิดแบบนี้มา ไม่ทราบ จริงแท้ ประการใดครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิตต้องเกิดที่รูป หมายความว่า ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ครบ คือ มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ กล่าวคือ อบายภูมิ สุคติภูมิ และ รูปพรหมภูมิ ยกเว้น อสัญญสัตตาพรหมภูมิ ซึ่งมีเพียงรูปธรรม [ไม่ใช่ภูมิที่มีขันธ์เดียว คือ อสัญญสัตตาพรหมภูมิ และไม่ใช่ภูมิที่มี ๔ ขันธ์ ซึ่งมีเฉพาะนามธรรม คือ อรูปพรมหมภูมิ] จิต ต้องมีที่เกิด และที่เกิดของจิต นั้น ก็คือวัตถุรูป ๖ รูป คือ จักขุวัตถุรูป เป็นที่เกิดของจักขุวิญญาณ โสตวัตถุรูป เป็นที่เกิดของโสตวิญญาณ ฆานวัตถุรูป เป็นที่เกิดของฆานวิญญาณ ชิวหาวัตถุรูป เป็นที่เกิดของชิวหาวิญญาณ กายวัตถุรูป เป็นที่เกิดของกายวิญญาณ และ หทยวัตถุรูป เป็นที่เกิดของจิตอื่นๆ ที่เหลือ และเมื่อกล่าวถึงจิตแล้ว ก็ย่อมหมายรวมถึงเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิตด้วย เช่น จักขุวิญญาณเกิดที่จักขุวัตถุรูป เจตสิกที่เกิดร่วมกับจักขุวิญญาณก็เกิดที่จักขุวัตถุรูปด้วย เพราะความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นเจตสิกธรรม คือ เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกันกับจิต และในภูิมิที่มีขันธ์ ๕ ก็อาศัยที่เกิดที่เดียวกันกับจิต ด้วย

ดังนั้น ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิต (และเจตสิก) ย่อมเกิดที่วัตถุรูป รูปใดรูปหนึ่งตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ ซึ่งจากคำกล่าวที่ว่า จึงอาจสรุปว่า ที่อาศัยของมโนวิญญาณ อาจเป็นอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นหัวใจหรือศีรษะ (สมอง) ก็ได้ สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์จะให้หัวใจเป็นที่ตั้งของจิต ก็อาจกำหนดให้หัวสมองเป็นที่ตั้งของจิตก็ได้


ก่อนอื่นก็เข้าใจ มโนวิญญาณ ว่า คือ อะไรก่อน มโนวิญญาณ คือ สภาพที่รู้แจ้งอารมณ์ทางใจ จิตซึ่งเกิดที่ใจ (หทยวัตถุ) หมายถึง จิต ๗๙ ดวง ยกเว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ ดวง เพราะจิต ๗๙ ดวงนั้นรู้อารมณ์ทางใจได้ด้วย (เว้นบางดวงที่รู้อารมณ์ทางใจไม่ได้ เช่น มโนธาตุ ๓ มหัคคตวิบากจิต ๙) และเกิดที่หทยวัตถุเป็นส่วนมาก (เว้นอรูปวิบากจิต ๔ ดวง ที่ไม่ต้องอาศัยวัตถุใดๆ เป็นที่เกิด) จิต ๘๙ ดวง จำแนกเป็น ๖ หมวดตามวัตถุ ๖ คือ

๑. จักขุวิญญาณ ๒ ดวง เกิดที่จักขุวัตถุ

๒. โสตวิญญาณ ๒ ดวง เกิดที่โสตวัตถุ

๓. ฆานวิญญาณ ๒ ดวง เกิดที่ฆานวัตถุ

๔. ชิวหาวิญญาณ ๒ ดวง เกิดที่ชิวหาวัตถุ

๕. กายวิญญาณ ๒ ดวง เกิดที่กายวัตถุ

๖. มโนวิญญาณ ๗๙ ดวง เกิดที่หทยวัตถุ

มโนวิญญาณจึงเป็นจิตที่รู้อามณ์ทางใจ และ เกิดที่หทยรูป ซึ่งหทยรูป โดยมากก็เป็นรูปที่อยู่บริเวณอวัยวะที่สมมติว่าหัวใจ แต่ไม่ได้หมายถึงหัวใจ แต่เป็นรูปที่เฉพาะต่างๆ ดังนั้น การที่จะบังคับให้มโนวิญญาณ เช่น โลภมูลจิต จิตที่ติดข้อง จะไปเกิดที่สมอง ไม่มีใครทำได้ เพียงแต่ว่าจะต้องเกิดที่หทยรูปเท่านั้น ซึ่งไม่มีใครกำหนดหรือบังคับสภาพธรรมได้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามปัจจัยและโดยมาก สมองก็เป็นการสมมติขึ้นของการประชุมรวมกันของรูป และโดยมาก สมองก็เป็นที่ตั้ของรูปต่างๆ และมีกายปสาทรูปเป็นส่วนมาก ไม่ใช่มีหทยรูปไปอยู่ที่สมองอย่างนั้น ครับ

เพราะฉะนั้น หากเข้าใจความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ย่อมจะเข้าใจถูกว่าไม่มีใครสามารถบังคับสภาพธรรมใดๆ ได้เลย ไม่มีเราที่จะกำหนด ให้สภาพธรรมเป็นไปตามใจชอบ การเข้าใจอย่างนี้ ย่อมจะไม่ไปบังคับสภาพธรรม แต่สิ่งที่สำคัญ คือ เข้าใจความเป็นไปของสภาพธรรมตามความเป็นจริง และทำให้เข้าใจถูกว่าไม่มีเรา เมื่อไหร่ไม่บังคับ ก็เริ่มเข้าใจถูก และอบรมเหตุ คือ การฟัง การศึกษาพระธรรม อันจะเป็นปัจจัยให้ปัญญาเจริญขึ้น ย่อมเป็นหนทางที่ถูก และ ถึงการดับกิเลสได้หมดสิ้น ครับ

เชิญคลิกฟังที่นี่ ครับ

วัตถุที่เป็นที่เกิดของจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕

วัตถุที่เป็นที่เกิดของจิต กับ ทวารเป็นทางให้จิตรู้อารมณ์

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 4 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 4 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเป็นจริงของธรรม ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิต (สภาพธรรมที่มีจริง เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) จะต้องเกิดที่รูป รูปหนึ่งรูปใด อันเป็นวัตถุรูปที่เกิดของจิต ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ โดยไม่สับสนปะปนกัน ได้แก่ จักขุปสาทะ (ตา) เป็นที่เกิดของจิตเห็น และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย โสตปสาทะ (หู) เป็นที่เกิดของจิตได้ยิน และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย ฆานปสาทะ (จมูก) เป็นที่เกิดของจิตได้กลิ่นและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย ชิวหาปสาทะ (ลิ้น) เป็นที่เกิดของจิตลิ้มรส และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย กายปสาทะ (กาย) เป็นที่เกิดของจิตที่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย จิตที่เหลือนอกจากนี้ เกิดที่หทยวัตถุ นี้คือ กล่าวถึงในภูมิที่มีขันธ์ ๕

แต่ถ้าเป็นในอรูปพรหมภูมิแล้ว ไม่มีรูปธรรมใดๆ เกิดขึ้นเลย จิตและเจตสิกอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ไม่มีธรรมแม้แต่อย่างเดียวที่เกิดเองโดยปราศ จากเหตุปัจจัย ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

มโนวิญญาณ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 4 ม.ค. 2556

จิตเกิดที่ไหน ดับที่นั่น ไม่สามารถย้ายไปจุดต่างๆ ไปที่ศีรษะได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 5 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 5 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่มีใครบังคับบัญชาได้แล้วแต่เหตุปัจจัย"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kinder
วันที่ 6 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ดอกบัวบาน
วันที่ 11 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 21 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ