การล่วงกาเมสุมิจฉาจาร
กราบสวัสดีท่านวิทยากร และมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน
อยากจะขอเรียนถามเรื่องศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารหน่อยครับ คือได้อ่านตามในกระทู้ก่อนๆ แล้วเข้าใจดังนี้ว่า การจะล่วงศีลได้มีข้อพิจารณาหลักคือ
สำหรับเพศชาย ต้องมีการก้าวล่วงในบุคคลผู้เป็นบุคคลต้องห้าม หรืออคมนียวัตถุ ได้แก่ หญิง 20 จำพวก ดังที่ทรงแสดงไว้
สำหรับเพศหญิง จะล่วงได้ต่อเมื่อตนมีสามีแล้ว หากยังไม่มีพันธะกับชายใด เมื่อก้าวล่วงในชายอื่น ก็ไม่ชื่อว่ากระทำกาเมสุมิจฉาจารแต่ประการใด แม้ชายนั้นจะมีภรรยาแล้วก็ตาม และเพศเดียวกัน เมื่อเสพเมถุนธรรม ก็ไม่ชื่อว่ากระทำกาเมสุมิจฉาจาร
เข้าใจดังนี้ถูกหรือไม่ครับ ทีนี้สงสัยว่า เหตุใดหญิงไม่มีสามี แม้จะไปยุ่งกับชายอื่นที่มีสามีแล้ว ก็ไม่ชื่อว่ากระทำกาเมสุมิจฉาจารเช่นเดียวกับเพศเดียวกัน ทั้งๆ ที่ก็เสพเหมือนกัน มีอกุศลจิตปรารถนาในรูป ปรารถนาในกามแบบเดียวกัน มีความพยายามเหมือนๆ กัน แต่เพราะเหตุว่าเพียงไม่ใช่อคมนียวัตถุ ก็ไม่ชื่อว่ากระทำผิดกาเมสุมิจฉาจารอย่างนั้นหรือครับ ข้อนี้เพราะเหตุใดครับ เหตุใดจึงจำเพาะไว้เฉพาะอคมนียวัตถุเท่านั้น แล้วหากเป็นกระเทยแปลงเพศแล้ว จะจัดเป็นบุคคลจำพวกใด จะถือเป็นหญิงมีบิดามารดารักษา หรือก็ถือเป็นชายตามปกติ
อีกข้อนึงครับ เคยเข้าใจว่ากาเมสุมิจฉาจาร หมายรวมการล่วงละเมิดในทรัพย์ของผู้อื่นแต่ไม่ถึงกับขโมย เช่น การขีดเขียนผนัง การทำลายข้าวของผู้อื่น ข้อนี้ไม่ทราบว่า ผิดถูกประการใด และหากไม่ใช่ การกระทำดังกล่าวผิดอกุศลกรรมบถข้อใดครับ
ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากคำกล่าวที่ว่า
สำหรับเพศชาย ต้องมีการก้าวล่วงในบุคคลผู้เป็นบุคคลต้องห้าม หรืออคมนียวัตถุ ได้แก่ หญิง 20 จำพวก ดังที่ทรงแสดงไว้ สำหรับเพศหญิง จะล่วงได้ต่อเมื่อตนมีสามีแล้ว หากยังไม่มีพันธะกับชายใด เมื่อก้าวล่วงในชายอื่น ก็ไม่ชื่อว่ากระทำกาเมสุมิจฉาจารแต่ประการใด แม้ชายนั้นจะมีภรรยาแล้วก็ตามและเพศเดียวกัน เมื่อเสพเมถุนธรรมก็ไม่ชื่อว่ากระทำกาเมสุมิจฉาจารเข้าใจดังนี้ ถูกหรือไม่ครับ
ถูกต้อง ครับ
ทีนี้สงสัยว่า เหตุใด หญิงไม่มีสามี แม้จะไปยุ่งกับชายอื่นที่มีสามีแล้ว ก็ไม่ชื่อว่ากระทำกาเมสุมิจฉาจารเช่นเดียวกับเพศเดียวกัน ทั้งๆ ที่ก็เสพเหมือนกัน มีอกุศลจิตปราถนาในรูป ปรารถนาในกามแบบเดียวกัน มีความพยายามเหมือนๆ กัน แต่เพราะเหตุว่าเพียงไม่ใช่อคมนียวัตถุ ก็ไม่ชื่อว่ากระทำผิดกาเมสุมิจฉาจารอย่างนั้นหรือครับ ข้อนี้เพราะเหตุใดครับ เหตุใดจึงจำเพาะไว้เฉพาะอคมนียวัตถุเท่านั้น
ประเด็นของการล่วงศีลข้อ 3 นั้น มีความเป็นเจ้าของผัสสะเกี่ยวข้องอยู่ด้วยครับ สำหรับเพศหญิงที่ยังไม่ได้มีสามี เจ้าของผัสสะเป็นของๆ ตน ตนเป็นเจ้าของผัสสะ เพราะฉะนั้นเมื่อล่วงเสพเมถุนกับชายอื่น จะมีภรรยาหรือไม่มีก็ตาม ไม่ชื่อว่าล่วงศีลข้อ 3 ด้วยเหตุผลที่ ตนเองคือ ผู้หญิงยังเป็นเจ้าของผัสสะอยู่ เพราะยังไม่มีสามี แต่เมื่อใดที่ผู้หญิงแต่งงานแล้ว ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของตนเองคือ ผัสสะ แล้ว แต่สามีเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้นหากภรรยาไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของ ผู้เป็นสามีก่อน ย่อมล่วงศีลข้อ 3 ได้ เพราะล่วงละเมิดผู้เป็นเจ้าของคือ สามี ครับ แต่หากได้รับอนุญาตจากสามี การไปร่วมกับชายอื่น ไม่ถือว่าผิดศีล เพราะเจ้าของอนุญาตในข้อนี้
ส่วนเพศเดียวกัน ที่ไม่ผิดศีล แม้ร่วมเสพเมถุนในเพศคฤหัสถ์ เพราะด้วยมุ่งที่จะเสพเมถุนกับเพศตรงกันข้าม เป็นสำคัญ ครับ
แล้วหากเป็นกระเทยแปลงเพศแล้ว จะจัดเป็นบุคคลจำพวกใด จะถือเป็นหญิงมีบิดามารดารักษา หรือก็ถือเป็นชายตามปรกติ
กระเทยก็ต้องเป็นกระเทยที่เป็นผู้ชายอยู่ดี แม้อวัยวะจะเปลี่ยนไป แต่ปุริสภาวรูปยังอยู่ ก็ยังเป็นเพศชายครับ ไม่ได้ถือว่าเป็นหญิงที่มีเจ้าของ ครับ
อีกข้อนึงครับ เคยเข้าใจว่า กาเมสุมิจฉาจารหมายรวมการล่วงละเมิดในทรัพย์ของผู้อื่นแต่ไม่ถึงกับขโมย เช่น การขีดเขียนผนัง การทำลายข้าวของผู้อื่น ข้อนี้ไม่ทราบว่า ผิดถูกประการใด และหากไม่ใช่ การกระทำดังกล่าวผิดอกุศลกรรมบถข้อใดครับ
การทำลายทรัพย์ของผู้อื่น วัตถุเป็นทรัพย์ ไม่ใช่เป็นมนุษย์ที่เป็นเพศตรงกันข้าม การทำลายทรัพย์ย่อมผิดศีลข้อที่ 2 อทินนาทาน ครับ ไม่ใช่ข้อกาเมสุมิจฉาจาร ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ การผิดศีลข้อ 3 (กาเม...)
หญิง ๒๐ จำพวก ชื่อว่า อคมนียฐาน [ธรรมสังคณี]
ศีลข้อกาเม อะไรเป็นตัวตัดสิน กฎหมายหรือศีลธรรม
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ สำหรับเพศหญิงที่ไม่มีสามีและเพศเดียวกัน เมื่อเสพเมถุนธรรมกับผู้อื่น โดยฐานะที่ไม่ล่วงข้อกาเมสุมิจฉาจารจริง แม้จะไม่ล่วงเป็นอกุศลกรรมบถ จะชื่อว่าศีลข้อกาเมด่างพร้อยหรือเศร้าหมองได้หรือไม่ประการใดครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แต่ละบุคคลมีความประพฤติเป็นไปตามการสะสมจริงๆ และเป็นชีวิตประจำวัน ตราบใดที่ยังไม่สามารถดับกิเลสอะไรๆ ได้ กิเลสก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ติดข้องบ้าง โกรธบ้าง ตระหนี่บ้าง ริษยาบ้าง เป็นต้น ซึ่งหลากหลายมาก แต่ถ้ามีการล่วงละเมิดประพฤติเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ แล้ว นั่นแสดงถึงกิเลสที่มีกำลังมาก สำหรับการล่วงศีลข้อการประพฤติผิดในกามนั้น มีโอกาสผิดได้ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ถ้าเป็นผู้ประมาท หญิงที่มีสามีอยู่แล้ว ไปอยู่ร่วมกับชายอื่น (เสพเมถุน) ผิดศีลข้อนี้ แต่ถ้าเป็นหญิงที่ไม่มีสามี แม้จะอยู่ร่วมกับชายอื่น ตนเองก็ไม่ผิดศีล เพราะเป็นเจ้าของผัสสะ ยังไม่มีใครมาเป็นเจ้าของ แต่ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายชายผิดศีลข้อนี้ สำหรับฝ่ายชายแล้ว จะมีภรรยาอยู่แล้วหรือไม่มีภรรยาก็ตาม ถ้าไปล่วงในหญิงที่ไม่ควรล่วงละเมิด ก็ผิดศีลข้อนี้ เป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์ สามารถนำเกิดในอบายภูมิได้เลย จึงไม่ควรเห็นแก่ความสุขเพียงชั่วคราว แต่จะเป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์อย่างใหญ่หลวงในอบาย ซึ่งไม่คุ้มอย่างแน่นอน
ความติดข้องต้องการมีเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าสะสมมากขึ้นๆ มีกำลังขึ้น ก็สามารถล่วงศีลข้อต่างๆ ได้ เป็นการสะสมเหตุที่ไม่ดีให้กับตนเอง ที่ดีที่สุดแล้วคือ เป็นคนดี ฟังพระธรรมให้เข้าใจ น้อมประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงามเท่านั้น ควรที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะนำมาซึ่งความเดือดร้อนใจในภายหลังคือ อกุศลกรรม ครับ
จากประเด็นคำถามในความคิดเห็นที่ ๓ นั้น น่าพิจารณาว่า แม้จะไม่ใช่เป็นการผิดศีล แต่ก็เป็นไปด้วยอำนาจของอกุศล อกุศลไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมเป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ไม่บริสุทธิ์ทั้งนั้น ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอร่วมสนทนากับความเห็นที่ 3 ค่ะ
ขณะใดที่ไม่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา เป็นอกุศลจิต เป็นอกุศลศีล ถึงแม้ว่าศีลข้อสามแม้จะไม่ขาด ไม่ครบองค์ ก็เศร้าหมอง ค่ะ
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
ควรเข้าใจความจริงว่า สิ่งที่ทำให้เศร้าหมอง ด่างพร้อย ไม่บริสุทธิ์ คืออะไร นั่นคือ อกุศล กิเลสที่เกิดขึ้น อันเป็นสภาพธรรมที่เศร้าหมอง เพราะสภาพธรรมที่ทำให้บริสุทธิ์ คือ กุศลธรรม ปัญญาที่เกิดขึ้น ขณะที่ทำกายทุจริต วจีทุจริต แม้ไม่ถึงอกุศลกรรมบถ ก็ชื่อว่า ศีลด่างพร้อย ไม่บริสุทธิ์ เพราะทำด้วยอกุศลจิต ทำด้วยกิเลสที่เป็นสภาพธรรมที่เศร้าหมอง ด่างพร้อย ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า แม้การคิดถึงความยินดีพอใจในเรื่องต่างๆ ในขณะนั้น ก็ศีลด่างพร้อย ครับ
ขออนุโมทนา