สุภาสิตสูตร ... วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๖

 
มศพ.
วันที่  2 มี.ค. 2556
หมายเลข  22564
อ่าน  2,072

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ

ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••

..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

สุภาสิตสูตรที่ ๓

(ว่าด้วยวาจาเป็นสุภาษิต)

...จาก...

[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ หน้า ๔๑๑


(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันมาฆบูชา

วันจันทร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร

[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ หน้า ๔๑๑

สุภาสิตสูตรที่ ๓

(ว่าด้วยวาจาเป็นสุภาษิต)

[๓๕๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้.

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย วาจาอันประกอบด้วยองค์ ๔ เป็นวาจาสุภาษิต ไม่เป็นทุพภาษิต เป็นวาจาไม่มีโทษ และวิญญูชนไม่พึง ติเตียน องค์ ๔ เป็นไฉน? คือ ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมกล่าวแต่คำที่เป็นสุภาษิต ไม่กล่าวคำที่เป็นทุพภาษิต ๑ ย่อมกล่าวคำที่เป็นธรรม ไม่กล่าวคำที่ไม่เป็นธรรม ๑ ย่อมกล่าวแต่คำอันเป็นที่รัก ไม่กล่าวคำอันไม่เป็นที่รัก ๑ ย่อมกล่าวแต่คำสัตย์ ไม่กล่าวคำเหลาะแหละ ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย วาจาอันประกอบด้วยองค์ ๔ นี้แลเป็นวาจาสุภาษิต ไม่เป็นทุพภาษิต เป็นวาจาไม่มีโทษ และวิญญูชนไม่พึงติเตียน

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

สัตบุรุษทั้งหลาย ได้กล่าวคำอันเป็น

สุภาษิตว่าเป็นคำสูงสุด บุคคลพึงกล่าวแต่คำ

ที่เป็นธรรม ไม่พึงกล่าวคำที่ไม่เป็นธรรม

ข้อนั้นเป็นที่ ๒ บุคคลพึงกล่าวคำอันเป็นที่รัก

ไม่พึงกล่าวคำอันไม่เป็นที่รัก ข้อนั้นเป็นที่ ๓

บุคคลพึงกล่าวคำสัตย์ ไม่พึงกล่าวคำเหลาะ-

แหละ ข้อนั้นเป็นที่ ๔ ดังนี้.

[๓๕๗] ลำดับนั้นแล ท่านพระวังคีสะลุกจากอาสนะ ห่มจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประณมอัญชลีไปทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรมเทศนา ย่อมแจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์ ข้าแต่พระสุคต พระธรรมเทศนาย่อมแจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูกร วังคีสะ ธรรมเทศนาจงแจ่มแจ้งกะเธอเถิด

ลำดับนั้นแล ท่านพระวังคีสะ ได้ชมเชยด้วยคาถาทั้งหลาย อันสมควร ในที่เฉพาะพระพักตร์ว่า

บุคคล พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นเครื่อง

ทำตนให้เดือดร้อน และไม่พึงเบียดเบียน

ผู้อื่น วาจานั้นเป็นสุภาษิตแท้

บุคคล พึงกล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รัก

อันชนชื่นชม ไม่ถือเอาคำอันลามก กล่าว

วาจาอันเป็นที่รักของผู้อื่น

คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย ธรรมนี้

เป็นของเก่า สัตบุรุษทั้งหลายตั้งมั่นแล้วใน

คำสัตย์ ที่เป็นอรรถและเป็นธรรม

วาจาที่พระพุทธเจ้าตรัส เป็นวาจา

เกษม เพื่อบรรลุนิพพาน เพื่อกระทำให้แจ้ง

ซึ่งที่สุดทุกข์ วาจานั้นแล เป็นวาจาสูงสุดกว่า

วาจาทั้งหลาย.

จบสุภาสิตสูตรที่ ๓.

ข้อความจากอรรถกถาขอเชิญคลิกอ่านได้ที่นี่

อรรถกถาสุภาสิตสูตร [ขุททกนิกาย สุตตนิบาต]

ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่าน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 2 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

สุภาสิตสูตร

(ว่าด้วยวาจาเป็นสุภาษิต)

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงวาจาที่เป็นวาจาสุภาษิต ว่าเป็นคำพูดที่ประกอบด้วยองค์ ๔ อันเป็นคำที่ไม่ใช่คำทุพภาษิต เป็นคำที่ไม่มีโทษ เป็นคำที่ผู้รู้ไม่ติเตียน ได้แก่

-พูดคำสุภาษิต (คำพูดที่กล่าวดีแล้ว) ไม่พูดคำที่เป็นทุพภาษิต คือ คำพูดที่ไม่ดี

-พูดคำที่เป็นธรรม ไม่พูดคำที่ไม่เป็นธรรม

-พูดคำที่เป็นที่รัก ไม่พูดคำที่ไม่เป็นที่รัก

-พูดคำสัตย์ คือ คำจริง ไม่พูดคำเหลาะแหละ

ต่อจากนั้น พระองค์ได้ตรัสพระคาถาสรุปถึงวาจาที่เป็นสุภาษิต ในขณะนั้น ท่านพระวังคีสเถระ ได้ฟังพระภาษิตของพระองค์แล้ว ได้กราบทูลชมเชยพระองค์ด้วยคาถา ว่า บุคคล พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นเครื่องทำตนให้เดือดร้อน และไม่พึงเบียดเบียนผู้อื่น วาจานั้นเป็นสุภาษิตแท้ เป็นต้น (ตามที่ปรากฏในพระสูตร)

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ความบริสุทธิ์แห่งวาจา

วาจาสุภาษิต

พึงพิจารณา วาจาที่จะพูด [จูฬราุหุโลวาทสูตร]

ผู้ไม่สำรวมย่อมทิ่มแทงชนเหล่าอื่นด้วยวาจา

คำพูดที่ควรพูดและไม่ควรพูด

คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่ว นั้นไม่มี

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nopwong
วันที่ 3 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 3 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Noparat
วันที่ 3 มี.ค. 2556

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 4 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 4 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 5 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
tusaneenui
วันที่ 5 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ฐาณิญา
วันที่ 7 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
montha
วันที่ 9 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ