สัมมาสมาธิ

 
gboy
วันที่  4 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23002
อ่าน  2,373

จากข้อความ

สัมมาสมาธิ เป็นไฉน?.....ภิกษุในศาสนานี้ สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้วบรรลุปฐมฌาน ที่มีวิตกมีวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่....บรรลุจตุตถฌาน

ที่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขและทุกข์ได้ เพราะโสมนัสและโทมนัสดับสนิทในก่อน

มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่ นี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ สภาวธรรมนี้เรียกว่า ทุกขนิโรธ

คามินีปฏิทาอริยสัจ.

ขอเรียนถามว่า สัมมาสมาธิต้องบรรลุปฐมฌานเป็นอย่างน้อยใช่หรือไม่ครับ และการบรรลุปฐมฌานคือต้องเจริญสมถภาวนาเท่านั้นใช่หรือไม่ครับ ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 5 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กอ่นอื่นก็ต้องเข้าใจตั้งแต่คำว่า สมาธิ ว่าสมาธิ คือ อะไร? สมาธิเป็นความตั้งมั่น

ในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ เอกัคคตาเจตสิก ซึ่งเป็น

เจตสิกธรรมหนึ่งที่จะต้องเกิดร่วมกับจิตทุกขณะ ทุกประเภท ไม่มีเว้น ดังนั้นทุกขณะ

มีสมาธิ เกิดแน่นอน แต่ที่น่าพิจารณาคือ ถ้าเกิดกับอกุศล ก็เป็นมิจฉาสมาธิ ในทาง

ตรงกันข้ามถ้าเกิดกับกุศล ก็เป็นสัมมาสมาธิ เพราะเป็นความถูกต้อง ในขณะที่เป็น

กุศล จะเป็นอกุศลไม่ได้

แต่เมื่อกล่าวโดยละเอียดลงไปแล้ว สัมมาสมาธิ หมายถึงนัยที่เป็นไปกับด้วย

การอบรมเจริญภาวนา ๒ อย่างที่เป็นสมถภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา, การอบรม

ความสงบของจิต ที่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างกุศลกับอกุศล พร้อมทั้งรู้ด้วยว่า

มีทางที่จะทำให้สงบระงับจากอกุศลได้ ก็เจริญสมถภาวนาเป็นไปในอารมณ์

ที่ทำให้เกิดกุศลจิตติดต่อกันไป จนปรากฏลักษณะของความตั้งมั่นที่เป็นสมาธิ

จนได้ฌานขั้นต่างๆ อย่างนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ที่เป็นไปกับด้วยการอบรม

เจริญสมถภาวนา ซึ่งจะขาดปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกไม่ได้

ส่วนสัมมาสมาธิที่เป็นไปกับด้วยการอบรมเจริญวิปัสสนานั้น ในขณะที่สติปัฏฐาน

เกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง ขณะนั้น

สัมมาสมาธิก็ตั้งมั่นในอารมณ์ที่สติระลึกและปัญญารู้ตามความเป็นจริง ซึ่งจะเกิด

พร้อมกับมรรคองค์อื่นๆ และเจตสิกธรรมประเภทอื่นๆ และเกิดร่วมกับจิตด้วย เป็น

ความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมทั้งหมด ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร

ทั้งสิ้น

เมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว ก็จะไม่เข้าใจผิดว่า ก่อนจะเจริญสติปัฏฐาน ก็

ต้องเจริญฌานก่อน แท้ที่จริงแล้วการอบรมเจริญฌาน เป็นอัธยาศัยของแต่ละบุคคล

ซึ่งไม่เหมือนกันเลย แม้ไม่ได้เจริญฌาน ก็ไม่ได้เป็นเครื่องกั้นการเจริญขึ้นของ

ปัญญาที่เป็นไปในการรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้เลย สำคัญที่การมีโอกาส

ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

ดังนั้น จากประเด็นคำถาม ก็พอจะสรุปได้ ตามความคิดเห็นได้กล่าวไปแล้ว ว่า

สัมมาสมาธิเป็นอย่างไร แม้ไม่ได้บรรลุปฐมฌานขึ้นไป ก็มีสัมมาสมาธิได้ และ

การที่จะได้บรรลุฌานขั้นต่างๆ นั้น ก็ต้องเป็นผู้อบรมเจริญสมถภาวนา ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

สัมมาสมาธิ

สัมมาสมาธิเป็นอย่างไร

สมาธินั้น...แค่ไหนจึงเป็นมิจฉาสมาธิ แค่ไหนจึงเป็นสัมมาสมาธิ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 7 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัมมาสมาธิ คือ สมาธิ ที่เป็นไปในการเจริญภาวนา ซึ่งไม่ได้หมายความว่า สัมมา

สมาธิ จะต้องได้ฌานเท่านั้น จึงจะเป็นสัมมาสมาธิ แต่ สัมมาสมาธิที่เป็นไปในการ

อบรมเจริญปัญญา ที่เป็น วิปัสสนา ภาวนา ขณะที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง

ในขณะนี้ ขณะนั้น ก็มีสมาธิ ที่เป็นการตั้งมั่นในอารมณ์ แต่เป็น ขณิกสมาธิเท่านั้น

คือ สมาธิชั่วขณะ แต่ก็เป็นสัมมาสมาธิ ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นสัมมาสมาธิ เพราะ มี

ปัญญาที่รู้ความจริง อันเป็นหนทางการดับกิเลส จึงเป็นสมาธิที่ชอบ เป็นสมาธิที่ถูก

ทาง เพราะ เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกิเลส และ ปัญญาในขณะนั้น แม้จะเกิด

สมาธิเพียงชั่วขณะจิตก็ตาม

สรุปได้ว่า สัมมาสมาธิ โดยมาก กล่าวถึง การที่มีปัญญาเป็นสำคัญในขณะนั้น

เมื่อมีปัญญารู้ความจริง ทำให้สงบจากกิเลส หรือ ค่อยๆ ละกิเลส สมาธินั้น เป็น

สัมมาสมาธิโดยชอบ เพราะ พร้อมกับปัญญา และ ถึงการสงบ ระงับกิเลส และ

ถึงการดับกิเลสด้วยสมาธิที่เกิดกับปัญญาในขณะนั้น แม้จะเป็นเพียงสมาธิชั่วขณะ

แต่ก็เป็นสัมมาสมาธิได้ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
gboy
วันที่ 7 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
gboy
วันที่ 7 มิ.ย. 2556

ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับ จากข้อความ....

ว่าด้วยนิเทศสัมมาสมาธิ....อย วุจจติ สมมาสมาธิ (นี้เรียกว่าสัมมาสมาธิ) ความว่า เอกัคคตา (สมาธิจิต) ในฌาน๔ เหล่านี้ เราเรียกชื่อว่า สัมมาสมาธิ เป็นโลกิยะในส่วนเบื้องต้น แต่ในกาลภายหลังเป็นโลกุตตระ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงมรรคสัจจะด้วย

สามารถเป็นโลกิยะและโลกุตตระ ด้วยประการฉะนี้.

เข้าใจว่า หมายความถึงกรณีที่ได้โลกียฌานเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาจนบรรลุมรรคผล (โลกุตตรฌาน) แต่ไม่ได้อธิบายกรณีที่ไม่ได้โลกียฌานมาก่อน ผมสงสัยว่าในตำรามีอ้างอิงกรณีนี้หรือไม่ครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 14 มิ.ย. 2556

ในพระไตรปิฏกแสดงไว้ บางคนก่อนบรรลุไม่ได้เจริญ หลังบรรลุจึงจะเจริญ

เช่น พระสารีบุตรค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 17 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
gboy
วันที่ 17 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณครับ พอดีผมเจอหลักฐานที่เคยมีผู้ตอบ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค หน้า๔๑๘

[๔] ภิกษุนั้นเจริญสมถะมีวิปัสสนานำหน้า เป็นอย่างไร

คือ ชื่อว่าวิปัสสนา เพราะมีสภาวะพิจารณาเห็นโดยความไม่เที่ยง... โดยความเป็นทุกข์...โดยความเป็นอนัตตา สภาวะที่จิตมีการปล่อยธรรมทั้งหลายที่เกิดในวิปัสสนานั้นเป็นอารมณ์ และสภาวะที่จิตเป็นเอกัคคตารมณ์ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นสมาธิ วิปัสสนาจึงมีก่อน สมถะมีภายหลัง ด้วยประการดังนี้ เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่าเจริญสมถะมีวิปัสสนานำหน้า

เลยคัดมาเพื่อร่วมแสดง ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ