อวิชชา เป็นปัจจัยแก่สังขาร

 
WS202398
วันที่  9 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23026
อ่าน  2,378

อวิชชา เป็นปัจจัยแก่สังขาร อย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปฏิจจสมุปปาท คือ ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นนั้น ก็เป็นกิเลสวัฏฏ์กัมมวัฏฏ์ และวิปากวัฏฏ์ คือ อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร (กิเลสวัฏฏ์เป็นปัจจัยให้เกิดกัมมวัฏฏ์) สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ (กัมมวัฏฏ์เป็นปัจจัยให้เกิดวิปากวัฏฏ์)

อวิชชา คือ โมหเจตสิก เป็นอกุศลธรรมที่ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นกิเลสวัฏฏ์ที่เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร

สังขารที่เป็นผลของอวิชชา มี ๓ คือ ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร

ปุญญาภิสังขาร ได้แก่ เจตนาที่กระทำกุศลกรรมที่เนื่องกับรูป คือกามาวจรกุศลกรรมและ รูปาวจรกุศลกรรม

อปุญญาภิสังขาร ได้แก่ เจตนาที่กระทำอกุศลกรรม

อเนญชาภิสังขาร ได้แก่ เจตนาที่เป็นอรูปาวจรกุศลกรรมคือ อรูปฌานกุศล ๔

อวิชชา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นกิเลสประเภทหนึ่งในบรรดากิเลสทั้งหลาย มีโลภะ โทสะ เป็นต้น ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ อวิชชา ก็ยังมีอยู่ เป็นเหตุให้เกิดสังขาร คือ กระทำกรรม ที่เป็นบุญบ้าง เป็นบาปบ้าง

สังขาร คือ เจตนาเจตสิกที่เป็นในการทำกุศลกรรม และ อกุศลกรรม สังขาร จึงไม่ใช่หมายถึง กิเลสครับ แต่หมายถึง เจตนาเจตสิกในการทำกุศล หรือ กุศลครับ ซึ่ง เพราะอาศัย การกระทำกุศลกรรม และ อกุศลกรรมในอดีต เช่น มีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น ในอดีตเป็นปัจจัยเกิด วิญญาณ คือ ปฏิสนธิจิต คือ การเกิดในนรกครับ

อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร โดยนัยที่ว่า เพราะความไม่รู้ อวิชชา ในอดีต เป็นปัจจัยให้มีการทำกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม (สังขาร) ในปัจจุบัน และเป็นปัจจัยให้มีการทำกุศลกรรม และ อกุศลกรรมในอนาคตด้วย (สังขาร) และ แม้อวิชชาในปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะ อวิชชา หรือ โมหะในอดีต เท่านั้น ก็เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร คือ เจตนาในการกระทำอกุศลกรรมด้วยครับ เพราะโมหเจตสิกเกิดกับจิตที่เป็นอกุศลทุกประเภทครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

ว่าด้วยอวิชชาเป็นปัจจัยแก่สังขารอย่างไร [วิภังค์]

เชิญคลิกฟังคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ที่นี่ ครับ

อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แสดงถึงความเป็นไปของธรรมอย่างแท้จริง เพราะอาศัย อวิชชา ความไม่รู้เป็นปัจจัย จึงทำให้มีการทำกุศลกรรม และ อกุศลกรรม ซึ่งถ้าจะพิจารณาจริงๆ แล้ว จะเห็นได้ว่า ถ้าหากไม่มีอวิชชา แล้ว ก็หมายถึงว่าดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความ เป็นพระอรหันต์ ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสหมดสิ้น ไม่มีอวิชชา เมือ่ไม่มีอวิชชา จึง ไม่มีกุศล กับ อกุศล เกิดขึ้นอีกเลย นี้คือ แสดงถึงความต่างที่เห็นอย่างชัดเจน ระหว่าง ผู้ที่ยังมีอวิชชา อยู่ กับผู้ที่ดับอวิชชาได้อย่างหมดสิ้น แล้ว เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังมีอวิชชาจึงยังเป็นปัจจัยให้มีการทำกุศลกรรม และ อกุศลกรรมได้ และ เมื่อมีการทำกุศลกรรม และอกุศลกรรม ที่เป็นเหตุแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลในภาย หน้าได้

ประโยชน์จริงๆ คือ ได้รู้ตัวเองว่า ยังเป็นผู้มีอวิชชาอยู่ หนทางที่จะเป็นไปเพื่อขัด เกลาความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย นั้น ก็คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา ซึ่งจะขาด การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ได้เลย ทีเดียว พระธรรมที่ได้ฟัง ได้ศึกษา ล้วนเป็น ไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก โดยตลอด ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

อวิชชา ความไม่รู้เป็นปัจจัยให้ทำบุญและทำบาป ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
WS202398
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณสำหรับคำตอบครับ

คือ ข้อความในพระอภิธรรม เข้าใจยากมาก อันเกิดจากความไม่คุ้นเคยในรูปแบบลำดับวิธีไวยากรณ์อธิบาย ศัพท์หลายศัพท์ที่ยังไม่รู้จัก และแต่ละศัพท์ก็มีนัยละเอียดของตัวเองด้วย แต่ตามที่ท่านอาจารย์เผดิม ย่อยอธิบายก็พอจะเริ่มเข้าใจบ้าง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
WS202398
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

กิเลสวัฏฏ์ กัมมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์ หมายถึงอะไรครับ

อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร (กิเลสวัฏฏ์เป็นปัจจัยให้เกิดกัมมวัฏฏ์)

อวิชชาเป็นกิเลสวัฏฏ์ และสังขาร คือกัมมวัฏฏ์ หรือครับ

จิตทุกดวง มีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย จิตทุกดวงเป็นสังขารหรือเปล่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
WS202398
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ ที่อธิบายว่า วิญญาณ คือ ปฏิสนธิจิต ซึ่งที่ได้ฟังมามีว่า ปฏิสนธิจิต มีกรรมปัจจัย (สังขารเป็นปัจจัย) แต่ในชาติหนึ่งๆ ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว และปฏิจจสมุปบาทจะหมุนไปอย่างไร ไปถึงตัณหา เป็นต้น เพราะเมื่อคนเกิดมาแ้ล้ว เกิดตัณหา นับครั้งไม่ถ้วน มันก็ขาดตอนขาดช่วงซิครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 11 มิ.ย. 2556

เรียนความเห็นทื 5 ครับ

จากคำถามที่ว่า กิเลสวัฏฏ์ กัมมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์ หมายถึงอะไรครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

กิเลสวัฏฏ์ - กัมมวัฏฏ์ - วิปากวัฏฏ์

กัมมวัฏฏ์

กิเลสวัฏฏ์

วิปากวัฏฏ์


จากคำถามที่ว่า

อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร (กิเลสวัฏฏ์เป็นปัจจัยให้เกิดกัมมวัฏฏ์) อวิชชาเป็นกิเลสวัฏฏ์ และสังขาร คือกัมมวัฏฏ์ หรือครับ เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ความจริงแห่งชีวิต ... ตอนที่ ๙๒ จิตตสังเขป (ปฏิจจสมุปปาท)

ความจริงแห่งชีวิต ... ตอนที่ ๙๑ จิตตสังเขป (สังสารวัฏฏ์)

เชิญคลิกฟังคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ที่นี่ ครับ

ปฏิจจสมุปปาท กับ กิเลสวัฏฏ์ กัมมวัฏฏ์ และ วิปากวัฏฏ์


จากคำถามที่ว่า

จิตทุกดวง มีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย จิตทุกดวงเป็นสังขารหรือเปล่าครับ

จิตทุกดวง มีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วยแต่ เจตนาเจตสิก ไม่จำเป็นจะต้องเป็น สังขาร ในปฏิจจสมุปบาท เพราะ สังขารในเจตนาเจตสิก หมายถึง เจตนาเจตสิก ที่ เกิดขึ้น กับ จิตที่เป็น กุศลกรรม และ เป็น อกุศลกรรม ที่เป็นไปในการนำเกิด ครับ ส่วน เจตนาเจตสิก ทีเ่กิดกับจิตเห็น เป็นต้น ที่เป็นจิตชาติวิบาก ไม่เป็น สังขาร ใน ปฏิจจสมุปบาท เพราะ ไม่นำมาซึ่งผล คือ ไม่ใช่ตัวเหตุ เพียงแต่เกิดร่วมกับ จิตนั้น และ เป็นชาติวิบาก ไม่ใช่ เป็น เจตนาเจตสิกที่ทำให้เกิดผล ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 11 มิ.ย. 2556
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 23026 ความคิดเห็นที่ 6 โดย WS202398

สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ ที่อธิบายว่า วิญญาณ คือ ปฏิสนธิจิต ซึ่งที่ได้ฟังมามีว่า ปฏิสนธิจิต มีกรรมปัจจัย (สังขารเป็นปัจจัย) แต่ในชาติหนึ่งๆ ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว และปฏิจจสมุปบาทจะหมุนไปอย่างไร ไปถึงตัณหา เป็นต้น เพราะเมื่อคนเกิดมาแ้ล้ว เกิดตัณหา นับครั้งไม่ถ้วน มันก็ขาดตอนขาดช่วงซิครับ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงความละเอียดของปฏิจจสมุปบาท โดยนัยที่ครอบคลุม ละเอียดลึกซึ้ง แม้แต่ วิญญาณ ก็ไม่ใช่เพียงปฏิสนธิจิตเท่านั้น แม้ วิญญาณ ที่เป็น จิตเห็น จิตได้ยิน เป็นต้น อันเป็นผลจาก กุศลกรรม อกุศลกรรม ที่เป็นสังขาร ก็เป็น วิญญาณ ในปฏิจจสมุปบาท และ นำมาซึ่ง นาม คือเจตสิกเกิดร่วมด้วย และ ในความ เป็นจริง เมื่อเห็นแล้ว ก็ สามารถเกิดตัณหา โลภะ ยินดี ติขดข้อง ในสิ่งทีเ่ห็นได้ ครับ ก็เป้นปัจจัยให้เกิด ตัณหา ในขณะปัจจุบันได้ ครับ ก็เป็นการสืบต่อ ปกฺจจสมุปบาทใน ชีวิตประจำวัน ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
bsomsuda
วันที่ 11 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
udomjit
วันที่ 14 มิ.ย. 2556

กราบเรียนถามว่า อะไรเป็นปัจจัยให่เกิดอวิชาค่ะ กราบขอบพระคุณต่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
paderm
วันที่ 14 มิ.ย. 2556

โดยนัยของสภาพธรรมจะวนเวียนกันไปซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงอีกนัยหนึ่ง อวิชชา เกิด เพราะนิวรณ์ 5 ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
nong
วันที่ 15 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Rodngoen
วันที่ 21 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 6 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ