กตัญญูกตเวทีบุคคล ๑ เป็นแก้วที่หาได้ยาก
เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน
กตัญญูกตเวทีบุคคล ๑ เป็นแก้วที่หาได้ยาก ขออาจารย์กรุณาช่วยอธิบายพระพุทธพจน์นี้ด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 79] พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เล่ม ๓ หน้า ๒๖๘
อีกนัยหนึ่ง บุคคลใด เมื่อผู้อื่นยังมิได้กระทำอุปการะเลย ไม่เพ่งเล็งถึงอุปการะที่ผู้อื่นกระทำในตน แล้วกระทำการอุปการะ ผู้นั้นก็ชื่อว่าบุพพการีเปรียบเหมือนบิดามารดาพวกหนึ่ง อาจารย์และอุปัชฌาย์พวกหนึ่ง บุพพการี บุคคลนั้น ชื่อว่าหาได้โดยยาก เพราะความที่สัตว์ทั้งหลายถูกตัณหาครอบงำไว้.
จากข้อความนี้แสดงครับว่า บุพพการี หาได้ยาก เพราะ ถูกตัณหา ความติดข้องครอบงำ ตามที่กล่าวแล้วครับ ส่วนใหญ่ที่ทำการช่วยเหลือก่อน ส่วนมากของสัตว์โลกก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ นั่นคือ ถูกตัณหาครอบงำ คือ ต้องการได้รับสิ่งตอบแทน จึงทำ ต้องการเป็นที่รัก และต้องการคำชม สรรเสริญ นี่ก็ชื่อว่าถูกตัณหา ครอบงำ โลภะครอบงำ การช่วยเหลือนั้น ไม่ชื่อว่า บุพพการี ครับ และ บางคนก็ไม่ช่วยเหลือเลย เพราะ ถูกตัณหาครอบงำ คือ ความรักตนเอง ไม่อยากให้ตนเองเหนื่อย เดือดร้อน รักตนเอง จึงไม่ช่วยก่อน ซึ่งส่วนมากสัตว์โลกทั้งหมดที่มี ก็ย่อมถูกตัณหาครอบงำ รักตนเองเป็นส่วนมาก และทำการช่วยเหลือก่อนเพราะหวังอะไรบางอย่างตามที่กล่าวมา ดังนั้น การช่วยเหลือก่อนด้วยกุศลจิต จึงหากได้ยาก บุคคลที่เป็นบุพพการีจึงหาได้ยากด้วยประการฉะนี้
[เล่มที่ 79] พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เล่ม ๓ หน้า ๒๖๘
บุคคลใด รู้อุปการะที่ผู้อื่นกระทำในตน ประกาศอยู่ซึ่งอุปการะที่เป็นไปตามสมควรแก่อุปการะที่ผู้อื่นกระทำแล้ว ผู้นั้นชื่อว่า กตัญญูกตเวทีเปรียบเหมือน บุคคลผู้ปฏิบัติชอบในมารดา และบิดา หรือในอาจารย์ และอุปัชฌาย์ทั้งหลาย กตัญญูกตเวทีบุคคลนั้น ชื่อว่า หาได้โดยยาก เพราะความที่สัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาครอบงำไว้
จากข้อความแสดงชัดเจนครับว่า กตัญญูกตเวที หาได้ยาก เพราะถูก อวิชชา ความไม่รู้ครอบงำ คือ ความกตัญญู คือ การทำการช่วยเหลือเพราะรู้คุณของบุคคลนั้น จึงทำด้วยกุศลจิต และประกาศคุณของผู้มีพระคุณด้วยกุศลจิต โดยมาก สัตว์โลกมากไปด้วยความไม่รู้ ผู้ที่รู้คุณและทำคุณ ย่อมที่จะคิดถูก เพราะ มีปัญญาเข้าใจถูกว่าเป็นผู้มีพระคุณ ควรทำ เพราะฉะนั้น สัตว์คิดได้เช่นนี้ ที่รู้คุณและทำคุณตอบ มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัตว์โลกทั้งหมด ที่มีความไม่รู้ครอบงำ จึงไม่รู้คุณของผู้อื่น หรือ แม้รู้ว่าผู้นี้มีคุณก็ตาม แต่ก็ไม่ทำตาม เพราะ ถูกกิเลส คือ ความไม่รู้ครอบงำอีก ที่จะไม่ทำกระทำดี ทางกาย วาจา ครับ บุคคลที่กตัญญูกตเวที จึงหาได้ยาก และ การประกาศคุณความดีของผู้มีพระคุณ ก็ต้องเป็นการประกาศคุณด้วยกุศล ผู้ที่ไม่รู้ มีมาก โดยมากสัตว์โลก กล่าวคุณความดี หรือ ความชั่วโดยมาก ก็ต้องเป็นความชั่ว เพราะฉะนั้นกตัญญูกตเวทีจึงหาได้ยาก และ แม้กล่าวสรรเสริญคุณความดีของคนอื่น แต่โดยมากกล่าวด้วยอกุศล ด้วยการให้ผู้นั้นรักตน หรือ ให้ผู้อื่นยกย่องสรรเสริญเป็นส่วนมาก ในสัตว์โลกทั้งหมด แต่กล่าวด้วยกุศลจิต รู้คุณจริงๆ โดยไม่หวังอย่างอื่น มีน้อย เมื่อเทียบกับสัตว์โลกอื่นๆ กตัญญูกตเวทีจึงหาได้ยากในโลก ด้วยประการฉะนี้
และข้อความในอรรถกถาอธิบาย อีกนัยหนึ่งที่ว่า ผู้แสดงธรรม ชื่อว่าบุพพการี. ผู้ปฏิบัติธรรมชื่อว่า กตัญญูกตเวที.
ผู้ที่แสดงธรรม ที่เป็นบุพพการี ก็หาได้ยากในโลก เพราะ ผู้ที่เข้าใจพระธรรมคำสอนหาได้ยาก แม้บางคนก็เข้าใจก็ไม่สามารถแสดงได้ก็มี ผู้ที่แสดงธรรมที่เป็นบุพพการีจึงหาได้ยาก ผู้ที่แสดงธรรม คือ เป็นผู้มีอุปการะก่อน คือ แสดงธรรมโดยไม่ได้หวังลาภสักการะ หรือ อย่างอื่น แต่แสดงธรรมเพื่อประโยชน์ของบุคคลนั้น บุพพการีจึงหาได้ยากในโลก โดยนัยนี้ ครับ
ผู้ปฏิบัติธรรมชื่อว่า กตัญญูกตเวที คือ ผู้ที่ฟังพระธรรมเข้าใจและ ประพฤติปฏิบัติตาม ก็ชื่อว่า เป็นผู้รู้คุณ รู้คุณของผู้ที่แสดง รู้คุณของพระธรรม จึงปฏิบัติ จึงชื่อว่า เป็นผู้ที่กตัญญู กตัญญูต่อผู้ที่แสดง และกตัญญูต่อพระธรรมนั่นเอง ผู้ที่ปฏิบัติธรรมประพฤติในกุศล หาได้ยากในโลก เมื่อเทียบกับสัตว์โลกที่มักทำอกุศลนั่นเอง ครับ กตัญญูกตเวทีจึงหาได้ยากในโลก โดยนัยนี้ ครับ
ข้อความในอรรถกถาอธิบาย อีกนัยหนึ่งที่ว่า
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อว่า บุพพการี ในโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก. พระอริยสาวก ชื่อว่า กตัญญูกตเวที.
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้วทรงแสดงความจริงให้สัตว์โลกได้รู้ตาม พระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลานานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ก็เพื่ออุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง สัตว์โลกที่เต็มไปด้วยกิเลสอกุศลประการต่างๆ มากมาย พอได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็สามารถขัดเกลาละคลายกิเลสจนกระทั่งสามารถดับได้จนหมดสิ้นในที่สุด พระมหากรุณาคุณของพระองค์ คือ ทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงเป็นบุพพการีที่สูงสุดโดยไม่มีใครเสมอเหมือน และในความกตัญญูกตเวทีนั้น พระองค์ก็ทรงเป็นยอดของบุคคลผู้กตัญญูกตเวทีที่กระทำตอบแทนต่อบุคคลผู้มีพระคุณ อย่างสูงสุด ด้วยการทรงแสดงพระธรรมโปรดพระพุทธบิดา คือ พระเจ้าสุทโธทนะ จนได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นและดับขันธปรินิพพาน ไม่เกิดอีกเลย ส่วนพระพุทธมารดา ที่ไปเกิดในสวรรค์ พระองค์ก็ทรงแสดงพระธรรมโปรด จนได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง
เมื่อกล่าวอย่างกว้างๆ แล้ว สำหรับบุคคลที่เป็นบุคคลผู้ที่หาได้ยาก ทั้งที่เป็นบุพพการี (ผู้ที่กระทำอุปการะมาก่อน) และ กตัญญูกตเวที (บุคคลผู้รู้อุปการะที่ผู้อื่นกระทำแล้ว กระทำตอบแทน) นั้น ก็เพราะสัตว์โลกสะสมอวิชชา ซึ่งเป็นความไม่รู้มากกว่าปัญญา สะสมกิเลสมากกว่าธรรมฝ่ายดี บุคคลผู้ที่เพียบพร้อมด้วยธรรมฝ่ายดี จึงมีน้อยกว่าสัตว์โลกที่มากไปด้วยกิเลสอกุศลทั้งหลายทั้งปวง ที่ไม่ได้รับการแนะนำในพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง อย่างเทียบกันไม่ได้เลย
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
ทำไมมารดาบิดาจึงเป็นผู้ที่กระทำตอบแทนบุญคุณได้ยากครับ
ความเข้าใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ... [กตัญญูคืออะไร ... ตอน ๖]
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อกล่าวโดยสภาพธรรมแล้ว ก็ไม่มีสัตว์บุคคล ตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป ที่มีการเรียกว่า เป็นคนกตัญญูกตเวที ก็เพราะธรรมฝ่ายดีเกิดขึ้นเป็นไปนั้นเอง เป็นความดีที่เห็นคุณที่ผู้อื่นกระทำแก่ตนแล้ว แล้วกระทำตอบแทน ถ้าหากว่าเป็นผู้เห็นคุณประโยชน์ของคุณความดี ชื่นชมในคุณความดี ก็ย่อมจะไม่ละเลยในการตอบแทนคุณความดีที่ผู้อื่นได้กระทำแก่ตน อันเป็นความประพฤติเป็นไปที่ดีงาม บุคคลผู้เป็นบัณฑิตในปางก่อน ก็เป็นแบบอย่างที่ดีในความเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที ตอบแทนคุณแก่ผู้มีคุณ เป็นบุคคลผู้หาได้ยากอย่างแท้จริง ซึ่งตรงกันข้ามกับคนอกตัญญูอย่างแท้จริงซึ่งถูกอกุศลครอบงำ ทำให้ไม่สำนึกในคุณความดีที่ผู้อื่นได้กระทำ ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านตัวอย่างของบุคคลผู้มีความกตัญญูกตเวที ได้ที่นี่ ครับ
บูชาผู้มีคุณ [ขุททกนิกาย ชาดก ติรีตีวัจฉชาดก]
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...