อิริยาบถปิดบังทุกข์
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
"อิริยาบถปิดบังทุกข์" พจนาท่านอาจารย์ ในพระอภิธรรมพื้นฐาน ๕๑๒ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยให้ความละเอียดในประโยคนี้ด้วยครับ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่ว่าอิริยาบถปิดบังทุกข์นั้น ต้องเข้าใจด้วยว่า หมายถึง ทุกขลักษณะของสภาพธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะทุกขเวทนา แม้ว่าขณะนี้จะนั่ง นอน ยืน เดิน โดยยังไม่เมื่อย อิริยาบถก็ปิดบังทุกขลักษณะ ซึ่งเป็นการเกิดดับของนามธรรมและรูปธรรม ที่เกิดรวมกันในอิริยาบถนั้นๆ ปัญญาที่ประจักษ์แจ้งการเกิดดับของนามธรรมและรูปธรรมนั้น ไม่ใช่รู้อิริยาบถหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นอีกอิริยาบถหนึ่ง จึงกล่าวว่าอิริยาบถปิดบังทุกข์ และถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะต้องกล่าวว่าการเปลี่ยนอิริยาบถปิดบังทุกข์ ซึ่งไม่ใช่รู้ว่าอิริยาบถนั้นเองปิดบังทุกข์ แต่ที่พระธรรมแสดงว่าอิริยาบถปิดบังทุกข์นั้นก็เพราะการเกิดรวมกันของนามรูปเป็นอิริยาบถต่างๆ จึงปิดบังไม่ให้รู้ทุกขลักษณะของแต่ละรูปแต่ละนามที่กำลังเกิดดับอยู่ตลอดเวลา บางท่านสารภาพว่าเพิ่งนั่งใหม่ๆ พอถูกถามว่าเป็นทุกข์ไหม ก็ตอบว่าไม่เป็น เมื่อไม่เป็นทุกข์แล้ว อิริยาบถจะปิดบังทุกข์ได้อย่างไร เมื่อทุกข์ไม่มีจะกล่าวว่าอิริยาบถปิดบังทุกข์ไม่ได้ ต้องมีทุกข์อยู่จึงจะกล่าวได้ว่าอิริยาบถปิดบังทุกข์ ความจริงถึงแม้ว่าอิริยาบถใดไม่มีทุกขเวทนาเกิดขึ้น อิริยาบถนั้นก็ปิดบังทุกข์ไว้แล้วเพราะไม่เห็นการเกิดดับของนามรูปในขณะนั้น เมื่อไม่อบรมเจริญปัญญาให้รู้ลักษณะของนามและรูป ก็เข้าใจผิดว่ารู้ทุกข์ขณะที่พิจารณาก่อนเปลี่ยนอิริยาบถ แต่ว่ารู้ทุกข์อะไร ในเมื่อยังไม่รู้ลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตนของสภาพรู้ทางตากับสิ่งที่ปรากฏทางตา สภาพได้ยินกับเสียงที่ปรากฏทางหู สภาพรู้กลิ่นกับกลิ่น สภาพรู้รสกับรส สภาพรู้โผฏฐัพพะและโผฏฐัพพะ สภาพคิดนึกสุขทุกข์ต่างๆ
ขอเชิญคลิกอ่าน >> • ถามเรื่องอะไรคือ อิริยาบถปิดบังทุกข์
• ปัญญาไม่เลือกอิริยาบถ เพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
• เพิกอิริยาบถ [ตอน ๑...จำผิด]
• เพิกอิริยาบถ [ตอน ๒...จนกว่าจะชิน จนกว่าจะรู้ชัด] จบ
เชิญคลิกฟังธรรมที่นี่ครับ
• อิริยาบถปิดบังทุกขลักษณะอย่างไร
• ที่ว่ารู้ชัดในอิริยาบถคืออย่างไร
•ในขณะที่สภาพธรรมปรากฏโดยความเป็นอนัตตา ไม่มีอิริยาบถ
• สติระลึกรู้รูปที่ปรากฏทางทวารหนึ่งทวารใดเป็นการเพิกอิริยาบถ
• เพิกอิริยาบถ คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่มีการสมมติเรียกว่าเป็นอิริยาบถต่างๆ กล่าวคือ ยืน เดิน นั่ง นอน นั้นก็เพราะมีความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมที่ประชุมรวมกัน ซึ่งเกิดดับเป็นไปอย่างรวดเร็วสั้นแสนสั้น จึงทำให้หลงยึดถือว่า เป็นเรา เป็นสัตว์บุคคลที่ยืน เดิน นั่ง นอน ซึ่งปิดบังไม่ให้เห็นทุกขลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดดับตามความเป็นจริง ไม่ได้ใส่ใจในความเป็นจริงของธรรม ที่จะเพิกอิริยาบถได้ ก็ในขณะที่สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ในขณะนั้นไม่มีท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน ท่านอน มีแต่ธรรมที่กำลังปรากฏเช่น ในขณะที่ระลึกรู้สี ก็รู้ที่สีตามความเป็นจริง หรือในขณะที่ระลึกรู้แข็ง ก็รู้ที่แข็ง นั่นเอง ซึ่งจะขาดความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้นไม่ได้เลยทีเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือการฟังพระธรรมให้เข้าใจ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...