มหัตตสูตร และ ปหาตัพพสูตร ... วันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๗

 
มศพ.
วันที่  30 พ.ย. 2557
หมายเลข  25850
อ่าน  1,229

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

มหัตตสูตร และ ปหาตัพพสูตร

จาก...

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๘๐๖,๘๑๗

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๘๐๖

. มหัตตสูตร

(ว่าด้วยผู้ควรบรรลุความเป็นใหญ่ในธรรม)

[๓๕๑] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมบรรลุ

ความเป็นผู้มาก ความเป็นผู้ไพบูลย์ในธรรมทั้งหลาย ต่อกาลไม่นานนัก ธรรม ๖

ประการเป็นไฉน? คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มากด้วยความสว่างแห่งญาณ ๑

ย่อมเป็นผู้มากด้วยความเพียรเครื่องประกอบ ๑ ย่อมเป็นผู้มากด้วยความบันเทิงใจ

(ปีติและปราโมทย์) ๑ ย่อมเป็นผู้มากด้วยความไม่พอเพียงในกุศลธรรม

ย่อมเป็นผู้ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย ๑ และย่อมพยายามให้ยิ่งขึ้นไป ๑

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมบรรลุความ

เป็นผู้มาก ความเป็นผู้ไพบูลย์ ในธรรมทั้งหลาย ต่อกาลไม่นานนัก.

จบมหัตตสูตรที่ ๖.

อรรถกถามหัตตสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในมหัตตสูตรที่ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า อาโลกพหุโล ได้แก่ มากไปด้วยแสงสว่างแห่งญาณ. บทว่า

ปโยคพหุโล ได้แก่ กระทำความเพียรให้มาก. บทว่า เวทพหุโล ได้แก่ มากไป

ด้วยปีติและปราโมทย์. บทว่า อสนฺ-ตุฏฺฐิพหุโล ได้แก่ ไม่พอเพียง ในกุศลธรรม

ทั้งหลาย. บทว่า อนิกฺขิตฺตธุโร ได้แก่ ไม่ทอดธุระ คือ ประคองความเพียรไว้.

บทว่า อุตฺตริญฺจ ปตาเรติ ได้แก่ ทำความเพียรในบัดนี้และให้ยิ่งๆ ขึ้นไป.

จบอรรถกถามหัตตสูตรที่ ๖

----------------------------

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๘๑๗

๕. ปหาตัพพสูตร

(ว่าด้วยผู้ควรและไม่ควรบรรลุทิฏฐิสัมปทา)

[๓๖๐] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลไม่ละธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ไม่ควร

เพื่อทำให้แจ้งซึ่งทิฏฐิสัมปทา ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน? คือ สักกายทิฏฐิ ๑

วิจิกิจฉา ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ ราคะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑โทสะที่เป็นเหตุไป

สู่อบาย ๑ และโมหะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลไม่ละ

ธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งทิฏฐิสัมปทา.

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลละธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อทำให้

แจ้งซึ่งทิฏฐิสัมปทา ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน? คือ สักกายทิฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑

สีลัพพตปรามาส ๑ ราคะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ โทสะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑

โมหะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลละธรรม ๖ ประการนี้แล

ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งทิฏฐิสัมปทา.

จบปหาตัพพสูตรที่ ๕

อรรถกถาปหาตัพพสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในปหาตัพพสูตรที่ ๕ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า ทิฏฺฐิสมฺปทํ ได้แก่ โสดาปัตติมรรค.

จบอรรถกถาปหาตัพพสูตรที่ ๕.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 30 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

มหัตตสูตร

(ว่าด้วยผู้ควรบรรลุความเป็นใหญ่ในธรรม)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม ๖ ประการ ที่ทำให้ถึงความเป็นผู้มาก

ความเป็นผู้ไพบูลย์ในธรรมทั้งหลาย คือ

-มากด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา

-มากด้วยมีความเพียร

-มากด้วยความบันเทิงใจ (ปีติและปราโมทย์)

-ไม่พอเพียงในกุศลธรรมทั้งหลาย

-ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย

-มีความพยายามยิ่งๆ ขึ้นไป.

ข้อความโดยสรุป

ปหาตัพพสูตร

(ว่าด้วยผู้ควรและไม่ควรบรรลุทิฏฐิสัมปทา)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ผู้ยังละธรรม ๖ ประการไม่ได้ ย่อมเป็นผู้ไม่

ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งทิฏฐิสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ คือ ถึงความเป็น

พระโสดาบัน) ได้แก่ สักกายทิฏฐิ (ความเห็นผิดที่ยึดถือธรรมว่าเป็นตัวตน

สัตว์ บุคคล) วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) สีลัพพตปรามาส (ความลูบคลำยึด

ถือข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด) ราคะ โทสะ โมหะที่เป็นเหตุให้ไปสู่อบาย

ในทางตรงกันข้าม ถ้าละธรรม ๖ ประการนี้ได้ ก็เป็นผู้ควรเพื่อทำให้แจ้ง

ซึ่งทิฏฐิสัมปทา.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

การทำความเพียรในพระพุทธศาสนา เพื่อการบรรลุธรรม

องค์ประกอบของการฟังธรรมเพื่อให้เกิดปัญญา

ไม่ควรล่วงเลยขณะที่ได้ฟังพระธรรม

ตัวอย่างชัดๆ ของสีลัพพตปรามาสกายคันถะ

รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระโสดาบัน

สักกายทิฏฐิเป็นความเห็นผิดแบบไหนครับ

ศึกษาพระธรรมเท่าไรจึงจะพอ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ladawal
วันที่ 2 ธ.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 3 ธ.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 5 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
napachant
วันที่ 6 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ