นันทิสูตร - ผู้ไม่มีความยินดี - o๖-o๖-๒๕๕๘
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
••• ... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ... ..•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ วันเสาร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
นันทิสูตร
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๗๕
... นำสนทนาโดย ...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๗๕
นันทิสูตร
(ว่าด้วยผู้ไม่มีความยินดี)
[๒๖] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าว คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
คนมีบุตร ย่อมยินดี เพราะบุตรทั้ง หลาย คนมีโค ย่อมยินดี เพราะโคทั้งหลาย เหมือนกัน ฉะนั้น เพราะอุปธิเป็นความยินดี ของคน บุคคลใดไม่มีอุปธิ บุคคลนั้น ไม่มี- ยินดีเลย.
[๒๗] พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า
บุคคลมีบุตร ย่อมเศร้าโศก เพราะ บุตรทั้งหลาย บุคคลมีโค ย่อมเศร้าโศก เพราะโคทั้งหลาย เหมือนกัน ฉะนั้น เพราะ อุปธิ เป็นความเศร้าโศกของคน บุคคลใด ไม่มีอุปธิ บุคคลนั้น ไม่เศร้าโศกเลย. อรรถกถานันทิสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๒ ต่อไป :-
บทว่า นนฺทติ แปลว่า ย่อมยินดี คือ ย่อมมีใจเป็นของของตน.
บทว่า ปุตฺติมา ได้แก่ มีบุตรมาก. จริงอยู่ บุตรบางพวกทำกสิกรรมแล้ว ย่อมยังยุ้งข้าวเปลือกให้เต็ม บางพวกทำการค้าแล้วย่อมนำเงินและ ทองมาบางพวกบำรุงพระราชา (รับราชการ) ย่อมได้วัตถุทั้งหลายมียาน พาหนะ บ้าน นิคมเป็นต้น มารดาหรือบิดาเมื่อเสวยสิริอันเกิดขึ้นด้วย อานุภาพแห่งบุตรเหล่านั้น ย่อมยินดี. อีกอย่างหนึ่ง มารดาหรือบิดา เห็นบุตรทั้งหลาย ผู้อันบุคคลตกแต่งประดับประดา ทำให้เกิดความยินดี เสวยอยู่ซึ่งสมบัติในวันรื่นเริง เป็นต้น ย่อมยินดี.
ด้วยเหตุนั้น เทวดา หมายเอาความเป็นไปนั้น จึงกล่าวว่า นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา แปลว่า คนมีบุตรย่อมยินดีเพราะบุตรทั้งหลาย ดังนี้. บทว่า โคหิ ตเถว ความว่า คนมีบุตรย่อมยินดีเพราะบุตร ฉันใด แม้คนมีโค ก็ฉันนั้น คนมีโคเห็น มณฑลแห่งโค (สนามโค) สมบูรณ์แล้วเพราะอาศัยโคทั้งหลาย เสวยสมบัติ คือ เบญจโครส จึงชื่อว่า ย่อมยินดี เพราะโคทั้งหลาย. บทว่า อุปธิ ในบทว่า อุปธีหิ นรสฺส นนฺทนา นี้ได้แก่ อุปธิ ๔ อย่าง คือ กามูปธิ (อุปธิคือกาม) ขันธูปธิ (อุปธิคือขันธ์) กิเลสูปธิ (อุปธิคือกิเลส) และ อภิสังขารูปธิ (อุปธิคืออภิสังขาร) .
จริงอยู่ แม้กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะเนื้อความแห่งคำนี้ว่า ความสุขที่บุคคลเข้าไปตั้งไว้ในกามคุณนี้ ก็เพราะความที่กามเหล่านี้ เป็นที่อาศัยอยู่แห่งความสุข ดังที่ตรัสไว้ อย่างนี้ว่า ความสุข ความ โสมนัส อันใด อาศัยกามคุณ ๕ เกิดขึ้น นี้ชื่อว่า ความพอใจ ในกามทั้งหลาย ดังนี้.
แม้ขันธ์ทั้งหลาย ก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่ขันธ์เหล่านั้นเป็น ที่อาศัยอยู่ แห่งทุกข์ซึ่งมีขันธ์เป็นมูล. แม้กิเลสทั้งหลาย ก็ตรัสเรียกว่าอุปธิ เพราะความที่กิเลสเหล่านั้นเป็นที่อาศัยอยู่แห่งทุกข์ในอบาย. แม้อภิสังขาร ทั้งหลายก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่อภิสังขารเหล่านั้นเป็นที่อาศัย อยู่แห่งทุกข์ในภพ.
แต่ในที่นี้ ท่านประสงค์เอา กามูปธิ เพราะกามคุณ ๕ อันบุคคล บำรุงบำเรอด้วยอำนาจแห่งวัตถุทั้งหลาย มีการอยู่ในปราสาท ๓ ฤดูเป็นต้น มีที่นั่งที่นอนอาภรณ์เสื้อผ้าอันโอฬาร มีบริวารคอยบำเรอด้วยการฟ้อนรำเป็นต้น เป็นเหตุนำมาซึ่งปีติโสมนัส ย่อมยังนรชนให้ยินดีอยู่ ฉะนั้นบุตรทั้งหลายและ โคทั้งหลาย ฉันใด พึงทราบว่า แม้อุปธิเหล่านี้ก็ฉันนั้นเพราะเป็นที่ยินดี ของนรชน.
บาทแห่งคาถาว่า น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธิ ความว่าบุคคลใด ไม่มีอุปธิ คือ เว้นจากการถึงพร้อมด้วยกามคุณ เป็นผู้ขัดสน มีอาหารและเครื่อง นุ่งห่มหาได้โดยยาก บุคคลนั้นแลย่อมยินดีไม่ได้.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสดับคำ (อันเทวดากล่าว) นี้แล้ว ทรงพระดำริว่า เทวดานี้ ย่อมทำเรื่องแห่งความเศร้าโศกนั่นแหละ ให้เป็นเรื่องน่ายินดี เราจัก แสดงความที่สิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องแห่งความเศร้าโศกแก่เธอ ดังนี้ เมื่อจะ ทำลายวาทะของเทวดานั้น ด้วยอุปมานั้นนั่นเอง เหมือนบุคคลยังถ้อยคำ อันเป็นเหตุผลให้ตกไปด้วยเหตุผล จึงทรงเปลี่ยนพระคาถานั้นนั่นแหละ แล้วตรัสว่า โสจติ เป็นอาทิ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โสจติ ปุตฺเตหิ ความว่า เมื่อบุตร ทั้งหลายสูญหายไปก็ดี เสื่อมเสียไปก็ดี ด้วยอำนาจแห่งการเดินทางไปต่างประเทศ แม้มีความสงสัยในบัดนี้ว่า จักสูญเสียไป มารดาและบิดาย่อมเศร้าโศก. อนึ่ง เมื่อบุตรตายแล้วก็ดี กำลังจะตายก็ดี หรือถูกราชบุรุษหรือโจรเป็นต้น จับตัวไป หรือว่าเข้าไปสู่เงื้อมมือของข้าศึกทั้งหลาย มารดาหรือบิดาเป็นผู้มี ความสงสัยว่าตายแล้วก็ดี ย่อมเศร้าโศก เมื่อบุตรพลัดตกจากต้นไม้หรือจาก ภูเขาเป็นต้น มีมือและเท้าหักก็ดี บอบช้ำก็ดี มีความสงสัยว่าแตกหักแล้ว ก็ดี มารดาหรือบิดา ย่อมเศร้าโศก. บุคคลมีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร ทั้งหลาย ฉันใด แม้คนมีโคก็ฉันนั้น ย่อมเศร้าโศกเพราะโคทั้งหลาย บาทพระคาถาว่า อุปธี หิ นรสฺส โสจนา ความว่าเหมือนอย่างว่า บุตรและโคทั้งหลาย ฉันใด แม้อุปธิคือ กามคุณ ๕ ก็ฉันนั้น ย่อมยัง นรชนให้เศร้าโศก โดยนัยที่ตรัสไว้ว่า
หากว่า สัตว์นั้นมีความรักใคร่ มีความ พอใจเกิดแล้ว กามเหล่านั้น ย่อมยังเขาให้ ย่อยยับไป เหมือนบุคคลถูกลูกศรแทงแล้ว ย่อมพินาศ ฉะนั้น.
เพราะฉะนั้น บัณฑิตพึงทราบว่า ความเศร้าโศกของนระ ก็คือเรื่อง ความเศร้าโศกนั่นแหละ. บทว่า น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอธิบายไว้ว่า อุปธิ ๔ เหล่านี้ ไม่มี แก่ผู้ใด ผู้นั้น ย่อมไม่มีอุปธิ คือ ความเศร้าโศก ดูก่อนเทวดา เพราะเหตุนั้นแหละ พระมหา ขีณาสพจักเศร้าโศก หรือกำลังเศร้าโศก มีหรือ? ดังนี้แล.
จบอรรถกถานันทิสูตร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
นันทิสูตร
เทวดา ได้กล่าวคาถาในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แสดงถึงความติดข้อง ยินดีพอใจในกาม (กามูปธิ) เป็นเหตุนำมาซึ่งความยินดี กล่าวคือ คนมีบุตร ก็ย่อมยินดีเพราะบุตร คนมีโค ก็ย่อมยินดีเพราะโค ถ้ามีกามูปธิ ก็เป็นเหตุให้ เกิดความยินดี ถ้าไม่มีกามูปธิ ก็ไม่ยินดี
แต่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระคาถา แสดงความจริง ว่า เมื่อมีความ ติดข้องในกาม ก็เป็นเหตุนำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจ กล่าวคือ คนมีบุตร ย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร คนมีโค ย่อมเศร้าโศกเพราะโค เมื่อไม่มีความติดข้อง ก็ไม่มีความเศร้าโศกเสียใจ บุคคลผู้ปราศจากความติดข้อง ทั้งปวง คือ พระอรหันต์.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
เรื่องกุฏุุมพีคนใดคนหนึ่ง ... วันเสาร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕
เป็นทุกข์ในเรื่องความรัก ... ควรคิดอย่างไรปฏิบัติอย่างไร จึงจะไม่ทุกข์
เป็นการยากที่จะไม่มีความเศร้าโศกเสียใจ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...