ประโยชน์จริงๆ เริ่มรู้ว่าเราไม่รู้

 
เมตตา
วันที่  6 ม.ค. 2567
หมายเลข  47233
อ่าน  440

คุณโซฮาน: หลังจากที่เราได้พบกันที่เนปาล แล้วกลับมาบ้านและเมื่อไหร่ที่มีโอกาสได้ฟังธรรมทาง youtube ก็จะฟัง แต่เห็นว่าการที่ฟังส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีสามาธิ เพราะถูกรบกวนบ่ายมาก ตอนนั้นไม่มีปัญญาเลย แล้วก่อนที่ได้พบท่านอาจารย์ท่านสุมังคโลได้สอนให้นั่งให้ฝึกสมาธิที่เขาเรียกว่า วิปัสสนา ผมเลยขอถามว่าการทำอย่างนั้นตรงนั้นจะช่วยในการฟังธรรมหรือไม่ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: ค่อยๆ คิดไตร่ตรอง ชีวิตใครจะรู้ว่ายาวนานหรือสั้นมากใช่ไหม?

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: ทุกคนไม่รู้ความจริงมีแต่ความต้องการ และความหวัง ตลอดเวลาฟังแต่คำของคนอื่น แต่ไม่ได้พึ่ง คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความต่างกันของการฟังของคนอื่น กับการฟังของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือคนอื่นมีแต่ความต้องการให้ทำ แต่ คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ทำให้มีความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้เกิดขึ้นได้

เพราะฉะนั้น ต้องมั่นคงฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทำให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีทุกขณะด้ แต่คำของคนอื่นมีแต่ความต้องการ อยากให้ทำ

เพราะฉะนั้น ต้องไตร่ตรองให้มั่นคงจริงๆ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เข้าใจ และรู้ความจริงซึ่งไม่มีใครรู้ได้ของสิ่งที่กำลังมีทุกขณะในชีวิต กับคำของคนอื่นซึ่งมีแต่ให้อยากให้ทำ

เกิดมานานเท่าไหร่ในสังสารวัฏฏ์นับไม่ถ้วน และจะเกิดต่อไปโดยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เพราะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้น ต้องเริ่มรู้จากใจจริงๆ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือใคร นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้จักพระสัมมาสัมพุทธไหม?

คุณโซฮาน: เพิ่งเริ่มรู้จักจากคำของท่านภันเต และท่านอาจารย์ เพิ่งเริ่มรู้ ยังไม่รู้ดีครับ

ท่านอาจารย์: คำไหนเป็นคำของพระพุทธเจ้า?

คุณสุขิน: โซฮานเข้าใจเห็น ผมก็บอกเขาว่าคำนี้เป็นแค่คำที่พระพุทธองค์ตรัสใช่ไหม แกบอกว่าไม่ใช่แค่นั้น ก็ได้ฟังท่านอาจารย์ด้วย ผมเลยอธิบายให้แกฟังว่า ก่อนหน้านี้ที่เราคุยกันว่าคำสอนของคนอื่นเป็นความไม่รู้ทางไม่รู้ และเป็นความต้องการ ส่วนคำสอนของพระพุทธองค์เพื่อเข้าใจอย่างเดียว เพราะฉะนั้น แปลว่าใครก็ได้ที่สอนเรื่องละ เรื่องเข้าใจสิ่งที่มีจริง นั่นคือคำสอนของพระพุทธองค์ไม่ใช่คำสอนของคนอื่น แล้วตอนนี้ผมจะถามโซฮานต่อว่า ตกลงคำสอนตามที่ผมเข้าใจจากท่านอาจารย์ก่อนหน้านี้ถามว่า คำสอนอะไรที่ทำให้เขารู้ว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ใช่ไหมครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: เราจะให้โซฮานหัดคิด หัดคิดเป็นความเข้าใจของเขา เพราะเขาฟังมามาก ทุกคนอ้างคำของพระพุทธเจ้าทั้งนั้นหรือเปล่า สอนอย่างนี้อย่างนั้น แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า คำไหนเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เราต้องเริ่มต้นจริงๆ ให้เขาหัดคิดไตร่ตรอง ไม่บอกอะไรเขาเลย แต่ถามเขา ค่อยๆ ถาม ให้เขาค่อยๆ คิด เขารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วหรือยัง?

คุณโซฮาน: ยังไม่รู้จัก แต่พยายามจะทำสิ่งที่ทำให้เริ่มรู้จักครับ

ท่านอาจารย์: ทำไม่ได้ ไม่ต้องทำอะไร แต่รู้จักพระพระพุทธเจ้าโดยไม่ใช่ว่าต้องไปทำอะไร

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: คำตอบว่าอย่างไร?

คุณสุขิน: เขาเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นการทำครับ

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือยัง?

คุณโซฮาน: กำลังศึกษาเพื่อที่จะรู้ครับ

ท่านอาจารย์: ขอโทษนะ ตอบไม่ตรงคำถาม ต้องหัดคิดให้ตรงคำถาม เดี๋ยวนี้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วหรือยัง?

คุณโซฮาน: ยังไม่รู้จัก

ท่านอาจารย์: เพราะอะไร

คุณโซฮาน: ถึงตอนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ศึกษา ตอนนี้เริ่มจะศึกษา

ท่านอาจารย์: หมายความว่า ก่อนนี้ยังไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม?

คุณโซฮาน: แกบอกไม่ใช่ไม่รู้อะไร แต่รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนหนทางที่จะให้เข้าใจความจริง และสอนให้มีสมาธิสอนวิปัสสนา และสอนศีล ๕ ว่าอย่าโกหก อย่าฆ่าสัตว์

ท่านอาจารย์: ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

คุณโซฮาน: เปรียบเทียบว่า ก่อนที่จะมาได้ยินได้ฟังจากผู้ที่มาพูดถึงพระพุทธองค์ ผมก็เป็นชาวฮินดูทั่วไปที่นับถือพระเจ้าอย่างนี้ เพราะฉะนั้น หลังจากที่ใครมาพูดถึงคำสอนของพระพุทธองค์ และบอกว่าพระพุทธองค์สอนให้ทำสมาธิอย่างนี้ ผมเลยเข้าใจว่า นั่นคือคำสอนของพระพุทธองค์

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

สำนักปฏิบัติธรรม ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

ขอเชิญฟังได้ที่ ...

ผู้ที่ไม่ไปสู่สำนักปฏิบัติเป็นเพราะกิเลสจริงหรือไม่

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ และกราบยินดีในกุศลของคุณสุคิน ผู้ถ่ายทอดคำท่านอาจารย์เป็นภาษาฮินดีค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 6 ม.ค. 2567

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ตอนนี้ต้องฟัง ทุกคำ ละเอียด เพื่อที่จะได้เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยฟังมาเลย เพราะทุกอย่างที่เขาฟังมาแล้ว มีแต่ความติดข้องต้องการ ไม่ใช่เป็นความเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทุกคำที่พูด พูดด้วยความไม่เข้าใจ

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: เขาทำวิปัสสนาใช่ไหม?

คุณโซฮาน: ทำวิปัสสนาครับ

ท่านอาจารย์: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ทำวิปัสสนาหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: ไม่สามารถตอบได้ แต่รู้ว่าตามที่ได้ฟัง และมีคนสอนว่า ให้ทำอย่างนี้ให้ทำอย่างนั้น ตอนนนั้นก็คิดว่าเข้าใจ และทำตามคำสอนของพระพุทธองค์ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วเดี๋ยวนี้รู้หรือยัง?

คุณโซฮาน: ตอนนี้ยังไม่แน่ใจครับ

ท่านอาจารย์: แต่ถามว่า ตอนนี้รู้แล้วหรือยัง?

คุณโซฮาน: ยังไม่รู้

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ฟังคำ และคิดให้เข้าใจให้ตรง และถูกต้องด้วยตนเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ทำวิปัสสนาหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: ไม่แน่ใจ แต่ฟังท่านอาจารย์แล้วก็เห็นว่ามีอะไรที่จริงอยู่ แล้วก็เห็นว่า ควรจะฟังต่อ และอยากจะเข้าใจที่ท่านอาจารย์พูดตอนนี้ครับ

ท่านอาจารย์: ดีมาก แต่วันนี้เป็นวันที่โซฮานจะเริ่มคิดด้วยตัวเองอย่างละเอียดขึ้นที่จะรู้จักความจริง และรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เริ่มต้น คิดละเอียดตั้งแต่ต้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นใคร?

คุณสุขิน: เป็นคำถามใช่ไหมครับ?

ท่านอาจารย์: แน่นอนค่ะ เพราะเหตุว่ามีคำว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เคยมีใครมีชื่ออย่างนี้เลยเลย แต่เมื่อมีคำว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นใคร?

คุณโซฮาน: ที่อินเดียเขาไม่ได้ใช้คำว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนใหญ่ก็เป็น พุทธภควัน ซึ่งคำว่า ภควัน ในศาสนาฮินดูก็มี ซึ่งหมายถึงอย่างเช่น พระกฤษณะ พระรามอะไรแบบนี้ เมื่อไหร่ได้ยินคำนี้ พุทธภควัน ก็คิดในนัยเดียวกันว่าเป็นพระองค์หนึ่ง

คุณสุขิน: ผมเลยบอกโซฮานว่า ถ้าเป็นที่อินเดียก็ใช้คำว่าพุทธภควัน แต่ถ้าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วตอนนี้คุณโซฮานคิดอย่างไร โซฮานบอกว่า ถ้าฟังจากท่านอาจารย์ตรงนี้จะมีความรู้สึกว่า เป็นอะไรที่สูงกว่าพระอื่นๆ ครับ?

ท่านอาจารย์: แสดงให้เห็นว่า คนที่ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย และมีความเชื่อมีความคิดเดิมๆ ก็คิดว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เหมือนพระ หรือใครๆ ที่เขาเคยนับถือ แต่ยิ่งกว่าคิดว่าอย่างนั้นใช่ไหม?

คุณโซฮาน: ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: นี่แหละ ที่เราต้องการให้คุณโซฮานหัดคิดละเอียดลึกซึ้งด้วยตัวของเขาเอง มิเช่นนั้นการศึกษาธรรมทั้งหมดจะไร้ประโยชน์

ไม่ใช่ฟังแล้วเชื่อ ใครบอกอะไรแล้วก็เชื่อ แต่ฟังแล้วคิดไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความมั่นคง และความถูกต้อง

พูดคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเยอะๆ มากมาย แต่่ไม่ไตร่ตรอง ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเข้าใจผิดได้

วันนี้เป็นวันที่คุณโซฮานจะเริ่มเป็นคนที่เริ่มไตร่ตรองละเอียด และก็มีที่พึ่งจริงๆ เพราะเหตุว่า การไตร่ตรองละเอียดทำให้เริ่มรู้ว่า อะไรถูกต้อง อะไรไม่ถูกต้อง

เพราะฉะนั้น เพียงคำที่กล่าวว่า มีพระเจ้าหลายองค์ศาสนาฮินดู แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐกว่าพระต่างๆ เหล่านั้น เพราะอะไร ต้องมีเหตุผล เห็นความต่างกันของผู้ไตร่ตรองเป็นผู้ที่ตรงต่อความจริง และเหตุผลนะ ใครๆ ก็พูดได้ว่านับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่า พระองค์เหนือกว่าพระเจ้าองค์ใด และศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น แต่เพราะอะไรจึงกล่าวอย่างนี้?

คุณโซฮาน: ความต่าง ก็คือคำสอนของคนอื่นสอนให้ทำโน่นทำนี่ ให้ไหว้ ให้สวดมนต์ ส่วนของพระพุทธองค์สอนให้เข้าใจความจริงซึ่งศาสนาอื่นไม่ได้สอน

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ต้องคำของพระองค์จึงจะรู้ว่าพระองค์ทรงแสดงความจริงใช่ไหม?

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่ฟังคำของพระองค์ จะรู้ไหมว่า พระองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า?

คุณโซฮาน: ครับ ยกตัวอย่างว่า ถ้ามีใครมาพูดถึงพระพุทธองค์แต่ไม่เคยฟังคำสอน ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพระพุทธองค์คือใคร เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่จะรู้จักพระพุทธองค์ ก็คือการเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น สำหรับคุณโซฮานได้ฟัง คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วหรือยัง?

คุณโซฮาน: ก็ได้ฟังบ้าง และมาที่นี่ก็เพื่อฟังครับ

ท่านอาจารย์: ที่ได้ฟังบ้าง พระองค์ตรัสว่าอย่างไร?

คุณโซฮาน: ไม่สามารถให้คำตอบชัดเจนได้ แต่สอนให้เข้าใจความจริง

ท่านอาจารย์: แล้วจะรู้เมื่อไหร่?

คุณโซฮาน: รู้ได้ ฟังแล้วเจริญความเข้าใจมากขึ้น

ท่านอาจารย์: รู้ได้เมื่อได้ฟัง คำ ของพระพุทธเจ้าแล้วไตร่ตรองในคำนั้นว่า เป็นความจริงถูกต้องแค่ไหน

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: ต้องไม่ลืมนะ ละเอียดมาก ต้องฟังคำของพระองค์แล้วพิจารณาไตร่ตรองว่า เป็นความจริงที่ถูกต้องแค่ไหน

ขอเชิญฟังเพิ่มได้ที่ ...

คำจริงทั้งหมดเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

กล้าหรือไม่ที่จะฟังคำจริง

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 6 ม.ค. 2567

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เริ่มคิด ใครก็ตามที่ทำวิปัสสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้ทำวิปัสสนาหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: พิจารณาดูแล้ว ไม่น่าจะสอนให้ทำครับ

ท่านอาจารย์: ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ เพราะคุณโซฮานไม่มีอะไรจะพิจารณา แต่ที่เขาบอกว่า ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจึงรู้จักพระองค์ แล้วพระองค์ตรัสให้เข้าใจ พระองค์ตรัสให้เข้าใจสิ่งที่พระองค์ได้ตรัส ไม่ใช่ไปคิดเอง

เพราะฉะนั้น ถ้ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องรู้ว่า พระองค์ตรัสให้เข้าใจว่า วิปัสสนาคืออะไร ไม่ใช่ให้ทำวิปัสสนา

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทำวิปัสสนา แต่ไม่รู้ว่า วิปัสสนาคืออะไร ถูกหรือผิด?

คุณโซฮาน: ผิดครับ

ท่านอาจารย์: มีใครทำวิปัสสนาได้ไหม?

คุณโซฮาน: อาจเป็นบางคนที่ทำได้

ท่านอาจารย์: วิปัสสนา คืออะไร ที่คิดว่าเขาทำได้?

คุณโซฮาน: ไม่รู้ครับ

ท่านอาจารย์: ไม่รู้แล้วทำอะไร?

คุณโซฮาน: ก็คือ ไม่เข้าใจครับ

ท่านอาจารย์: เบื่อไหม กว่าจะรู้ว่าเราไม่เคยคิดไตร่ตรอง แต่เพียงได้ยินก็ทำตาม

คุณโซฮาน: ไม่มีความเข้าใจก็ไม่สมควรทำตามครับ

ท่านอาจารย์: แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไรที่จะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้า

คุณมานิช: ขอเสริมว่า ถ้าเป็นคนที่น่านับถือ จะเป็นภิกษุก็ดี หรือว่าจะเป็นครูอาจารย์ที่มีชื่อเสียง เขาจะสอนว่าต้องทำอย่างนี้ แล้วเราทุกคนที่เชื่อก็ทำตามเพราะเขาสอนว่าการทำอย่างนี้จะเป็นหนทางทำให้เจริญความเข้าใจ แล้วก็ดับกิเลสได้เราก็ทำตาม ตรงนี้ไปไหนก็มีแต่คนพูดอย่างนี้ เลยกลายเป็นว่า ทุกคนฟังแล้วคิดว่าเป็นอย่างนั้นครับ

ท่านอาจารย์: แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร?

คุณโซฮาน: วิปัสสนาไม่ใช่อย่างที่เคยได้ยินมาว่าไปนั่งอย่างนี้ ไปทำอย่างนั้นครับ

ท่านอาจารย์: เพราะเหตุว่า เขายังไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น คนส่วนใหญ่เชื่อว่า นั่นเป็นวิปัสสนา จนกว่าจะได้ฟังคำของพระพระพุทธเจ้าว่า วิปัสสนาคืออะไร

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: คุณสุขินค่ะ เมื่อกี๊คุณมานิชว่าอย่างไรบ้าง?

คุณสุขิน: ท่านอาจารย์ครับคุณมานิชขอถามอีกคำถามหนึ่งครับ

ท่านอาจารย์: คำถามแรกเขาว่าอย่างไร เขายังไม่ได้ตอบอะไรไม่ใช่หรือ?

คุณสุขิน: ตอนที่มานิชเสริมเข้ามา เขาพูดถึงว่า ที่เขาได้ยินเกียวกับวิปัสสนา ที่เขาสอนกันทั่วเลย จะเป็นคนที่เขานับถือหรือเป็นภิกษุหรือเป็นใครก็ได้ ทุกคนที่สอนวิปัสสนา แปลว่าเป็นการนั่ง แล้วก็ดูนั่นดูนี่ ทำนั่นทำนี่ครับ เพราะฉะนั้น แกบอกว่าแกก็ไม่มีหนทางเลย ไปไหนทุกคนก็สอนอย่างนั้น ก็กลายเป็นว่า ใครๆ ฟังก็จะคิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: แต่ต้องรู้ว่า ถ้าไม่ฟัง คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่รู้เลย เพราะพระองค์ไม่ได้ตรัสอย่างนั้น แต่เป็นคำของคนอื่น

นี่เป็นเหตุที่เราจะต้องเริ่มฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพสูงสุดในความลึกซึ้ง แม้แต่คำว่าวิปัสสนา เพราะฉะนั้น ต้องเริ่มรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า วิปัสสนาคืออะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็ต้องการจะรู้วิปัสสนา ก็ไปหาคำตอบ

ท่านอาจารย์: ตอนนี้ก็ถามคำถามที่ต้องการได้แล้วค่ะ คำถามต่อไป

คุณมานิช: ถามถึงการยกโทษคนอื่น ยกโทษคืออะไรครับ?

ท่านอาจารย์: ยกโทษ คือไม่คิดร้ายต่อเขา

คุณมานิช: เราควรยกโทษคนอื่นอย่างไร?

ท่านอาจารย์: ขณะที่ยกโทษคนอื่น ใจของเราเป็นอย่างไร?

คุณมานิช: เป็นกุศลจิตครับ

ท่านอาจารย์: แล้วคำถามว่าอย่างไร?

คุณมานิช: คำถามเกิดขึ้นมาจากที่ว่า ผมสังเหตุว่าบางครั้งที่ยกโทษให้คนอื่นเป็นเพราะหวังผลประโยชน์ด้านอื่น

คุณสุขิน: ผมเลยบอกเขาว่าตรงนั้นกับการยกโทษก็ไม่เหมือนกัน ตรงนั้นก็เป็นความต้องการ ส่วนตรงนี้ยกโทษจริงๆ ก็คือยกโทษจริงๆ เพราะฉะนั้น การยกโทษมีจริงไหม เป็นไปได้จริงไหม เพราะมานิชสังเกตุว่าที่เขาคิดว่ายกโทษจริงๆ แล้วก็แฝงอยู่ด้วยความต้องการอะไรสักอย่างจากบุคคลนั้น

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น คุณมานิชสามารถจะเข้าใจได้ว่า ขณะนั้นเขาไม่ได้ยกโทษ เพราะขณะใดที่หวัง ขณะนั้นเป็นโทษ

เขาเรียกชื่อกุศล และอกุศล แต่เวลาที่เป็นอกุศลที่หวังประโยชน์จากคนอื่น เขาไม่เห็นว่าเป็นโทษ

คุณมานิช: เป็นอย่างนั้นครับท่านอาจารย์ เรารู้โดยการคิดสิ่งที่ผ่านไป แล้วก็คิดว่าเหตุการณ์อย่างนี้เป็นกุศล เหตุการณ์อย่างนี้เป็นอกุศลครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ความเข้าใจจริงๆ เพราะฉะนั้น เขาคิดว่าเขายกโทษ แต่ขณะนั้นเขาทำเพื่อหวังประโยชน์

คุณมานิช: นั่นคือเหตุผลที่ผมถามเพราะว่ามีความเข้าใจว่าเป็นแบบนั้นส่วนใหญ่

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ประโยชน์ของพระธรรม และการที่จะเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ให้ประโยชน์ให้รู้ความจริง ก็คือว่า ต้องเป็นคนที่ตรง ถ้าขณะนั้นไม่คิดร้ายต่อคนอื่นยกโทษให้ แล้วจะหวังอะไร

คุณมานิช: ถ้ายกโทษจริงๆ ตอนนั้นก็ไม่ได้หวังอะไรครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ให้รู้ความต่างกันของจิตที่ดี กับจิตที่ไม่ดี ถ้าไม่เป็นคนตรง จะไม่สามารถเข้าใจความจริงได้เลย

ท่านอาจารย์: คุณโซฮานเป็นอย่างไรบ้าง เข้าใจไหม?

คุณโซฮาน: อย่างที่คุณมานิชคุยเรื่องการยกโทษ ก็เริ่มเข้าใจว่า จริงๆ แล้วความจริงคืออะไร แล้วที่เราคิดนี่คืออะไร ไม่ใช่เป็นอย่างที่เป็นจริงครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ เริ่มมีความเคารพสูงสุดในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อฟังคำของพระองค์ ทีละคำ และเข้าใจ

เพราะฉะนั้น ได้ยินคำอะไรที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสในเบื้องต้น ตอนต้นที่สุด เบื้องต้นที่สุด พระองค์ตรัสว่าอย่างไร?

คุณมานิช: พระพุทธองค์สอนให้เข้าใจความจริง และการที่เข้าใจความจริงก็เป็นคนที่ตรงครับ

ท่านอาจารย์: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม เพราะฉะนั้นทรงแสดงธรรม เพราะฉะนั้น พระองค์ตรัสว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

ขอเชิญฟังเพิ่มได้ที่ ...

วิปัสสนาภาวนาคืออะไร

จุดประสงค์ของการบรรยายแนวทางเจริญวิปัสสนา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 6 ม.ค. 2567

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ได้ยินคำอะไรที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสในเบื้องต้น ตอนต้นที่สุด เบื้องต้นที่สุดพระองค์ตรัสว่าอย่างไร

คุณมานิช: พระพุทธองค์สอนให้เข้าใจความจริง และการที่เข้าใจความจริงต้องเป็นผู้ที่ตรงครับ

ท่านอาจารย์: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม เพราะฉะนั้น ทรงแสดงธรรม เพราะฉะนั้น พระองค์ตรัสว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ได้ยินอย่างนี้ไม่ใช่หวังประโยชน์ทันทีที่จะรู้ว่า ธรรมเป็นอนัตตา ส่วนใหญ่ทุกคนต้องการประโยชน์จากพระธรรม แต่ประโยชน์จริงๆ ที่ได้จากพระธรรมมากเกินประมาณเหนือสิ่งใดในสังสารวัฏฏ์ ไม่ใช่เพียงประโยชน์ที่คิดว่า เราเข้าใจธรรมแล้ว แต่ประโยชน์จริงๆ คือรู้ว่า เราไม่รู้อะไรทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

ด้วยเหตุนี้ฟังคำของพระองค์ด้วยความเคารพว่า ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้จะไม่รู้เลยว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุด

สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อยู่ไกลหรือใกล้?

คุณมานิช: ไกลครับ

ท่านอาจารย์: หรือ?

คุณมานิช: ความจริงอยู่ใกล้ แต่ความเข้าใจอยู่ไกลครับ

ท่านอาจารย์: ถูกต้อง เพราะฉะนั้น จากการที่ไกลต่อการรู้ความจริงของสิ่งที่ใกล้ที่สุด เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พระองค์ตรัสรู้สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ที่ใกล้ที่สุดซึ่งคนอื่นไม่รู้

ท่านอาจารย์: คุณโซฮานเริ่มรู้จักพระพุทธเจ้าหรือยัง?

คุณโซฮาน: เริ่มรู้จัก

ท่านอาจารย์: รู้จักอย่างไร?

คุณโซฮาน: เข้าใจว่า สิ่งที่มีจริงตรงนี้ที่เราไม่รู้ พระพุทธองค์สอนให้รู้

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์ จะสามารถรู้ได้ไหม?

คุณโซฮาน: ถ้าไม่ฟัง ไม่มีทางรู้ครับ

ท่านอาจารย์: แต่ต้องไตร่ตรอง พระองค์ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ที่กำลังมี ถูกต้องไหม?

คุณโซฮาน: ที่เราสนทนาอยู่ นี่คือความจริง

ท่านอาจารย์: อะไรอีกที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้?

คุณโซฮาน: ได้ยิน เห็น

ท่านอาจารย์: คุณโซฮานรู้หรือยัง?

คุณโซฮาน: เริ่มจะรู้จักครับ

ท่านอาจารย์: รู้ว่าอย่างไร ว่าเริ่ม?

คุณโซฮาน: ก็คือ ตอนนี้ที่ได้ยินก็รู้ว่ามีได้ยินไม่มีได้ยิน ตอนนี้ที่เห็นรู้ว่าเห็นไม่มีเห็น

ท่านอาจารย์: แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างไร?

คุณโซฮาน: ก็รู้ว่า มีจริง แต่ไม่รู้ว่าพระพุทธองค์พูดว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีจริง

ท่านอาจารย์: ธรรม คืออะไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ทรงแสดงธรรม ธรรมคืออะไร?

คุณโซฮาน: การที่รู้เห็นนั่นเป็นธรรม

ท่านอาจารย์: ธรรมมีจริงไหม?

คุณโซฮาน: มีจริง

ท่านอาจารย์: ธรรมอยู่ไหน ถ้ามีจริงต้องตอบได้ ธรรมอยู่ไหน?

คุณโซฮาน: มีอยู่ทุกเวลา ต้องเข้าใจ

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีไหม?

คุณโซฮาน: มีครับ

ท่านอาจารย์: อะไรเป็นธรรม?

คุณโซฮาน: การศึกษา

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้ค่ะ เดี๋ยวนี้

คุณโซฮาน: ที่ศึกษาอยู่กำลังศึกษาอยู่ นี่เป็นธรรม

ท่านอาจารย์: ศึกษาอยู่ไหน?

คุณโซฮาน: ตอนนี้ที่ฟังอยู่ ก็คือศึกษา

ท่านอาจารย์: ถ้าฟังไม่มี จะศึกษาหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: ถ้าไม่มีฟัง ก็ไม่มีศึกษา

ท่านอาจารย์: คุณโซฮานพูดแล้วว่า ธรรมมีจริง กำลังศึกษา เดี๋ยวนี้อะไรที่ศึกษา?

คุณโซฮาน: ความเข้าใจครับ

ท่านอาจารย์: ตอนนี้ฟังดีๆ แล้วตอบนะ ได้ยินมีไหม?

คุณโซฮาน: มี

ท่านอาจารย์: อะไรเป็นธรรม?

คุณโซฮาน: ได้ยิน

ท่านอาจารย์: พูดถึงได้ยิน ขณะที่ได้ยินมีจริงๆ เป็นธรรม แล้วมีอะไรอีกที่เป็นธรรม

คุณโซฮาน: ไม่ทราบ

ท่านอาจารย์: ได้ยินอะไร ได้ยินได้ยินอะไร?

คุณโซฮาน: ได้ยินการสนทนาครับ

ท่านอาจารย์: ไม่ใช่

คุณโซฮาน: ถ้าไม่ใช่ได้ยินสนทนา แล้วได้ยินอะไรครับ?

ท่านอาจารย์: ได้ยินเสียงค่ะ ได้ยินมีจริงไหม?

คุณโซฮาน: มี

ท่านอาจารย์: เสียงมีจริงไหม?

คุณโซฮาน: มี

ท่านอาจารย์: อะไรเป็นธรรม?

คุณโซฮาน: ทั้ง ๒ ครับ

ท่านอาจารย์: รู้จักธรรมแล้วหรือยัง?

คุณโซฮาน: เริ่มรู้เพิ่มขึ้น

ท่านอาจารย์: นอกจาก ได้ยินกับเสียงแล้ว อะไรเป็นธรรมอีก?

คุณโซฮาน: เห็น

ท่านอาจารย์: แล้วเห็นอะไร?

คุณโซฮาน: เห็นภาพ

ท่านอาจารย์: ทำไมเป็นภาพ?

คุณโซฮาน: เพราะที่เห็นอยู่เป็นภาพหนึ่งครับ

ท่านอาจารย์: ต้องเห็นกี่ครั้งจึงจะเป็นภาพ?

คุณโซฮาน: เข้าใจเห็นเป็นภาพหมดเลย

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของเห็น และสิ่งที่ปรากฏให้เห็น นี่เป็นการเริ่มต้นจากการได้ยินคำว่า ธรรม ต้องรู้จักธรรมก่อน

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าทำวิปัสสนาจะรู้อย่างนี้ไหม?

คุณโซฮาน: ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เริ่มเข้าใจว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่ลึกซึ้งที่สุด

ได้ยินเป็นโซฮานหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: ไม่ใช่โซฮานครับ

ท่านอาจารย์: แล้วเป็นอะไร?

คุณโซฮาน: เข้าใจว่าเป็นโซฮานได้ยินครับ

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวก่อน ได้ยินเป็นโซฮานหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: ไม่เป็นครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น โซฮานได้ยินหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: น่าจะได้ครับ

ท่านอาจารย์: น่าจะได้ หมายความว่าอย่างไร ถ้า เห็นไม่เกิด จะมีโซฮานเห็นไหม?

คุณโซฮาน: เข้าใจว่า ก่อนเห็นหรือได้ยินเกิดไม่มีโซฮาน แต่ตอนที่ได้ยินเกิด นั่นแหละเป็นโซฮานที่ได้ยิน

ท่านอาจารย์: แล้วได้ยินดับไหม?

คุณโซฮาน: ดับทันที

ท่านอาจารย์: แล้วโซฮานอยู่ไหน?

คุณโซฮาน: โซฮานยังอยู่ แม้ว่า ได้ยินดับไปแล้ว หรือว่าเห็นดับไปแล้ว

ท่านอาจารย์: โซฮานอยู่ไหน ที่อยู่ อยู่ไหน?

คุณโซฮาน: ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน คือ เห็น ได้ยิน เกิดกับโซฮานอยู่ แต่ถ้าถามว่าโซฮานอยู่ไหนก็ตอบไม่ได้

ท่านอาจารย์: โซฮานเกิดหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: แม่ให้กำเนิด โซฮานเกิดเองไม่ได้

ท่านอาจารย์: แล้วแม่เกิดหรือเปล่า?

คุณโซฮาน: โซฮานเกิดจากแม่ และแม่ก็เกิดจากแม่ของแม่

ท่านอาจารย์: แม่เห็นไหม?

คุณโซฮาน: แม่เห็นครับ

ท่านอาจารย์: แม่เห็น ถ้าอย่างนั้น เห็นเป็นแม่หรือเปล่า?

คุณโซฮาน: เห็นไม่ได้เป็นแม่ แต่ว่าแม่ก็เป็นเหมือนฐานที่เกิดของการเห็น

ท่านอาจารย์: พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้หรือเปล่า?

คุณโซฮาน: ไม่ทราบว่า พระพุทธองค์สอนว่าอย่างไร

ท่านอาจารย์: พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของทุกอย่างว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังปรากฏ สิ่งนั้นต้องเกิด ถ้าไม่ปรากฏก็ไม่เกิด

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: ทุกอย่างที่เกิด ต้องดับ ใช่ไหม?

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: ดับแล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น พระองค์ตรัสว่า ธรรมที่เกิดทั้งหมดต้องดับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

คุณโซฮาน: ครับ

ท่านอาจารย์: มีอะไรที่เกิดแล้วไม่ดับบ้าง?

คุณโซฮาน: ไม่มีครับ

คุณมานิช: ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่มีสัตว์ บุคคลใดที่ไม่มีจิต

ท่านอาจารย์: ก็ไม่ใช่ธาตุรู้

คุณมานิช: ครับ

ท่านอาจารย์: ขอโทษนะ ต้องศึกษามากกว่านี้ จึงสามารถจะรู้ได้ว่า ธาตุรู้ที่มีปัจจัยเกิดสามารถดับไม่เกิดได้ชั่วคราวขณะที่เป็นอสัญญสัตตาพรหม ทุกอย่างที่เกิดต้องมีปัจจัยให้เกิด เพราะฉะนั้น ถ้าจิตไม่เกิดต้องมีปัจจัยที่ไม่ให้เกิดชั่วคราว และจนกระทั่งไม่เกิดเถาวรไม่เกิดอีกเลย

เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ฟังคำของพระพุทธเจ้าเพราะหลากหลายมาก ทุกอย่างเป็นจริงตามเหตุปัจจัย

คุณมานิช: เข้าใจแล้วครับ

ขอเชิญฟังเพิ่มได้ที่ ...

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

เกิดแล้วดับไม่กลับมา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ม.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ