ฟังจนรู้ในความเป็นอนัตตา
[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 103
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า 'สังขาร ทั้งปวงไม่เที่ยง' เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด"
สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า 'สังขาร ทั้งปวงเป็นทุกข์' เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด"
สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า 'ธรรม ทั้งปวงเป็นอนัตตา' เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด"
อ.อรรณพ: ท่านอาจารย์ก็กล่าวคำที่เป็นประโยชน์เป็นอันมาก กับการที่จะได้อบรมความเข้าใจเพิ่มขึ้น ท่านอาจารย์กล่าวว่า กว่าปัญญาจะค่อยๆ หยั่งลง ซึ่งไม่ง่ายเลยที่ปัญญาจะค่อยๆ หยั่งลงในเหวของความไม่รู้ด้วยความรู้ขึ้น เหวลึกนี่ก็กว้างใหญ่ไพศาล แล้วก็ลึกสุดประมาณ ที่ต้องอยู่กันมานี้ ท่านอาจารย์บอกว่าแสนโกฏกัปป์ ต่อไปที่ยิ่งเพิ่มความไม่รู้ ความอะไรยิ่งขึ้น
กราบท่านอาจารย์ครับว่า การที่ปัญญาจะค่อยๆ หยั่งลง หยั่งลงในอะไรที่จะค่อยๆ รู้ขึ้น ครับ
ท่านอาจารย์: ไม่พ้นเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่ถึงเดี๋ยวนี้ ไร้ประโยชน์ไหม?
อ.อรรณพ: ไร้ประโยชน์ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะว่า เดี๋ยวนี้ ไม่รู้ไปทุกขณะ
อ.อรรณพ: เพียงแต่คิดไปตามความคุ้นเคยของความคิดเรื่อง แม้ว่า ศึกษาพุทธศาสนา ก็คิดเรื่องครับ
ท่านอาจารย์บอกไม่พ้นเดี๋ยวนี้ ปัญญาที่จะค่อยๆ หยั่งลงเดี๋ยวนี้มีความละเอียดอย่างไรครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้เกิดแล้วหมดแล้ว ไม่รู้ใช่ไหม?
อ.อรรณพ: ไม่รู้ครับ
ท่านอาจารย์: ฟังจนรู้ในความเป็นอนัตตา ไม่พ้นเลย ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา จุดประสงค์ไม่พ้นจากการที่จะเข้าใจให้ถูกต้อง เดี๋ยวนี้เอง เดี๋ยวนี้เองเป็นธรรม แล้วก็เกิดแล้วด้วย ไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด แต่ที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ยังไม่ถึงการที่จะรู้ว่า เป็นสิ่งที่ต้องรู้
อ.อรรณพ: ทำไมถึงไปคิดถึงสิ่งที่ไม่ได้ชอบ ทำไมถึงชอบไปคิดถึงสิ่งที่ไม่ได้เกิดเดี๋ยวนี้ครับ
ท่านอาจารย์: ถ้ารู้ความจริง จะชอบไหม เกิดแล้วดับ?
อ.อรรณพ: ไม่ชอบครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็รู้เลยใช่ไหม ทำไมจึงยังชอบ?
อ.อรรณพ: ก็เพราะ ไม่รู้ความจริงเดี๋ยวนี้ ก็ชอบที่จะไปรู้อันอื่นที่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แค่นี้ก็ลึกซึ้งครับ
ท่านอาจารย์: ขั้นฟังนะ แล้วขั้นจริงๆ ละ โอ้โห!! ยิ่งกว่านี้ จะไหวไหม ที่จะรู้แล้วละ?
อ.อรรณพ: จะไหวไหมครับ
ท่านอาจารย์: ยิ่งลึกยิ่งละเอียด
อ.อรรณพ: ผมกราบท่านอาจารย์เมื่อสักครู่ว่า ทำไมชอบไปคิดถึงสิ่งที่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ ท่านอาจารย์ก็ให้ความเข้าใจให้เห็นเลย เพราะไม่รู้ความจริงเดี๋ยวนี้ ก็ชอบไปคิดสิ่งที่ไม่จริงที่ไม่ใช่ขณะนี้ เป็นอย่างนี้ครับ อยู่ในโลกของความคิดเดิมๆ มาตลอด ยากที่ปัญญาจะหยั่งลงในโลกตามความเป็นจริงครับ ยากจริงๆ และเป็น โลกะ เป็นโลกที่เกิดขึ้นและดับไป ถ้าไม่หยั่งลงในความชัดเจนว่า เกิดขึ้น และดับไป ก็ไม่สามารถที่จะรู้จักโลกได้ ลึกซึ้งมากครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ฟังไว้ ฟังไว้ ฟังนะคะ ไม่ใช่ได้ยิน ฟังไว้ทุกคำ กว่าจะถึงขณะนี้รอบที่ ๒ ไม่ใช่รอบที่ ๑ ถ้าไม่มีความรู้ความจริงโดยประการทั้งปวงที่ทรงแสดงไว้ เพื่อให้รู้ความจริงว่า ไม่มีเรา ไม่มีอะไรๆ เลยทั้งสิ้ย เป็นเรื่องของสิ่งที่มีจริง ซึ่งเกิดเพราะเหตุปัจจัย เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดยั้ง ตราบใดที่เหตุยังอยู่ ก็ค่อยๆ ละความเป็นเราไม่มีใครที่จะไปทำอะไรได้เลย เพราะไม่ใช่ใครสักคน แต่เป็นธรรมทั้งหมด เห็นไหม?
เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อเข้าใจในความลึกซึ้ง ต้องเติมว่า ในความลึกซึ้ง มิเช่นนั้น เขวหมด ไม่ตรงตามความเป็นจริง ก็ไม่ใช่ สัจจบารมี
สักคำ ก็ขาดการไตร่ตรองไม่ได้ แล้ววันนี้ถ้าไม่ได้ฟังอย่างนี้ อยากจะรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ พยายามทำอย่างโน้นอย่างนี้ จะเป็นสัจจบารมีได้ไหม?
อ.อรรณพ: ไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: สักบารมีเดียว เดี๋ยวนี้ก็ไม่มี แล้วจะเป็นวิริยบารมีได้ไหมไปทำอย่างอื่น?
อ.อรรณพ: วันนี้เห็นได้ว่า ฟังแล้วก็ไตร่ตรองละเอียดขึ้นอีกว่า ถ้าไม่เป็นไปเพื่อสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ท่านอาจารย์กล่าวว่า ไร้ประโยชน์ เพราะไม่เป็นบารมีอะไรเลย ที่ไปคิดไปชอบก็คือโลภะ ชอบคิดเรื่องอื่น ชอบคิดถึงสิ่งอื่นที่ไม่ใช่สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้
เพราะฉะนั้น ก็จะไม่ใช่บารมีเลย แล้วก็คิดว่า เราจะทำบารมีโน้นบารมีนี้ แต่ถ้ามีการปรุงแต่ง น้อมไป ที่จะเข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ นั่นก็คือเริ่มต้นบารมี
ขอเชิญอ่านได้ที่..
เมื่อกิเลสรึงรัดแล้ว ปัญญาก็หยั่งไม่ถึง
ขอเชิญฟังได้ที่..
อบรมจนรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่ไม่ใช่เราก่อน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ