ตัวเราไม่มีจริงๆหรือครับ

 
กัปตัน
วันที่  14 ต.ค. 2551
หมายเลข  10131
อ่าน  2,644

ผมนั่งสมาธิและดูจิตในขณะใช้ชีวิตประจำวัน ความรู้ทางภาษาบาลีผมไม่รู้เลยครับ ช่วงแรกที่ดูจิตก็รู้สึกว่า จิตเค้าปรุงสภาวะขึ้นมาเอง เห็นการเกิดดับเปลี่ยนแปลงบังคับไม่ได้ เริ่มเห็นร่างกายขยับไปมาเหมือนหุ่น และผมก็คอยดูการทำงานของจิตอยู่ และสิ่งนี้เป็นธรรมชิ้นแรกในรอบ 1 สัปดาห์ที่หัดตามดูการทำงานของจิต คือมันมีการคลายตัวออกมา แล้วความทุกข์มันห่างออกมาจนผมรู้สึกว่า เอ จิตที่เป็นทุกข์นั้นมันของใคร และผมก็เริ่มเห็นจิตที่มันคลายออกมาเองบ่อยขึ้น ผมก็รู้สึกว่าจิตที่คลายออกมาก็ไม่เที่ยง จิตที่เป็นทุกข์ก็ไม่เที่ยง ตัวเราซักวันหนึ่งก็ต้องตาย ไม่มีอะไรเที่ยงเลย แล้วตัวเราที่จะหลุดพ้น เนี้ยมันคือสิ่งไหน บางครั้งผมก็รู้สึกท้อ เบื่อหน่าย ดูจิตต่อไปก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเป็นเราเลย มีแต่สิ่งที่จิตปรุงขึ้น เห็นแต่ความไม่เที่ยง รู้สึกว่าจิตกับสภาวะมันรักกันมาก แต่ก็รู้ตัวครับว่าความรู้หรือปัญญาน้อยมาก เพราะผมรู้สึกว่าผมมักจะหยิบสภาวะขึ้นมาเป็นของตัวเองเหมือนแมวคอยแอบขโมยปลาย่างเลยครับ

พอมีสติแวบทีก็ปล่อยของมันเอง ช่วงนี้มันมีความเย็นเหมือนก้อนน้ำแข็งอยู่ที่จิตครับ มันเย็นมาก มีสภาวะอื่นมากระทบก็กระจายออก สภาวะมันไม่สามารถเข้ามาที่จิตได้ครับ เป็นแค่บางครั้งนะครับ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร บางครั้งก็รู้สึกว่ามันก็เป็นสภาวะของจิตทั้งนั้นแหละ ของไม่เที่ยงทั้งนั้น ถ้าหลงไปยึดว่าเป็นของเราก็จะทุกข์ เพราะเห็นแล้วว่ามันไม่เที่ยง แต่ผมยอมรับเลยนะครับว่าผมรักตัวเองมาก กลัวตัวเองจะไม่มี แล้วตัวเราจริงๆ มันไม่มีจริงๆ หรือครับ แล้วอะไรที่มันหลุดพ้นครับ ในเมื่อจิตกับสภาวะก็ต่างคนต่างทำงาน พอหมดเหตุมันก็ดับไป มีเหตุมันก็มา ขอความกรุณาด้วยครับผมสังเกตุดูจิตมาได้ 6 เดือนแล้ว ชีวิตทางธรรมผมก็เหมือนเด็ก 6 เดือนครับ ฟังเทปของบ้านธัมมะแล้วก็รู้สึกว่าชอบมากครับ แต่พอเจอะภาษาบาลีผมเลยไม่ค่อยเข้าใจครับ แต่ก็พอเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ผมควรฝึกอย่างไรให้การดูจิตให้ดีขึ้นกว่านี้ครับ เพราะที่ดูจิตอยู่ก็เพียงดูสภาวะตามชีวิตประจำวัน ควรมีอะไรเพิ่มเติมครับ

ขอขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 15 ต.ค. 2551

ที่ท่านเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องของความคิดทั้งหมด ไม่ใช่ปัญญาที่รู้แจ้งสภาวของธรรมะ ถ้าเป็นปัญญาจริงๆ จะไม่รู้สึกท้อหรือเบื่อหน่าย แต่จะอาจหาญร่าเริงในธรรมะ อนึ่งการรู้ลักษณะไตรลักษณะ คือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เพียงคิดเอา แต่ต้องเป็นปัญญาระดับวิปัสสนาญาณ แม้ความเข้าใจขั้นต้นฟังเพื่อเข้าใจธรรมะก็เป็นสิ่งที่ยาก ขณะนี้มีธรรมะกำลังปรากฏ ฟังเพื่อเข้าใจธรรมะว่าเป็นเพียงธรรมะอย่างไร ไม่มีเราอย่างไร เมื่อศึกษาเข้าใจจริงๆ แล้วย่อมจะรู้ว่าตัวเราไม่มีจริงๆ มีเพียงธรรมะเท่านั้น ธรรมะเมื่อแยกละเอียดขึ้นก็คือ นามธรรมและรูปธรรม นามและรูปเกิดเพราะปัจจัย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา โปรดค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปเรี่อยๆ ก่อนนะครับ อย่าเพึ่งคิดไกลไปเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Sam
วันที่ 15 ต.ค. 2551

"ฟังเทปของบ้านธัมมะแล้วก็รู้สึกว่าชอบมากครับ แต่พอเจอะภาษาบาลีผมเลยไม่ค่อยเข้าใจครับ แต่ก็พอเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง"

ควรฟังต่อไปเรื่อยๆ ครับ ค่อยๆ ทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง เพราะพระธรรมนั้นละเอียด ลึกซึ้ง และยากต่อการทำความเข้าใจ แล้วความเข้าใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากการฟังจะช่วยให้คุณกัปตันสมาทาน อาจหาญ และร่าเริงได้ครับ

ในส่วนของศัพท์บาลีนั้น ไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลครับ เพราะท่านอาจารย์สุจินต์ฯ มักอธิบายความหมายในภาษาไทยควบคู่กันไปด้วยเสมอ (หากจะสังเกตดีดี)

ขอเพียงแค่เราไม่ละทิ้งความเพียรที่จะศึกษาให้เข้าใจ ย่อมจะได้รับประโยชน์จากการฟังธรรมะอย่างแน่นอน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
choonj
วันที่ 15 ต.ค. 2551

อ่านความคิดเห็นของคุณกัปตันแล้ว ก็เข้าใจตามอาจารย์ประเชิญว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของความคิด เป็นเรื่อง เป็นบัญญัติ คิดเกิดแล้วก็ดับหาสาระไม่ได้ แต่คุณกัปตันตั้งกระทู้น่าสนใจ "ตัวเราไม่มีจริงๆ หรือ" พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความจริงในโลกคือ ปรมัตถธรรมมี ๔ คือ รูป จิต เจตสิก นิพาน ดังนั้น ตัวเรา ตนไม่มี แต่ทำไม รูป จิต เจตสิกรวมกันได้เป็นกลุมก้อน เข้าใจว่าเมื่อรวมกันแล้วก็เรียกว่าสัตว์ บุคล ตัวตน ตัวเรา ที่เห็นๆ อยู่นี้ ตัวเราไม่มีจริงๆ หรือความจริงผมก็เข้าใจว่าที่ศึกษาธรรมะเพื่อความหลุดพ้นนั้น ตัวเราไม่มี เพราะที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนนั้นแท้ที่จริงก็คือ รูป จิต เจตสิก แต่ธรรมเป็นเรื่องเข้าใจยาก ต้องใช้ปัญญาและปัญญาก็เกิดแสนยาก สติปัฏฐานต้องเกิดก่อนปัญญาจึงจะเกิดได้ สติปัฏฐานจะเกิดก็แสนยากอยู่แล้ว ปัญญาจะเกิดก็ยิ่งแสนๆ ยาก ต้องใช้เวลานานแสนๆ นาน แล้วทุกคนทุกวันนี้คืออะไร เมื่อไม่ใช่อริยบุคลถ้าไม่ใช่ ตัวเรา บริหารตัวเราไปวันๆ จึงเป็นกระทู้ที่น่าสนใจว่า "ตัวเราไม่มีจริงๆ หรือ"

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
กัปตัน
วันที่ 15 ต.ค. 2551

ได้อ่านความคิดเห็นของทั้ง 2 ท่านแล้วรู้สึกว่า คำอ่านสั้นๆ แต่มีความหมายยาวมากพอเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ จะขอจดจำและตามฟังเทปให้เกิดความรู้ต่อไปครับเอ...ขอรบกวนอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ คือ ผมควรฟังอย่างไรก่อนดี ช่วยชี้แนะด้วยครับ

ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
happyindy
วันที่ 16 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

คำบาลี...

ท่านอาจารย์มักอธิบายในศัพท์นั้นเสมอทุกครั้ง

อย่างละเอียด ไม่ใช่แค่แปล แต่อธิบายถึงลักษณะด้วย

ยาก แต่อยากฟังอีก ควรเข้าใจเพิ่มอีก

เหมือนเจอสิ่งที่ตามหามานานมาก

* * * * *

เคยมีความคิดนึกไปไกลมากมายก่ายกองแบบคุณกัปตัน

ได้ยินได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมแล้ว

กว่าจะค่อยๆ เลิกคิดเอาเอง ใช้เวลานานหลายปีมาก

* * * * *

การฟัง ควรเริ่มจากไหน เคยคิดเหมือนกัน

แต่เมื่อฟังมาเรื่อยๆ ปรากฎว่าความคิดนั้นหายไป

กลายเป็น...ไม่ได้คิดว่าต้องเริ่มฟังจากจุดไหน

มีแต่คิดว่า

เรื่องไหนฟังแล้วไม่เข้าใจ

จะหาฟังซ้ำได้จากที่ไหน ชุดไหน มากกว่า

อย่ากังวลใจเลย

ฟังไปเรื่อยๆ

ที่สำคัญ

อย่าขาดการการฟัง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 16 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไม่มีเรา
วันที่ 16 ต.ค. 2551

โมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 16 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ชีวิตของเราที่ดำเนินไปในแต่ละวัน (ในแต่ละภพในแต่ละชาติ) ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไป ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงขณะที่จุติจิตเกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ นั้น ไม่มีอะไรเลยนอกจากนามธรรมกับรูปธรรมเท่านั้น ไม่มีตัวเรา ไม่มีเรา แต่มีสภาพธรรม ถ้ายังไม่ได้ศึกษาก็จะยังไม่รู้ไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้ฟัง ได้ศึกษาไปตามลำดับ ก็ย่อมจะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นไปทีละเล็กทีละน้อยว่า มีธรรมอยู่ตลอดเวลา ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไม่พ้นหกทางนี้เลย

ดังนั้น จึงต้องอดทนที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป (ไม่พึงใจร้อน) เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงยิ่งๆ ขึ้นไป ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 16 ต.ค. 2551
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 4 โดย กัปตัน

ได้อ่านความคิดเห็นของทั้ง 2 ท่านแล้วรู้สึกว่า คำอ่านสั้นๆ แต่มีความหมายยาวมากพอเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ จะขอจดจำและตามฟังเทปให้เกิดความรู้ต่อไปครับเอ...ขอรบกวนอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ คือ ผมควรฟังอย่างไรก่อนดี ช่วยชี้แนะด้วยครับ

ขอบคุณครับ

แนะนำไฟล์ให้ค่อยๆ เริ่มฟังธรรมในเวปนี้ ร่วมทั้งร่วมสนทนาก็ได้ครับ ไม่ต้องรีบร้อน ความเข้าใจถูกจะเพิ่มขึ้นจากการฟังพระธรรมทีละเล็กละน้อยครับ อย่างไรก็ตาม นำไฟล์ฟังธรรมดีๆ ซึ่งถ้าฟังก็จะทำให้คุณเข้าใจขึ้นอีกครับ โดยเฉพาะการอบรมปัญญาที่ถูกต้อง ลองฟังดูนะครับ

คลิกฟังที่นี่ครับ

อาศัยการฟังให้เข้าใจก่อน

ต้องเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม

คิดเรื่องพระไตรลักษณ์แต่ไม่รู้ลักษณะ

ทำอย่างไรจึงค่อยๆ เข้าใจ

ขั้นคิดพิจารณากับขั้นสติปัฏฐานต่างกัน

สติขั้นคิดกับสติปัฏฐานต่างกันอย่างไร

ไม่ต้องไปพยายามทำ แต่ฟังให้เข้าใจ

ฟังให้เข้าใจว่าเป็นธรรมะ

พื้นฐานคือให้เข้าใจความจริงของปรมัตถธรรม

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

การดูจิต

วิธีการดูจิตเป็นทางลัดรึเปล่าครับ

การฝึกดูจิต ตามรู้จิต คือสติปัฏฐานที่ถูกหรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 17 ต.ค. 2551

ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นความคิดเป็นเรื่องราว ไม่ใช่การรู้ความจริง เป็นสมมติบัญญัติ ให้เริ่มต้นด้วยการตั้งใจฟังธรรมให้เข้าใจก่อน ถ้าอันไหนฟังยาก ก็ผ่านไปก่อนให้ถามผู้รู้ทีหลัง อย่าเพิ่งไปทำอะไรโดยที่ยังไม่เข้าใจค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Pararawee
วันที่ 17 ต.ค. 2551

ไม่มีจริงๆ ค่ะ มีแต่สภาพธรรม

ที่คิดว่ามีน่ะ ไม่ใช่ เป็นความคิดค่ะ

ไม่เคยรู้เลยใช่ไหมคะ ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม

อนุโมทนาค่ะ ศึกษาต่อไปนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 17 ต.ค. 2551

ฟังให้เข้าใจจริงๆ แล้วจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา หรือสัตว์ บุคคล ตัวตน ถ้ามีโอกาสก็ไปร่วมสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ เพื่อจะได้ไม่เข้าใจผิด หรือเมื่อสงสัย ก็สามารถสอบถามท่านอาจารย์สุจินต์และท่านวิทยากรได้

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
กัปตัน
วันที่ 17 ต.ค. 2551

ถ้าเห็นรูปนามเป็นธรรมะที่ไม่เที่ยง ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นธรรมะหมด ตัวเราก็จะไม่มี มีแต่สิ่งที่เป็นธรรมะ ผ่านเข้ามาและออกไป ตัวตนที่รู้สึกว่ามีเราคือเราคิดนึกปรุงแต่งเองใช่มั้ยครับ วันนี้ผมดูสภาวธรรมอยู่ เห็นสภาวะทุกอย่างเกิดเองตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว แต่มีผมเองที่เกิดคิดนึกปรุงแต่งว่าเป็นเรา ใช่มั้ยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pornpaon
วันที่ 17 ต.ค. 2551

คุณกัปตันอยู่ไกลจากมูลนิธิฯ มากมั้ย ลองมาฟังและสอบถามข้อสงสัยต่างๆ ด้วยตนเองสักครั้งนะคะ เพราะหากสงสัยอีก ก็ยังสามารถถามอาจารย์วิทยากรต่อได้อีกค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
paderm
วันที่ 18 ต.ค. 2551
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 13 โดย กัปตัน ถ้าเห็นรูปนามเป็นธรรมะที่ไม่เที่ยง ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นธรรมะหมด ตัวเราก็จะไม่มีมีแต่สิ่งที่เป็นธรรมะผ่านเข้ามาและออกไป ตัวตนที่รู้สึกว่ามีเรา คือเราคิดนึกปรุงแต่งเองใช่มั้ยครับ วันนี้ผมดูสภาวธรรมอยู่ เห็นสภาวะทุกอย่างเกิดเองตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว แต่มีผมเองที่เกิดคิดนึกปรุงแต่งว่าเป็นเรา ใช่มั้ยครับ

คลิกฟังที่นี่ครับ

อาศัยการฟังให้เข้าใจก่อน

ต้องเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม

คิดเรื่องพระไตรลักษณ์แต่ไม่รู้ลักษณะ

ทำอย่างไรจึงค่อยๆ เข้าใจ

ขั้นคิดพิจารณากับขั้นสติปัฏฐานต่างกัน

สติขั้นคิดกับสติปัฏฐานต่างกันอย่างไร

ไม่ต้องไปพยายามทำ แต่ฟังให้เข้าใจ

ฟังให้เข้าใจว่าเป็นธรรมะ

พื้นฐานคือให้เข้าใจความจริงของปรมัตถธรรม

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

การดูจิต

วิธีการดูจิตเป็นทางลัดรึเปล่าครับ

การฝึกดูจิต ตามรู้จิต คือสติปัฏฐานที่ถูกหรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
choonj
วันที่ 18 ต.ค. 2551

คุณกับตันเขียนว่า "วันนี้ผมดูสภาวธรรมอยู่" ประโยคนี้ไม่น่าจะถูกนะ เพราะว่าขณะรู้ว่าสภาพธรรมเกิดเองตามธรรมชาติไม่มี "ผมดู" ถ้ามีผมดูก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นสภาพธรรมเกิดตามธรรมชาติ จะเห็นเป็นอย่างอื่นและเข้าใจผิดว่าเป็นสภาพธรรมที่ถูก ธรรมะไม่ใช่ตน ไม่มีตน ไม่มีผมดู ไม่มีใครดู มีแต่รูปและนามซึ่งเป็นธาตุรู้ และเมื่อรู้ก็ไม่ต้องถามใครว่าใช่มั๊ย เพราะประจักษ์แจ้งจนไม่ต้องถาม ถ้ายัง "ผมดู" อยู่ ก็ระวังจะอาการต่างๆ หรือนอนไม่หลับเหมื่อนสหายธรรมอีกท่านหนึ่งที่เขียนถามในเว็บนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ปริศนา
วันที่ 21 ต.ค. 2551

จากความเห็นที่ ๑

ถ้าเป็นปัญญาจริงๆ จะไม่รู้สึกท้อ หรือเบื่อหน่าย แต่จะอาจหาญ ร่าเริงในธรรมะ
แม้ความเข้าใจขั้นต้น ฟังเพื่อเข้าใจธรรมะก็เป็นสิ่งที่ยาก ขณะนี้มีธรรมะกำลังปรากฏ ฟังเพื่อเข้าใจธรรมะ ว่าเป็นเพียงธรรมะอย่างไร ไม่มีเราอย่างไร เมื่อศึกษาเข้าใจจริงๆ แล้วย่อมจะรู้ว่าตัวเราไม่มีจริงๆ มีเพียงธรรมะ เท่านั้น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
khondeebkk
วันที่ 24 ต.ค. 2551

ผมนั่งสมาธิและดูจิตในขณะใช้ชีวิตประจำวัน

กัปตันครับ มีความเข้าใจคำว่า " จิต " คืออะไร มีลักษณะอย่างไร ทำหน้าที่ยังไง อยู่ที่ไหน เท่าที่อ่านมาดูเหมือนว่ากัปตันรู้จัก " จิต "เป็นอย่างดีจึงสามารถติดตาม "ดู"ได้

จากหนังสือ ปรมัตถธรรมสังเขป จิตตสังเขปและภาคผนวก โดยอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ หน้า ๖๔-๗๒ " ในอัฏฐสาลินี อรรถกถาธัมมสังคณีปกรณ์ จิตตุปปาทกัณฑ์ อธิบายจิตตนิทเทส มีข้อความว่า ธรรมชาติที่ชื่อว่า จิต เพราะจิตเป็นธรรมชาติวิจิตร

ที่ (จิต) ชื่อว่า "มนะ" เพราะกำหนดรู้อารมณ์ (สิ่งที่จิตรู้) หน้า ๖๕

ที่ (จิต) ชื่อว่า "หทย" เพราะความหมายว่าเป็นสภาวะอยู่ภายใน หน้า ๖๕

ที่ (จิต) ชื่อว่า "ปัณฑระ" เพราะความหมายว่าบริสุทธิ์ คำนี้ตรัสหมายเอาภวังคจิต น. ๖๗

ที่ (จิต) ชื่อว่า "มนายตนะ"......หน้า ๗๑

กัปตันลองหาเวลาศึกษานะครับ ธรรมเป็นเรื่องที่ศึกษาแล้ว เกิดความเบาและเบิกบานครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ