กาแฟ ถือว่าเป็น มัชชะ หรือไม่ครับ ?
มีเรื่องอยากสอบถามเกี่ยวกับเรื่อง ศีลข้อ 5 ครับ
เพราะว่าหาดูจากในกระทู้เก่าๆ แล้วไม่มี
จากข้อความในเรื่องนี้ครับ
อรรถกถาขุททกปาฐะ ว่า "สุราและเมรัยทั้ง ๒ อย่างนั่นแล ชื่อว่าน้ำเมา เพราะอรรถกถว่าเป็นที่ตั้งแห่งความเมา,ก็หรือ ปานะอะไรๆ แม้อย่างอื่น อันเป็นที่ตั้งแห่งความเมา มีอยู่ ปานะนั้นก็ชื่อว่ามัชชะ, บุคคลเป็นผู้มึนเมาแล้ว เพราะปานะใดอันตนดื่มแล้วปานะนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกว่า มัชชะ." อรรถกถาอามกธัญญเปยยาล ในมหาวรรค สังยุตตนิกาย ว่า"สุราและเมรัยทั้ง อย่างนั้นนั่นแล หรือปานะแม้อย่างอื่น ซึ่งพ้นจากสุราและน้ำดอง อันเป็นที่ตั้งแห่งความาเมา ชื่อว่า มัชชะ."
ในที่นี้คำว่าปานะแม้อย่างอื่น รวมไปถึง "กาแฟ" ด้วยหรือไม่ครับ
แล้ว"เมา"ในที่นี้หมายถึงอะไรครับ ขาดสติ หรือ หลงมัวเมาในรสชาติ หรือ ติดแบบถ้า
ไม่ได้กินแล้วจะง่วง หงุดหงิด อะไรแบบนี้ครับ
ผมเป็นคนนึงที่ชอบดื่มกาแฟ เพราะว่าจะทำให้ทำการงานอะไรได้คล่องตัวดีครับ ไม่
ง่วงซึม จึงอยากทราบว่า เป็นการล่วงศีลหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สำหรับศีลข้อ 5 คือเจตนางดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย รวมถึงของมึนเมาอันเป็น
ที่ตั้งแห่งความประมาท
ของที่ทำให้มึนเมาเรียกว่ามัชชะ ได้แก่
สุรา ไดแกสุรา ๕ อย่าง สุราทําดวยแป้ง สุราทําด้วยขนม สุราทําด้วยข้าวสุก
สุราผสมเชื้อ สุราที่ปรุงด้วยเครื่องปรุง. แม้เมรัยก็มี ๕ อย่าง คือ เมรัยที่ทําด้วยดอกไม
เมรัยที่ทําด้วยผลไม เมรัยทําด้วยงบน้ําอ้อย เมรัยที่ทําด้วยดอกมะซาง เมรัยที่ปรุง
ด้วยเครื่องปรุง.
ดังนั้นชื่อวา มัชชะ เพราะอรรถว่าเป็นที่ตั้งแห่งความเมา. คือ อาหารหรือเครื่องดื่ม
อะไรก็ตามที่สามารถทำให้เมาได้ สิ่งนั้นเป็นมัชชะ เมื่อบุคคลใดมีเจตนาดื่มสิ่งนั้น และ
เมื่อดื่มหรือทานสิ่งนั้น ย่อมล่วงศีล 5 ครับ
ส่วนในกรณีของกาแฟ ไม่ใช่มัชชะเพราะไม่สามารถทำให้ถึงความเมา คือไม่สามารถ
ทำให้เมาได้ จึงไม่ใช่มัชชะและไม่ผิดศีลข้อ 5 ครับ เพียงแต่ติดในรสเท่านั้นครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ..... พรรณนาสิกขาบท ๒ เรื่อง สุราเมรย
อธิบายเพิ่มเติมอีกนิดครับ ไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาทานของมึนเมาแต่ทาน
นิดเดียวแต่ไม่เมาจะกล่าวว่า ไม่ผิดศีลข้อ 5 เพราะไม่เมาไม่ไ่ด้ครับเพราะมีเจตนา
ดื่มหรือทานสิ่งที่สามารถทำให้เมาได้ ไม่ว่าจะทานไปแล้วจะเมาหรือไม่เมา แต่ของ
ที่ทานสามารถทำให้เมาได้ แม้ไม่เมาก็ผิดศีล 5 แล้วครับ
ควรเห็นโทษแม้การล่วงศีลข้อที่ 5 หากสัตว์ใดล่วงศีลข้อที่ 5 ย่อมทำให้ไปอบายภูมิ
ได้และผลจของกรรมที่ล่วงศีลข้อ 5 เศษของกรรมเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมทำให้เป็น
คนบ้าได้ครับ
การศึกษาพระธรรม ความเข้าใจพระธรรมย่อมทำให้เป็นผู้เห็นโทษของอกุศลเิพิ่มขึ้น
เพราะปัญญาที่เจริญขึ้น แม้จะยังไม่สามารถละการล่วงศีล 5 ได้ดังเช่นพระโสดาบัน
แต่ความเข้าใจพระธรรม แม้ขั้นการฟังก็เกื้อกูลแก่การขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน
ขออนุโมทนาครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ....กาเฟอีนผิดศีลข้อ 5 หรือไม่
การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย [ราชสูตรที่ ๑]
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ดื่มกาแฟไม่ผิดศีล เพียงแต่ติดในรส แต่สุราดื่มเพียงหยดเดียวก็ศีลขาดถึงจะไม่เมาค่ะ
ถ้าดื่มสุราแล้วเมา ทำให้ขาดสติ ทำให้ล่วงศีลข้ออื่นได้ เช่น ฆ่าสัตว์ พูดเท็จ ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ชีวิตประจำวัน ตราบใดที่ยังไม่มีปัญญาถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล ดับความติดข้องยินดีพอใจในกามคุณ ๕ ซึ่งได้แก่ รูป เสียงกลิ่น รส และ สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย ได้ แน่นอนว่าโลภะ ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปในสิ่งต่างๆ ติดข้องในสิ่งที่กำลังปรากฏ และมีมากในชีวิตประจำวันทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ จากประเด็นคำถามเรื่องการดื่มกาแฟ จึงไม่พ้นไปจากความติดข้องในรส เพราะยังมีโลภกิเลสอยู่นั่นเอง แต่ถ้าสะสมให้มีมากขึ้นๆ ก็อาจจะล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อนได้ เรื่องศีล เป็นเรื่องของความประพฤติเรียบร้อยดีงาม ทางกาย วาจาซึ่งมาจากจิตใจที่ดีงาม ซึ่งไม่ควรที่จะเป็นผู้มีเจตนางดเว้นจากทุจริตบางประการเท่านั้น แต่แท้ที่จริงควรงดเว้นทั้งหมด กล่าวคือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการดื่มสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ซึ่งเป็นนิจศีลที่จะต้องสำรวมรักษาอยู่เป็นนิตย์ นอกจากนั้น ยังต้องขัดเกลากิเลสให้ยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะไม่ผิดศีล ๕ แต่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกไม่ควร ก็ควรที่จะงดเว้นด้วย เท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ เป็นต้น พร้อมกับเป็นผู้มีความจริงใจที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาควบคู่ไปกับความประพฤติที่ดีงาม ต่อไป ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
แจ่มแจ้งเลยครับ
นึกไม่ออกเลยถ้าผมไม่ได้มาเจอบ้านธัมมะ ผมจะไปถามใครให้ได้คำตอบชัดเจนแบบนี้
เพราะคำตอบที่ได้ล้วนแต่มาจากพระไตรปิฎก ซึ่งเรียกได้ว่าความจริงสูงสุด
เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
และที่นี่ก็เอามาแสดงได้อย่างตรงไปตรงมา
ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ และขออนุโมทนากับอาจารย์และทุกๆ ท่านครับ
ผมเองก็มีธุรกิจการงานเยอะทำให้มีโอกาสไปที่บ้านธัมมะน้อย แต่ก็อาศัยการฟังการอ่านในทุกๆ วันครับ เพราะรู้สึกว่ายังมีอะไรหลายอย่างมากๆ ที่ยังไม่รู้และไม่เข้าใจอีกเยอะเลย
โดยเฉพาะเรื่องของการเจริญสติแบบที่เข้าใจเองจริงๆ ในสภาพธรรมจริงๆ ไม่ใช่เพียงอ่านหรือฟังมา
จะตั้งใจศึกษาต่อไปครับ ไม่ให้เสียแรงครูบาอาจารย์และพี่ๆ ที่คอยแนะนำครับ
ขอบพระคุณครับ
ขอเรียนถามค่ะ
หากในทางแพทย์แผนไทยหรือแม้แต่แพทย์ปัจจุบัน
ที่ต้องใช้สุราหรือแอลอฮอลล์เป็นตัวทำละลายยา เพื่อให้เกิดการดูดซึม
แบบนี้แปลว่าผู้ที่เป็นโรคนั้น ก็จำต้องผิดศีลเหรอคะ
เพราะต้องรักษาโรคกันเป็นปกติน่ะค่ะ
เรียนความเห็นที่ 8
ไม่หรอกครับ สำหรับผู้ที่ใช้ยาโดยมีสุราเจือเล็กน้อย เพราะแพทย์ให้ ตัวผู้ทานเองก็ไม่รู้
จึงไม่มีเจตนาดื่มสุราครับ สำคัญที่เจตนาครับ แต่ถ้ารู้ว่ามีแอลกอฮอลและเจตนาดื่มสุรา
ไม่ใช่ดื่มยา เจตนานี้เป็นการผิดศีลข้อ 5 ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
ขอเรียนถามเพิ่มเติมด้วยครับ...
1."ข้าวหมาก" ("ข้าวหมัก")
2.กับข้าวที่ใช้สุราเป็นเครื่องปรุง
3.เครื่องดื่ม+น้ำอัดลมบางชนิดที่ผสม"คาเฟอีน" (=กาแฟ,จัดเป็น"สารเสพติด"ชนิดหนึ่ง,สมัยก่อนใช้"โคเคอีน"=โคเคน,จัดเป็น"สารเสพติด"ชนิดหนึ่งเช่นกัน)
4.หมาก,พลู,บุหรี่,ยาเส้น
5.หมอแนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยเพื่อบำบัดโรคบางชนิด
6.กระท่อม,กัญชา,ฝิ่น,โคเคน,มอร์ฟีน,เฮโรอีน
7.ยาบ้า,ยาไอซ์,ยาอี
ถ้าเสพสารข้างต้นทั้งๆ รู้ (เจตนา) ,ข้อไหนผิดศีลข้อที่5หรือไม่?,อย่างไร?
เรียนความเห็นที่ 10 ครับ1.เป็นเครื่องหมักที่มีแอลกอฮอล สามารถทำให้เมาได้มีเจตนาเสพ ผิดศีลข้อ 5 ครับ
2.ถ้าไม่มีเจตนาเสพให้เมา ไม่มีเจตนาเสพแอลกอฮอล ของเมา ไม่ผิดศีลครับ แต่ถ้ามี
เจตนาผิดครับ ถ้ามีเจตนาเสพสุราในอาหารไม่ใช่บริโภค เจตนาทานอาหารผิดศีล
3.กาแฟ รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไม่ทำให้ถึงเมา ไม่ใช่มัชชะ ไม่ผิดศีลครับ
4.ไม่ผิดศีลถ้าไม่ทำให้เมา ไม่ใช่มัชชะครับ
5.เจตนาเสพสุราหรือของเมาผิดศีลครับ
6.ผิดแน่นอนครับเพราะทำให้เมา
7.ผิดศีลแน่นอนครับ